👩❤👨 หมู่บ้าน Ta Phin กับ เส้นทาง Tram ton pass 👩❤👨 อย่างที่เคยเล่าให้ฟังในตอนแรก ๆ นะครับ ว่า ซาปานั้น มีคนพื้นเมืองหลายกลุ่ม อาจจะด้วยเพราะว่าเป็นเมืองที่ติดเขตชายแดนและอยู่ตอนเหนือของประเทศ ถ้าจะให้ลงรายละเอียดจริง ๆ ตามที่เห็นข้อมูลที่สถานที่ท่องเที่ยวลงไว้คือ มีชาวพื้นเมืองทั้งหมด 9 กลุ่ม ที่มารวมตัวอาศัยอยู่ที่ซาปา ได้แก่ H’mong, Dao, White Thai, Giay, Tay, Muong, Hao และ Xa Pho และ ชาวเผ่าคนพื้นเมืองเหล่านี้แหละครับที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ทำให้ซาปาคึกคักอย่างทุกวันนี้ เพราะยังมีวัฒนธรรม และ ธรรมชาติอยู่เต็มเปี่ยม และ ที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือ แต่ละชนเผ่านั้นยังใส่ชุดประจำเผ่าตัวเอง เป็นอีกหนึ่งจุดน่าสนใจสำหรับการท่องเที่ยวที่ซาปาครับ และ ชนเผ่าหลัก ๆ ที่เราจะพบเจอได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวจะมี 2 ชนเผ่าด้วยกัน ที่ทำผันตัวออกมาทำธุรกิจ นอกเหนือจาก ทำนาทำไร่ คือ Red Dao กับ H'mong (ชนเผ่าอื่น ๆ ก็มีประปรายครับแต่ไม่มากเท่า 2 ชนเผ่านี้ เพราะส่วนใหญ่ ชนเผ่าอื่น ๆ จะรักสงบ และ มีความสุขกับการทำนา ทำสวน ทำไร่ อยู่ในพื้นที่ของเผ่าตัวเองมากกว่า) Red Dao เป็นกลุ่มหลัก ๆ ที่เน้นไปทางค้าขาย เราจะพบเห็นได้ทุกที่ทั่วไป ที่ผมสังเกตุ คือ จะมีของขายแขวน คอ หรือ แขน เดินตามนักท่องเที่ยว และ สื่อสารภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเพื่อการค้าเท่านั้น เลเวลสูงหน่อยก็จะมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง H'mong ชาวม้ง (ในไทยก็มีเยอะครับ) เมื่อก่อนก็เป็นชาวนา ชาวสวน ก่อนที่จะผันมาเอาดี ฝึกภาษาอังกฤษจนเก่งและจับการตลาดด้วยการเป็นไกด์นำเที่ยว และ เปิดที่พัก เกสเฮ้าส์ Ta Phin Village หมู่บ้านต่าพินเป็นหมู่บ้านของชาว Red Dao ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหลัก และ อาชีพเสริม (แล้วแต่บ้าน) คือสิ่งทอ ไม่ว่าจะทอ ผ้า ทอเสื่อ งานฝีมือแบบดั้งเดิมที่เห็นวางขายในซาปา ส่วนมากเป็นผลิตภัณฑ์ทอของหมู่บ้านต่าพินนี่แหละครับ ตัวหมู่บ้านนั้นมีธรรมชาติล้อมรอบ เป็นเมืองแห่งนาขั้นบันไดจริง ๆ ครับ มีความงามของธรรมชาติ และ ความเป็นชนบท เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวชั้นดีเลยครับ อยากจะซื้อบ้านไว้ที่นี่จริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าไม่มีตังค์... ข้อเสียเรื่องเดียวเลยครับของที่นี่ คือ พนักงานขาายทุกรุ่นทุกวัยนั้น ตื้ อ เ ก่ ง ม า ก ไปครับ ไปเที่ยว หมู่บ้านต่าพิน กัน วันนี้ตื่นมาค่อนข้างคึกคักแต่เช้า เห็นชาวม้งมารอรับนักท่องเที่ยวไปหมู่บ้าน และ ชาวดาวขายของให้นักท่องเที่ยวกันเยอะแยะเลยครับ เช้านี้ขอนอกใจอาหารเช้าโรงแรมไปลอง บุ๋นจ๋า