รีเซต

ตามหา วากานดา อาณาจักรลับแลแห่งราชา Black Panther มีจริงหรือไม่?

ตามหา วากานดา อาณาจักรลับแลแห่งราชา Black Panther มีจริงหรือไม่?
แมวหง่าว
21 กุมภาพันธ์ 2561 ( 11:14 )
75.9K

     สำหรับแฟนหนังจักรวาล Marvel แล้ว ชื่อของประเทศ วากานดา (Wakanda) นั้นเป็นที่รู้จักกันดีแน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นที่อยู่ของราชาแบล็ค แพนเธอร์ (Black Panther) แล้ว ยังเป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรล้ำค่าที่สุดในโลกอย่าง แร่ไวเบรเนียม ด้วย นั่นเลยทำให้ดินแดนแห่งนี้เลือกที่จะปกปิดตัวเอง เพื่อปกป้องภัยคุกคามจากโลกภายนอกนั่นเอง

 

Sarunyu L / Shutterstock.com

 

     ฟังแล้วน่าตื่นเต้นดีใช่ไหมครับ น่าเสียดาย ว่ามันเป็นเพียงประเทศสมมุติ ที่ทาง Marvel สร้างขึ้นเท่านั้นเอง

 

     ถึงอย่างนั้นการจะสร้างประเทศขึ้นมาสักหนึ่งแห่ง ก็ต้องมีต้นแบบในการจำลองอยู่แล้ว ทั้งเรื่องภาษา ศิลปวัฒนธรรม เศรษฐกิจ ฯลฯ ซึ่งทางทีมผู้สร้างเขาก็นำมาจากหลากหลายประเทศในบริเวณนั้นมาผสมผสานกัน ทั้งไนจีเรีย เคนยา อูกานดา แอฟริกาใต้ คองโก ฯลฯ วันนี้นายแมวหง่าวเลยรวบรวมข้อมูลน่าสนใจ (เท่าที่พอจะหาได้) ว่า วากานดา นั้นถ้ามีอยู่จริงน่าจะอยู่ตรงไหน หรือมีประเทศใดที่เป็นต้นแบบบ้าง

 

 

 

     ก่อนอื่น ขอเริ่มจากตำแหน่งที่ตั้งประเทศ ถ้าอ้างอิงจาก Ironman 2 จะมี Easter Egg อยู่ฉากหนึ่งที่โทนี่คุยกับนิค ฟิวรี่เรื่องกลุ่มอเวนเจอร์ โดยมีภาพแผนที่วากานดาอยู่เป็นแบ็คกราวน์ นั่นเลยทำให้เรารู้ว่ามันอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียเหนือของเคนยา ติดชายแดนเอธิโอเปีย ซูดาน และอูกันดา อย่างไรก็ตาม อาณาบริเวณนี้ในสถานที่จริงๆ นั้นเป็นทะเลทราย ต่างจากที่เราเห็นในหนังว่าเป็นแดนที่ราบ สามารถทำกสิกรรม และเลี้ยงปศุสัตว์ได้ ภาพของประเทศวากานดาที่เอาไว้หลบสายตาชาวโลกนั้นเลยน่าจะไปใกล้เคียงกับประเทศคองโกมากกว่า

 

     ในความเป็นจริง คองโก นั้นเป็นประเทศที่อุดมด้วยแร่ โคลแทน (Coltan) แร่สีดำที่เปรียบได้ดั่งทองคำนิล (Black Gold) เป็นแร่ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในมือถือ ไปจนถึงเครื่องเพลย์สเตชั่นเลย และคองโกเองนี่แหละที่ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่า เมื่อมีการลักลอบทำเหมือง แย่งชิงทรัพยากร และส่งออกโคลแทนเกิดขึ้น เกิดเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ป่า โดยเฉพาะกอริลล่าที่ถูกล่ามากขึ้นด้วย และมีความสุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างมาก รวมไปถึงสงครามกลางเมืองในคองโกด้วย

 

     เอาล่ะ กลับมาที่วากานดากันต่อ เมื่อที่นี่อยู่แบบปิดประเทศโดยไม่ต้องรับอิทธิพลจากโลกภายนอกเลย อย่างนั้นแล้ววิถีชีวิตของพวกเขาน่าจะเป็นยังไงล่ะ? คำอธิบายก็คือวากานดานั้นเป็นสถานที่แห่งแรกๆ ของโลกที่เป็นที่อยู่ของชาวแอฟริกันตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม ยังนับถือเทวีบาสท์ ซึ่งมีรากฐานมาจากอียิปต์ด้วย

 

รูปปั้นเทวีบาสท์ เทพเจ้าของอียิปต์ Photo by Rama and one more author

 

     ดังนั้นทีมผู้สร้างจึงเลือกที่จะนำเอาศิลปะจากหลายๆ ประเทศมาผสมผสานกัน ทั้งจากเคนยา คองโก เซเนกัล ไนจีเรีย เราจะสังเกตุได้จากชุดเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของชาวบ้านที่แม้จะล้ำหน้าไปไกลมากแล้ว แต่ก็ยังเน้นงานแฮนด์เมดเป็นส่วนใหญ่

 

     เห็นได้ชัดสุดก็จากคอสตูมของกองทัพนักรบหญิงแห่งวากานดา ที่ยังมีการสวมกำไลคอ ,ข้อมือ ตามสไตล์แอฟริกัน ซึ่งจะยังคงใช้การหลอมขึ้นรูปแบบทั่วไปอยู่ (ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีมากมายในการสร้างว่างั้นเถอะ)

 

     ภาษาที่ใช้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าพูดถึงเช่นกัน แม้เราจะเห็นว่าชาววากานดาในเรื่องจะใช้ภาษาอังกฤษ แบบติดสำเนียงแอฟริกันกันทั้งเรื่อง แต่ถ้าย้อนไปในเรื่อง Captain America: Civil War เราจะได้ยินกษัตริย์ T’Challa กล่าวอำลากับพระบิดาด้วยภาษา คอร์ซ่า (Xhosa) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันในแถบแอฟริกาใต้ และซิมบับเว มีผู้ใช้ภาษานี้อยู่ประมาณ 8.2 ล้านคนในปัจจุบันนี้

 

     เรื่องสุดท้ายที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ คือกลุ่มนักรบหญิงล้วนแห่งวากานดา ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกองทัพนักรบหญิงที่มีชื่อว่า Ahosi of Dahomey หรือ Dahomey Amazons เพื่อปกป้องกษัตริย์และอาณาจักรดาโฮมีย์ หรือประเทศเบนิน ในปัจจุบัน ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ทหารหญิงเหล่านี้มีฝีมือการรบไม่แพ้ผู้ชายเลย กระทั่งศตวรรษที่ 20 กองทัพหญิงนี้ก็ถูกยุบตัวลง เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาล่าอาณานิคม

 

     สุดท้ายแล้ว แม้จะไม่ได้มีประเทศนี้อยู่จริงๆ แต่ด้วยจินตนาการของผู้สร้างที่หลอมรวมเข้ากับความสวยงามของศิลปวัฒนธรรมที่เก่าแก่ยาวนานเหล่านี้ เราก็พอจะเชื่อได้ว่า จิตวิญญาณแห่งวากานดานั้นยังคงอยู่กับดินแดนแอฟริกาอย่างแน่นอนครับ

====================