Day 3 แสวงบุญ พุทธคยา หลังทำวัตรเช้าเสร็จ วันนี้เราเดินไปสำรวจพุทธคยากันอีกครั้ง เพื่อดูการเตรียมงานเวียนเทียนคืนนี้ วันนี้ที่เจดีย์พุทธคยา คนหนาแน่นกว่าทุกวัน เพราะวันนี้เป็นมาฆบูชาที่มีพิธีเวียนเทียน ชาวพุทธศาสนิกชนจึงพากันมารวมตัวสวดภาวนากันที่นี่ บริเวณรอบ ๆ เจดีย์ บรรดานักบวช และพระสงฆ์จากหลายประเทศ มาตั้งเต็นท์พักกันที่นี่เลย แต่ละประเทศก็มีการจัดดอกไม้ประดับประดาและทำพิธีในแนวทางพุทธของประเทศตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงกลางคืนที่มีการประดับไฟสวยงาม พร้อมกับเสียงสวดกึกก้องไปทั่วบริเวณในแต่ละจุดแต่ละประเทศ ช่วงเวียนเทียนก็มีเสียงสวดมนต์ดังไปทั่วทุกพื้นที่ วันนี้เราโชคดี ที่ได้ร่วมพิธีบวชเณร ชาวอินเดีย แต่บวชเป็นพระเนปาลนะ ส่วนของวัดไทยพุทธคยาที่เรามาพัก ก็บวชพระ 3 รูป เป็นพระชาวอินโดนีเซียที่มาบวชวัดไทย จุดสวดมนต์และทำพิธีบวชของวัดไทยพุทธคยาอยู่บริเวณด้านหน้าใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เลย ทำเลดีมาก สวดมนต์แล้วเดินเวียนเทียนรอบเจดีย์ แบตเตอรี่กล้องหมดพอดี ต้องรีบออกจากพุทธคยาเพราะปิดแค่ 3 ทุ่ม คืนนี้แบกบุญกลับวัดกันเลยทีเดียว อนุโมทนาบุญร่วมกัน Day 4 : แสวงบุญ พุทธคยา เช้านี้ไม่สามารถลุกไปทำวัตรได้ กิเลสครอบงำ ง่วงถึงขีดสุด ตื่นมากินข้าวเช้าแล้วเก็บของย้ายออกจากวัดไปนอนโรงแรมข้างวัดแทน วันนี้เราเช่ารถไปตามรอยพระพุทธเจ้า ที่เขาดงคสิริ, แม่น้ำเนรัญชรา, บ้านนางสุชาดา, Sujata Temple และ Buddha Kusha Grass Temple ตามตำนานในพุทธกาลกล่าวไว้ว่าเขาดงคสิริ เป็นสถานที่บำเพ็ญทุกรกิริยาของเจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนที่จะทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทางขึ้นไปถ้ำลาดชันแต่เดินขึ้นได้สบาย ไม่ไกลมากแค่ 800 เมตร ภายในถ้ำดงคสิริจะมีพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ ปางบำเพ็ญทุกรกิริยาประทับนั่งขัดสมาธิอยู่ ซึ่งได้บำเพ็ญมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ทรงเห็นว่าไม่ใช่ทางที่จะพ้นทุกข์ได้ จึงทรงละวิธีบำเพ็ญนั้นหันมาเสวยพระกระยาหารตามปกติ เช้าวันนั้นพระองค์เสด็จไปประทับนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์นั้น นางสุชาดาเข้าใจว่าเป็นเทวดา จึงน้อมข้าวปายาสเข้าไปถวาย ในเวลานั้นบาตรของพระองค์หายไป จึงทรงรับข้าวปายาสนั้นทั้งถาดด้วยพระหัตถ์ นางสุชาดาจึงทูลถวายทั้งถาดแล้วกลับไป พระโพธิสัตว์ทรงถือถาดข้าวปายาส เสด็จไปสู่ท่าแห่งแม่น้ำเนรัญชรา ( ท่าสุปติฏฐะ ) สรงแล้วเสวยข้าวปายาสเสร็จแล้ว ทรงลอยถาดและอธิษฐานว่า ถ้าจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ถาดจงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป ทรงลอยถาดทองไป ถาดนั้นลอยทวนกระแสแม่น้ำ พระองค์จึงได้ตรัสรู้ ช่วงค่ำเรากลับไปที่เจดีย์พุทธคยาอีกครั้งเพื่อเก็บตกภาพช่วงกลางคืนอีกรอบ และไปนั่งสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วันนี้ผู้คนบางตาไปเยอะ แต่ก็ยังคงมีเสียงสวดมนต์อื้ออึงเหมือนเดิม Day 5 : แสวงบุญ พุทธคยา เช้านี้นัดรถไว้ 7 โมงเพื่อจะไปราชคฤห์ จากพุทธคยาไปราชคฤห์ประมาณชั่วโมงนิด ๆ ที่แรกที่เราไป คือ เขาคิชฌกูฎ ทางขึ้นมีกระเช้า แต่กระเช้าจะขึ้นไปวัดญี่ปุ่น แต่เราไม่เน้นเลยเดินขึ้นแทน ไม่ไกลมากแค่กิโลเดียว ถ้าเป็นคนแก่เดินไม่ไหวจะมีบริการเสลี่ยงแบกขึ้นไป ใครสนใจไปวัดญี่ปุ่นแนะนำให้ขึ้นกระเช้าไปวัดญี่ปุ่นก่อน แล้วขาลงมาแวะเขาคิชฌกูฏ แล้วค่อยเดินลง บนเขาจะมีจุดสำคัญของศาสนาหลายจุด ทั้งจุดที่พระเทวทัตผลักหินลงมาจากหน้าผา เพื่อหวังจะทำร้ายองค์พระพุทธเจ้า รวมถึงถ้ำพระโมคคัลลา, ถ้ำพระสารีบุตร และพระมูลคันธกุฎี บนเขามีพระสงฆ์และบรรดาพุทธศาสนิกชนนั่งสวดมนต์กันอยู่กระจายไปรอบ ๆ ลงจากเขาไปเราไปวัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือวัดป่าไผ่ เป็นวัดแห่งแรกของพุทธศาสนา ค่าเข้าชม 40 รูปี ออกจากวัดไปทานข้าวจากนั้นไปกราบหลวงพ่อองค์ดำ เพื่อขอพรด้านสุขภาพซึ่งอยู่ใกล้ ๆ วิทยาลัยนาลันทา วิธีขอพร คือ ต้องนำน้ำมันมะพร้าวมาทาองค์พระเพื่อขอพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จากนั้นเราก็ไปวิทยาลัยนาลันทา วิทยาลัยสงฆ์แห่งแรก ค่าผ่านประตู 40 รูปี สำหรับคนไทย ด้านหน้าจะมีคนมาเสนอตัวเป็นไกด์บรรยายแต่เรามีอากู๋แล้ว เลยไม่ได้ใช้บริการ ภายในวิทยาลัยสวยมาก ถึงแม้จะถูกเผาทำลายแต่ก็ยังบูรณะใหม่จนสวยงามดังเดิม ขากลับรถติดมากมาย เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ ช่วงเวลาเลิกงานพอดี ช่วงค่ำเรากลับไปนั่งสมาธิที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในเจดีย์พุทธคยาอีกครั้งก่อนกลับไปนอน เตรียมตัวกลับสู่ประเทศไทย ทำงานกันต่อไป ภาพทั้งหมดโดย : Myhero สามารถอ่าน แสวงบุญ พุทธคยา ตอนที่ 1 ได้ที่นี่