Bún chả บุ๋นจ๋า เป็นขนมจีนชนิดหนึ่งในเวียดนาม โดยเป็นการรับประทานขนมจีนกับหมูย่าง ซึ่งมีทั้งหมูสับเป็นก้อนย่างหรือหมูสามชั้นย่าง กินคู่กับซอสรสเค็มหวานที่ใส่มะละกอดองและแคร์รอตดอง กินกับผักหลายชนิดครับ บุ๋นจ๋า เป็นอาหารของคนเวียดนามเหนือ และ เป็นอาหารท้องถิ่นของเมืองฮานอยเลยก็ว่าได้ครับ ผมเองก็เล็งมาหลายวันแล้วครับ วันนี้มาทางนี้พอดี ร้านอยู่เลยทะเลสาบมานิดหน่อยตามทางไปปั้มน้ำมันเจอทางโค้งเล็ก ๆ หน้าร้านเป็นแบบนี้นะครับ มีน้ำชาให้ดื่มฟรีครับ ชุดใหญ่ไฟกระพริบ กับเรื่องกินเมียสู้ตายเสมอ.... รสชาติดีเลยครับอาจจะไม่เท่าร้านโอบามาที่ฮานอย แต่สำหรับผม มันอร่อยดีครับ เมียก็ชอบไม่หวานมาก รสชาติกลมกล่อม เสียดายไม่ได้ไปซ้ำ ให้ผักเหมือนประชดเหมือนกันทุกร้าน... วิธีทานก็ง่าย ๆ ครับ เอาขนมจีน และ สารพัดผัก ใส่ลงไปในถ้วยน้ำซุป เอาแค่พอทานที่ละ 2-3 คำนะครับ เอาลงไปเย็น ซุปมันจะเข้าไม่ถึงทุกเส้น ต้องเอาไปแช่ ให้น้ำซุปมันชุ่ม ๆ อร่อยมากครับเมนูนี้ ไปครับ ท้องพร้อมแล้ว กองทัพเดินทางได้!! ระหว่างทางไปก็เห็นวิถีชาวบ้านไปตลอดทางครับ เป็นการแว๊นซ์ที่เพลิดเพลินมาก "อยากรู้เรื่องยาคูลล์ให้ไปถามสาวยาคูลล์สิคะ" อยู่ดี ๆ คำนี้ก็ลอยขึ้นมาไม่มีเหตุผลครับ.. จอดแวะถ่ายรูปตลอดทางครับ วันนี้น่าจะใช้เวลาทั้งวัน ก็วิวมันสวยมากจริง ๆ ครับ เจอบ้านร้างครับ สวยดี เลยแวะแชะหน่อยครับ อีกสักมุม ขี่รถมาเรื่อย ๆ ครับ ตามกูเกิ้ลแมพมาเลย จะเจอเขาหินอ่อน (ผมเสิร์ชปลายทางเป็น Ta Phin Village) เขาหินอ่อน สวยมากครับ เราเดินขึ้นเขาหินอ่อน เดินอ้อมมาด้านหลัง จะเจอทางลง ไปถ้ำ วิวสวยมากครับตรงนี้ ทางลงถ้ำ ถ่ายจากหน้าถ้ำในเขาครับ อีกมุม ออกมาตั้งแต่ 6โมงเช้า มาถึงตรงนี้ตอน ประมาณ 7 โมง ก็ยังหมอก ๆ อยู่ครับ สวยจริง ๆ หมอกครับ หมอกครับ แดดเริ่มออกครับ ไปครับไปกันต่อ ทางเดินกลับ เริ่มเข้าหมู่บ้าน ต้องแจ้งก่อนนะครับว่าพวกผมไม่ได้เดิน Trekking ในหมู่บ้าน คือ ขี่มอไซค์วนไปวนมาแค่จอดถ่ายรูปอย่างเดียวนะครับ ทำสวนแบบนี้ก็สวยครับ ชอบจังครับอันนี้ตัวอะไรไม่รู้ครับเจอแถวนี้ เหมือนกิ้งกือ แต่ทรงไม่ใช่ เวลาโดนมันก็ขดตัวแบบกิ้งกือเลยครับ พอขดตัวแล้วเท่าฝ่ามือครับ ผมสงสัยมากเลยครับ ถามผู้รู้ ว่ามันคือแมลงอะไร มันใช้ชีวิตกันยังไง ตัวมันติดกัน ไปกันต่อครับ พอเริ่มเข้าหมู่บ้านก็เริ่มเจอชาวบ้านแล้วครับ เด็ก(เลี้ยง)เป็ด แม่หมูภูเขา ตัวใหญ่มากครับ คือ ตัวใหญ่ที่สุดในชีวิตผมเคยเห็นหมูมาแล้วอ้ะครับ ถ้าไม่นับรวมตัวที่มาด้วยกัน..... (หลังจากรีวิวนี้เผยแพร่ ผมจะรอดใช่ไม๊ครับ...) นี่น่าจะเป็นสวนของเด็ก(เลี้ยง)เป็ดคนเมื่อกี้ อ้อออ...ชั้นเรียนนี่เองงง กับนาขั้นบันไดระยะประชั้นชิด พอดีเห็นเจ้าของนานั่งอยู่เลยขอเค้าถ่ายครับ อีกมุมครับ เจ้าของหมูกลับมาบ้านแล้ว กลับไปทางเดิมคือเข้าเมืองไปตั้งหลักที่พักเหมือนก่อนจะไปกันต่อ ออกจากตาฟานก็ลองขับมาทางน้ำตกครับเผื่อจะได้ไปน้ำตกเลิฟ เพราะฟ้าเปิด แต่พอมาถึงน้ำตกซิลเวอร์ก็ไม่มีแดดแล้วครับ แถมฝนตกหนักมาตลอดทาง แต่ออกมาแล้วเลยต้อง ขี่ ๆ จอด ๆ โชคดีที่ใต้เบาะรถทุกคันมีเสื้อกันฝน 555+ แดดโผล่มาแค่ที่เห็นครับแล้วก็ไป เราไปถึงแค่หน้าทางเข้าน้ำตกเลิฟครับแต่ลงไปไม่ได้เพราะฝนตกหนักมากครับ หลังฝนตกหมอกก็มาเลยครับหนามาก จุดมุ่งหมายเราคงต้องพับได้ ได้รูปมาแค่ปลายเส้น Tram Ton Pass Tram Ton Pass เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในซาปาและเวียดนาม มีความสูงอยู่ที่ 1,900 กิโลเมตร จะมองเห็นเขาฟานสิปัน ไกล ๆ นั้นครับ แต่ผมมากันได้แค่ปลายเส้น Tram Ton Pass เลยเห็นเขาฟานสิปันแค่ลิบ ๆ ความสูงของผมตอนนี้น่าจะ 1,800 กิโลเมตรกว่า ๆ ได้ เพราะไปอีก 2-3กิโลก็จะเจอเส้นหลักของ Tram Ton Pass แต่ไปไม่ได้ครับ หมอกหนามาก อันตรายสำหรับมอเตอร์ไซค์ เห็นถนนไม๊ครับ นั้นแหละฝนพึ่งหยุด แล้วหมอกก็มา สรุปทริปนี้ไปไม่ถึงครับ คอตกกลับบ้าน คงไม่มีแต้มบุญพอ ใครไปมาเอารูปมาโชว์กันได้นะครับ จบทริปด้วยดีครับ อาจจะมีเรื่องน่าเสียดายอยู่เต็มไปหมด แต่อย่างน้อยมันก็จะได้เป็นข้ออ้างที่ผมจะเอาไว้บอกตัวเองว่าเราควรต้องมาอีก 😊😊 ซาปา สำหรับผม เหมือนผู้หญิงสวย มีสเน่ห์ แต่ขี้อาย เธอมีดีเต็มไปหมดแต่ไม่โชว์ให้ใครได้เห็น จนเราต้องไปสัมผัสทำความรู้จักกับเธอด้วยตัวเอง ถ้าอยากเห็นความงดงามของเธอ ลองดูครับ เปลี่ยนบรรยากาศหนีร้อนไปอยู่เย็น ๆ หนาว ๆ ก็สนุกดี ถ้าอยากไปซาปาช่วงนาข้าวขั้นบันไดสีเขียว ๆ แนะนำให้ไปช่วง ปลายเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม แต่ต้องทำใจเรื่องฝน และ หมอกหนานะครับ อาจจะขึ้นฟานสิปันไม่ได้ คือขึ้นไปก็เสียเที่ยวไม่เห็นอะไร ฟ้าไม่เปิด เหมือน พวกผม ถ้าอยากไปซาปาช่วงนาสีทอง แนะนำให้ไป ปลายเดือนกันยายน - เดือนตุลาคม ช่วงนี้ให้ทำใจเรื่องฝนเช่นกัน และ หมอกหนา อาจจะรวมทั้งอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำด้วยนะครับ ถ้าอยากไปซาปาแบบฟ้าเปิด หมอกจาง ๆ รำไร ๆ มีให้เห็นตลอดทั้งวัน ให้ไป เดือนกุมภาพันธุ์ - เดือนเมษายน แต่ให้ทำใจเรื่อง ไม่มีนาขั้นบันได้ให้ดู แต่ขึ้นฟานสิปัน หลังคาอินโดจีน สวยสุด ๆ แต่ถ้าอยากเห็น หิมะ แนะนำให้ไปช่วงปลายเดือนธันวาคม - ต้นเดือนมกราคม ครับ ติดตามอ่านรีวิวใหม่ ๆ และ รีวิวอื่น ๆ ของ เมียพาไปไหนก็ไป ง่าย ๆ แค่ Follow เราไว้ครับ https://creators.trueid.net/@13866 ฝากติดตามและให้กำลังใจพวกเราได้ครับ หรือ ดูรีวิวท่องเที่ยวอื่น ๆ "คุ้มค่า ราคาประหยัด ตามแบบฉบับ มนุษย์เมีย" ได้ที่ เพจ เมียพาไปไหนก็ไป Facebook : www.facebook.com/goingwithmywife บันทึกการท่องเที่ยว แบบฉบับ "เพื่อเมีย ตามใจเมีย แล้วแต่เมีย"