สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาเที่ยว กรุงเทพมหานครฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งแน่นอนคนไทยทุกคนย่อมรู้จักกันดี แม้กระทั่งดาราต่างประเทศ อย่าง รัสเซล โครว์ ยังต้องมาเซลฟี่ เป็นที่แน่นอนว่า กรุงเทพฯ มีประวัติอันยาวนานตั้งแต่ก่อตั้งมาเป็นเมืองหลวงของไทย ย่อมมีแหล่งโบราณสถาน วัดวาอารามสถาปัตยกรรมสวยงามมากมาย นับไม่ถ้วน แม้แต่คนกรุงเทพฯแท้ๆเองที่อยู่มาตั้งแต่เกิด บางครั้งก็ยังไปเที่ยวชมไม่ทั่ว วันนี้เองผมจึงได้มาพาเที่ยว กรุงเทพฯ ภายในครึ่งวัน เริ่มจากบ้านผมอยู่แถวรังสิต ชานเมืองของกรุงเทพฯ หรือเขตเมืองปทุมธานีนั้นเอง จากการที่มีรถไฟฟ้าสาย สีแดง พึ่งสร้างเสร็จแล้วเปิดให้ใช้บริการฟรี จึงทำให้ผมมีความสนใจที่จะลองนั้งดู เพื่อลองเปรียบเทียบเวลาการเดินทางนั้นเอง ผมเริ่มออกจากบ้านมาถึงสถานี รังสิต ตอนบ่ายโมงตรงแล้วขึ้นรถไฟเลย สถานีปลายทางที่ผมต้องการไปคือ สถานีกลางบางซื่อ ใช้เวลาในการเดินทางจากรังสิตถึง สถานีกลางบางซื่อ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ก็นับว่าเร็วดีกว่าขับรถส่วนตัวมา เมื่อเดินทางมาถึง ก็แวะหาร้านข้าวเพื่อรับประทานรองท้องก่อน เพราะไม่ได้ทานข้าวเที่ยงมานั้นเอง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเหมือนเดิม โดยได้แวะทานข้าวที่สถานีรถไฟสายเก่า หรือสถานีรถไฟธรรมดาตรงบางซื่อนั้นเอง เมื่อทานข้าวเสร็จแล้วดูจากนาฬิกาเป็นเวลาบ่ายสอง จึงได้ออกเดินทาง ผมเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน MRT ที่อยู่ตรงบางซื่อใกล้ๆกัน สถานีปลายทางคือ สถานีสามยอด เพราะในใจคิดว่าที่แรกที่ไปคือ เสาชิงช้า หน้าที่ว่าการกรุงเทพมหานครฯ (เพราะจะได้บอกว่ามากรุงเทพฯจริงๆ) โดยซื้อตัวรถไฟฟ้าใต้ดินราคา 42 บาท ใช้เวลาในการเดินทางรอบนี้ เกือบหนึ่งชั่วโมง เพราะเป็นครั้งแรกที่ขึ้น รถไฟฟ้าใต้ดิน ก็อาจจะงงๆมีหลงบ้างอยู่เหมือนกัน หลังจากที่เดินทางมาถึงสถานีสามยอดแล้วก็ประมาณราวๆเกือบบ่ายสามโมง เป็นเวลาที่แสงกำลังพอดี จึงรับเดินจากสถานีสามยอดไปที่ เสาชิงช้า แต่ก่อนที่จะถึง เสาชิงช้า จะผ่านวัด สุทัศน์ เป็นวัดหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้วัดอื่น ที่อยู่ใจกลางเมือง กรุงเทพฯ ถือเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งที่สร้างมานาน มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เก่าแก่มากมายเช่นกัน จึงอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาถ่ายรูป เมื่อถ่ายรูปวัดสุทัศน์เสร็จ ก็เดินออกมาทางหน้าวัด ก็จะพบกับ เสาชิงช้า ซึ่งเป็นเสาไม้สีแดงขนาดสูงใหญ่ตั้งตระหง่านมองเห็นได้ชัดเจนอยู่ตรงหน้าวัดสุทัศน์ เมื่อเสร็จจากการเดินชมเสาชิงช้าได้ซักพัก ก็ได้เริ่มเดินทางไปที่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือที่ใครๆต่างเรียกกันว่า ภูเขาทอง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักใช้เดินเท้าไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ก็มาถึง อยู่นอกกำแพงเมือง ริมคลองมหานาค ตรงที่บรรจบกับคลองบางลำพู อยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เดิมเป็นวัดเก่าชื่อว่า "วัดสะแก" ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม นามว่า "วัดสระเกศ" ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างโดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกอีกชื่อว่า "สุวรรณบรรพต" มีความสูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดมซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราชเพราะมีคำจารึกอยู่ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ขณะนั้นกำลังทรงผนวชอยู่ที่ประเทศอินเดีย ได้ส่งพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาถวายในฐานะที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เป็นพุทธมามกะอยู่ในขณะนั้น เมื่อเสร็จจาการเดินขึ้นไปกราบสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ ก็ได้เดินทางลงมาจาก ภูเขาทองเก็บภาพบรรยากาศต่างๆรอบวัด ก็ดูเวลาห้าโมงกว่าจึงคิดว่าน่าจะเดินทางกลับจึงได้เรียกรถจาก แอปสีเขียวแอปหนึ่งเดินทางไป หัวลำโพง เพื่อจะได้นั้งรถไฟจากหัวลำโพงไปลงที่ สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งใช้เวลาไม่มากนักก็เดินทางมาถึง ก็ได้เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบเหมือนเดิม ก่อนที่จะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็น พิพิธภัณฑ์ ในอีกไม่นาน เมื่อเสร็จจากการถ่ายภาพแล้ว ก็ได้เดินทางมาซื้อตั๋วรถไฟ เพื่อไปลง สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งราคาค่าตัวถูกมากแค่ 2 บาทเท่านั้นเอง และเมื่อถึงสถานีกลางบางซื่อ ก็เกือบจะค่ำแล้วก็ไม่ลืมเก็บภาพบรรยากาศมาฝากอีกเช่นเคย ก่อนที่จะเดินทางกลับ รังสิต โดย รถไฟฟ้าสายสีแดง เช่นเดิม ฟรี สำหรับใครที่ชอบเดินถ่ายภาพ แนวสตรีท แนวแคนดิท ในกรุงเทพฯ มีที่ถ่ายภาพอีกมากมาย เพียงแค่คุณก้าวออกมาสู่โลกกว้างใบนี้ ก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านจนจบ ถ้ามีอะไรดีผมจะมารีวิว และเก็บภาพบรรยากาศมาให้ชมอีกนะครับ เครดิตภาพ โอ รังสิต อัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !