"เพราะหนังเป็นเหตุ...เลยต้องมาภูเก็ต" หนังเรื่องหนึ่งที่มีฉากพระอาทิตย์ตกที่แสนจะโรแมนติกและตราตรึงใจมาถึงวันนี้...จนเป็นที่มาของเดินทางครั้งนี้...แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต ตัดสินใจไปคนเดียวเหตุเพราะว่าไม่มีเพื่อนว่างสักคน ถ้าจะให้เทความฝันนี้ ก็เทไม่ไหว จึงต้องลองเสี่ยงด้วยการมาคนเดียวนี่แหละ มีเวลาเตรียมตัว 2 วันกับการเดินทาง โชคดีที่มีเพื่อนหลายคนทำงานที่ภูเก็ต จึงคิดว่าน่าจะรอด และยังไงก็ต้องรอดให้ได้ วันแรกของการเดินทาง ตื่นเต้นสุดๆ ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกซะอีก ออกมาขึ้นรถบขส.ที่หาดใหญ่ รถออกตอน 7.30 น. หลับๆตื่นๆหลายตลบ ตอนแรกคิดว่าน่าจะไม่กล้าหลับ แต่ที่ไหนได้ หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว บรรยากาศบนรถมีเพลงคลอเบาๆบ้าง เสียงเด็กร้องไห้งอแงบ้าง เสียงพี่กระเป๋ารถเรียกลูกค้าบ้าง หลากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราก็เลือกที่จะนอนนิ่งๆ มีแวะทานข้าวระหว่างทางเพิ่มพลังในการเดินทาง รู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้ถึงบขส.ภูเก็ตซะแล้ว และเวลาประมาณ 14.30 น. รถบัสก็จอดสนิทที่ปลายทางของมัน จากนั้นก็เป็นเวลาผจญภัยของเรา ช่วยเศรษฐกิจให้คึกคักด้วยการซ้อนท้ายพี่วินมอเตอร์ไซค์เพื่อไปที่พักตามที่ได้ดูรีวิวในอินเตอร์เน็ตโฮสเทลราคาประหยัดในภูเก็ต และเราก็มาถึง Beehive Phuket old town hostel ด้วยความที่เราอินดี้ไม่ชอบการจองล่วงหน้า อยากมาวอล์กอินให้ตื่นเต้นหัวใจ จึงเข้าไปสอบถามพนักงาน จึงได้ความว่าเป็นห้องนอนรวมชายหญิง แต่โชคดีที่มีผู้หญิงพักอยู่แล้ว 3คนและเราเป็นคนที่ 4 ครบคนพอดี เลยเช็คอินไปคืนหนึ่ง สภาพห้องโอเค ไม่ได้แคบมาก ห้องน้ำสะอาด มีอุปกรณ์ครบครัน เมื่อได้พักผ่อนอย่างจุใจก็ถึงเวลาตระเวนเมืองภูเก็ตฉบับวอล์คเกอร์ โชคดีที่เดี๋ยวนี้มีกูเกิลแมปเลยทำให้ทุกการเดินเป็นไปอย่างง่ายดาย และเราก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้มันตลอดการเดินทาง วันนี้ตั้งใจจะเดินไปเรื่อยๆไม่มีเจาะจงว่าจะไปไหน เดินไปเรื่อยๆโผล่นั่นโผล่นี่โดยไม่ได้คาดหวังอะไร แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความสนุกสนาน ตื่นเต้นและประทับใจในความสวยงามของเมืองภูเก็ต "ย่านเมืองเก่า" "ร้านค้าต่างๆ" "สตรีทอาร์ต" เดินมาเรื่อยๆจนปวดขาและบางทีก็เศร้า ไม่มีคนถ่ายรูปให้ ได้แต่ถ่ายวิวไปเรื่อยๆ เศร้าแต่ต้องยอมรับ แต่เดินสักพักก็มาจะเอ๋กับถนนคนเดิน ว้าวๆๆ มีพลังขึ้นมาทันที "ถนนคนเดิน" ได้เจอถนนคนเดินพร้อมภาพสตรีทอาร์ตที่ชวนให้นิ่งอยู่กับที่ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนคนเดิน ด้วยความที่เป็นช่วงโลวซีซั่นจึงทำให้ดูเงียบเหงาไม่ค่อยมีคน มีแต่พ่อค้าและแม่ค้า มันเงียบจริงแหะ "ถนนคนเดินช่วงโลวซีซั่น" ตอนนี้ขาเริ่มไม่ไหวละ ตาก็จะปิด หัวก็เริ่มปวด มากมายหลายอย่างจริง จึงตัดสินใจกลับที่พักทันทีเมื่อได้สำรวจถนนคนเดินทุกซอกทุกมุม และทันใดนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนักหน่วงโดยไร้การตักเตือนล่วงหน้า แถมฟรีฟ้าร้องฟ้าแลบให้เสียวๆ เมื่อถึงที่พักก็เตรียมตัวเข้านอน แต่มีรูมเมทชวนคุยจนได้เรื่องราว คุยไปคุยมาจนรู้สึกทึ่งกับการเดินทางของเธอ ประทับใจที่เลือกมาทำงานในประเทศไทย จึงหยิบนมช็อกโกแลตไทย-เดนมาร์กที่พกมายื่นให้พร้อมบอกว่าที่ระลึกจากคนไทย จากนั้นก็ขอตัวนอนก่อนเนื่องจากปวดหัวไม่ไหวแล้ว สักพักรูมเมทคนเดิมกลับมาจากเซเว่นพร้อมยื่นยาแก้ปวดมาให้ ปลื้มปริ่มจังมิตรภาพเล็กๆจากคนแปลกหน้า กล่าวขอบคุณ กินยา แล้วหลับยาวๆ ราตรีสวัสดิ์ "ยาแก้ปวดจากเพื่อนร่วมห้อง" วันที่ 2 วันนี้ตื่นมาพร้อมพลังในการผจญภัยในวันใหม่ สำหรับที่พักนั้นให้เต็ม 10เลยจ้า ถ้ามีโอกาสมาอีกก็อยากมาพักที่นี่อีก พนักงานบริการดี ที่พักสะอาด ปลอดภัย และอาหารเช้าอร่อย จากนั้นแบกเป้โตๆไปหามอเตอร์ไซค์เช่า โชคดีที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก จึงไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ จากนั้นทำการเช่า2วันในราคาที่รับได้ทั้งสองฝ่าย เมื่อเพื่อนคู่กายพร้อม จึงบิดไปตามที่ใจเรียกร้อง สถานที่แรกวันนี้คือหาดกะตะนั้นเอง ระหว่างทางใช้ทั้งกูเกิลแมป และใช้ทั้งปากในการถามตลอดทาง จนมาถึงหาดกะตะในที่สุด "หาดกะตะ" หาดกะตะต่างจากหาดทั่วไปตรงที่มีกีฬาเซิร์ฟให้เล่น ใครที่ชอบอยากเล่นหรืออยากเรียนที่นี่จะมีบริการ ส่วนตัวเรานั้นอยากมาดูคนเล่นมากกว่า แต่โชคไม่เข้าข้าง วันนี้ไม่ค่อยมีคลื่น เลยมีคนเล่นไม่กี่คนเท่านั้นแต่ก็สมใจเราละ อิ่มอกอิ่มใจจากหาดกะตะแล้วก็มุ่งหน้าไปหาดนุ้ยเป้าหมายที่สองของวันนี้ต่อ หาดนุ้ยเป็นหาดที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่กลับเป็นหาดที่น่าไปมากๆ เพราะมีมุมถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ สวยๆมากมาย มีชิงช้าสูงๆให้เล่นอย่างน่าหวาดเสียว ถ้ามาถึงที่นี่แล้วยังไงก็ต้องได้ขึ้น การเดินทางมาหาดนุ้ยจะต้องจอดรถที่ตีนเขา จากนั้นจะมีรถบริการไปกลับเพื่อไปที่หาด หรือใครอยากเดินให้ได้เหงื่อก็ได้เหมือนกัน แต่เส้นทางนอกจากจะไม่เรียบแล้วยังโคตรชันอีก "หาดนุ้ย" "นั่งชิงช้าอย่างสนุกสนาน" วันนี้คนไม่เยอะโชคดีที่ไม่ต้องต่อคิวถ่ายรูป แต่โชคไม่ดีตรงที่ไม่รู้จะให้ใครถ่ายรูปให้ เศร้าหน่อยแต่ก็รอด ใครที่ชอบการถ่ายรูปแนะนำให้มามากๆเลย เพราะทุกที่ทุกมุมสามารถถ่ายรูปได้เรื่อยๆทั้งวันอย่างไม่มีเบื่อเลย "มุมสวยๆกับการตั้งกล้องถ่าย" "บรรยากาศรอบทะเล" "จุดชมวิวระหว่างทางก่อนถึงหาดนุ้ย" เมื่อจุใจกับการถ่ายรูปวิวแล้ว ก็ออกเดินทางไปหาดในหานต่อ ที่หาดนี้ไม่มีอะไรมาก หาดมีขนาดเล็ก ผู้คนเยอะ เหตุผลที่มาถึงนี่เพราะเคยเห็นวีดิโอจากอินเตอร์เน็ตแล้วเห็นว่าสวย จึงจัดสักหน่อย ดีที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อยู่ได้ไม่นานก็บิดรถไปต่อ เป้าหมายต่อไปแลนด์มาร์คของภูเก็ต ที่ที่เป็นความฝัน ที่ที่อยากมาให้เห็นกับตาสักครั้ง แหลมพรมเทพนั่นเอง เย้ๆ เราจะได้เจอกันแล้ว "หาดในหาน" "แหลมพรหมเทพ" เคยไหมแค่ได้เยือนที่หนึ่งแล้วทุกอย่างก็หยุดลง แล้วน้ำตาก็พาลจะไหลมาด้วย มันดีต่อใจจริงๆ ความสุขที่ได้มาเห็นในสิ่งที่อยากเห็นมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ดีใจที่พาตัวเองมาถึงที่นี่จนได้ แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งทัก เห็นว่ามาคนเดียวเหมือนกัน ชวนกันเดินลงไปสุดแหลม ส่วนเราก็เออออเห็นด้วย มีเพื่อนคุยด้วยแล้วทีนี้ ที่สำคัญมีคนถ่ายรูปให้แล้วเย้ๆๆๆ "เมื่อมีคนถ่ายรูปให้จะแอคท่าท่าไหนก็ได้" จากการเดินเท้าจนถึงแหลมสุดของแหลมพรหมก็เอาเรี่ยวแรงไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็สนุกดี เนื่องจากมีคนถ่ายรูปให้จึงทำให้อยู่ได้นานและมีภาพถ่ายเยอะมากๆอย่างจุใจและล้นใจ "แอบถ่ายเพื่อนร่วมทาง" ตั้งใจจะดูพระอาทิตย์ตกที่นี่อยากรู้ว่าจะสวยเหมือนในหนังหรือเปล่า แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ท้องฟ้ามืดเป็นสัญญาณอีกไม่นานจะปล่อยสายฝนลงสู่พื้นดิน ส่วนเรานั้นจึงรีบร่ำลากับเพื่อนร่วมทางแล้วบิดรถไปยังเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้นั่นก็คือ หาดป่าตองนั่นเอง ที่หาดป่าตองนี้มีเพื่อนสมัยมัธยมทำงานอยู่ จึงเป็นโอกาสของเราที่จะได้พบปะเพื่อนเก่าและยังได้ประหยัดค่าที่พักอีกด้วย คริๆ เมื่อเพื่อนทำงานที่โรงแรมเราเลยได้มานอนที่นี่ด้วย "ที่พักคืนนี้ Nirvana inn" ตกดึกเมื่อเพื่อนทำงานเสร็จก็ออกมาตระเวนที่หาดกมลาใกล้ๆ บรรยากาศดี ผู้คนเยอะแยะ ร้านค้าก็จุใจ นั่งกินชิวๆ โม้ยาวๆให้หายคิดถึง เติมเต็มให้กับจิตใจมากๆ สักพักก็กลับที่พักทิ้งตัวลงนอนให้จมกับเตียงนุ่มๆ เร่งแอร์หน่อยๆ แล้วห่มผ้าหนาๆ ราตรีสวัสดิ์ "หาดกมลา" วันที่ 3 ตื่นเช้ามาสดชื่นสุดๆวันนี้เพื่อนจะพาไปหาดหนึ่ง เป็นหาดส่วนตัวที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จัก แต่จะรู้จักเฉพาะคนในท้องถิ่นเท่านั้น นั่นคือหาดพาราไดซ์นั่นเอง แต่เนื่องจากเพื่อนยังไม่ตื่นเราจึงออกไปแว้นที่หาดป่าตองคนเดียวก่อน "หาดป่าตอง" สงสัยเราจะมาเช้าเกินจึงยังไม่ค่อยมีผู้คน แต่ก็ไม่วุ่นวายดี จากนั้นจึงกลับที่พักแล้วไปรับเพื่อนเพื่อไปแว้นกันต่อที่หาดพาราไดซ์ ไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย แล้วหาที่จอดใกล้ๆกับรถรับส่ง เพราะที่หาดนี้จะมีรถบริการรับส่งฟรี หรือใครสามารถขี่มอเตอร์ไซค์ไปเองก็ได้ แต่เพื่อนแนะนำว่าไปกับรถเขาดีกว่าเนื่องจากเส้นทางอันตรายเป็นเนินสูงมากๆ เราจึงไม่ขอเสี่ยง "รถที่บริการรับส่งฟรี" "ฉันกับเพื่อน" เมื่อได้เวลาล้อหมุนความมันจึงบังเกิดกับเส้นทางน่าหวาดเสียว แต่ไม่กี่นาทีก็พาพวกเรามาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย หาดพาราไดซ์สมกับที่ชื่อพาราไดซ์จริงๆ สวยมากกกกกก(ก ไก่ล้านตัว) เนื่องจากเรามาตอนที่เขาเพิ่งเปิด จึงทำให้ผู้คนมีไม่เยอะ หามุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลินและอิ่มใจสุดๆ โชคดีที่มีเพื่อนอีกแล้ว จึงทำให้มีคนคอยสลับถ่ายรูปกันได้ "หาดพาราไดซ์" "มุมหนึ่งของหาด" "ชิงช้าบนหาด" เมื่อเต็มอิ่มกับหาดพาราไดซ์แล้วก็ได้เวลาร่ำลากับเพื่อนเพื่อเดินทางต่อไปยังหาดไม้ขาว ที่นี่อยู่ใกล้กับสนามบินภูเก็ตจึงทำให้ได้เห็นเครื่องบินลงจอดอย่างชัดเจนและใกล้ชิดที่สุด ผู้คนส่วนใหญ่จึงพยายามหามุมที่ถ่ายกับเครื่องบินให้ได้เก๋ที่สุด และแน่นอนคือความท้าทายและสนุกสนานอย่างหนึ่ง ส่วเรานั้นยิ่งเพิ่มความท้าทายเพราะต้องตั้งกล้องถ่ายเอง "หาดไม้ขาว" "ฉันกับเครื่องบิน" เครื่องบินจะผ่านมาให้ถ่ายรูปทุกๆ10นาทีโดยประมาณ เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่พอใจกับภาพที่ได้ก็แค่นั่งรอถ่ายเรื่อยๆจนกว่าจะเหนื่อยได้ แต่สำหรับเราเท่านี้ก็โอเคละ สนุกมากมายแล้ว จึงขี่เพื่อนคู่กายกลับเข้าตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งระยะทางถือว่าไกลเหมือนกัน และแล้วสายฝนก็เทลงมาให้ชุ่มช่ำกาย แต่โชคดีที่พกเสื้อฝนมาด้วย เพราะฉะนั้นฝนจึงทำอะไรฉันไม่ได้ วะฮะฮ่า เมื่อกลับถึงเมืองก็หาที่พักกันต่อ คืนนี้พักที่ bed hostel "เพื่อนคู่กายในทริปนี้" "ที่พักคืนนี้" คืนนี้ได้นัดเจอกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเสร็จงานพอดี แล้วพวกเราก็ออกไปทำความรู้จักเมืองภูเก็ตในยามค่ำคืนอีกครั้ง ที่แรกที่ไปคือหลาดปล่อยของใกล้ๆที่พัก แต่เมื่อไปถึงกลับเจอผู้คนไม่กี่คนเลยพากันไปตลาดนัดชิลล์วากันต่อ "หลาดปล่อยของ" "ตลาดนัดชิลล์วา" ที่ตลาดนัดชิลล์วาผู้คนคึกคักกว่า น่าเดินกว่า นั่งชมดนตรีจรรโลงใจสร้างอารมณ์สุนทรีให้ตัวเองสักพักก็ไปกันต่อที่จุดชมวิวเขารัง และตระเวนหาที่ถ่ายรูปในเมืองภูเก็ตจนหมดแรง "จุดชมวิวเขารัง" "ย่านเมืองเก่ายามค่ำคืนอีกครั้ง" "เพื่อนมาส่งที่หน้าโฮสเทล" และแล้วก็ถึงเวลาจากกันอีกแล้ว เมื่อร่ำลากับเพื่อนเสร็จก็เข้าห้องจัดกระเป๋า พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว รู้สึกเศร้าเบาๆ แต่นั่นแหละงานเลี้ยงมีวันเลิกรา ได้มา4วันขนาดนี้ก็ดีมากๆแล้ว จากนั้นก็หลับไปด้วยความเพลียไปอีกคืน วันที่ 4 วันสุดท้าย วันนี้ตื่นสายนิดหน่อย แต่ก็ยังทันกับรถบัสที่ออกเวลา 8.30 น. เมื่อไปส่งเพื่อนคู่กายคืนเจ้าของเรียบร้อยก็ได้เวลานัดกับเพื่อนมัธยมอีกคนซึ่งอาสาไปส่งที่บขส.ให้ ส่วนเราก็ไม่ปฎิเสธในน้ำใจ ตอบรับอย่างไม่คิดอะไรเลย มีเวลาพูดคุยกันไม่นานแต่ก็ถึงเวลาที่ล้อรถจะหมุนซะแล้ว เป้าหมายวันนี้คือหาดใหญ่นั่นเอง กลับบ้านเรากัน บ๊าย บาย ผู้คน บ๊าย บาย เมืองภูเก็ต เป็นทริปที่สนุกมากๆ ได้มาเจอเพื่อนๆด้วย "เพื่อนมาส่งวันกลับ" "ตั๋วขากลับ" การออกเดินทางคนเดียวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อาจจะเหงาบ้างบางเวลา แต่ก็ได้เรียนรู้หลายๆอย่าง เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองพึ่งพาตนเอง เรียนรู้ที่จะไว้ใจคนแปลกหน้า เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างปลอดภัย เรียนรู้ที่จะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น มันดีจริงๆนะ การได้ออกเดินทาง หากมีโอกาสได้ไปกับเพื่อนก็อย่ารอช้า หากมีโอกาสได้ไปคนเดียวก็รีบไขว่คว้า