นั่งรถไฟไปเที่ยวปีนัง&ตามหาคาเฟ่ harry 2020 (ตอนที่ 3) highlights: Harry Harry Harry --------------------------------------------------------------------------------- จากความเดิมตอนที่แล้ว [นั่งรถไฟไปเที่ยวปีนัง&ตามหาคาเฟ่ harry 2020 (ตอนที่ 2)] ที่เราบอกว่าจะไปคาเฟ่ Harry กันแล้ววว บอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่ติ่ง Harry Potter มากกกกกก ติ่งแบบเพื่อนไม่รู้ว่าติ่ง 55555 คือตอนที่เรายังเป็นเด็กใช่ไหม เราก็ไม่ค่อยมีตังที่จะซื้อของสะสม Harry หรือทำอะไรเกี่ยวกับ Harry เลย สิ่งที่เราทำได้คือเราอ่านหนังสือ Harry ทุกเล่ม (ยืมห้องสมุดโรงเรียนมา ที่สมัยก่อนเป็นอะไรที่ต้องแย่งชิงกันอ่าน) ดูหนังทุกภาค ภาคละหลายๆ รอบ ดูวนไปวนมาตั้งแต่ Harry ภาคแรกเข้าโรงตอน 2001 ติ่งมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย ทีนี้พอเราโตเราก็มีความฝันว่าเราอะอยากไป OSAKA เพื่อตามไปติ่ง Harry เติมเต็มความฝันในวัยเด็กของเรา เราก็เลยไปเล่าความฝันนี้ให้น้องเทคเราฟัง แล้ววันนั้นนางก็พูดขึ้นมาว่า "เจ้ผมเพิ่งเห็นในเฟสว่ามีคนไปคาเฟ่ Harry ที่มาเลเซียมานะ" เราก็แบบ หรอออออออออออออ แบบตาเป็นประกายสุดๆ *0* ก็เลยไปลองค้นข้อมูลต่อว่าไอ้คาเฟ่ที่ว่านี้มันอยู่ส่วนไหนของประเทศมาเลเซีย หาไปหามาร้านนี้อยู่ที่เกาะปีนังจ้าาาาาาา ซึ่งปีนังก็เป็นจุดหมายที่เราอยากนั่งรถไฟไปมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน มันก็เลยเป็นการประจวบเหมาะที่เราจะได้ไปปีนังสักทีแล้วก็ได้แวะไปคาเฟ่ Harry ด้วยย ผลพลอยได้เห็นๆ ไม่ได้ตั้งเป็นจุดประสงค์หลักจริงจริ๊งง >///<&nbsp; ด้วยความที่เราติ่ง Harry ใช่ไหม เราก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านคาเฟ่ Harry อย่างจริงจัง เราก็เลยรู้ว่าร้านนี้มี Butter beer ด๊วยยยยย คือแบบ Butter beer อะแก Butter beer ที่มันมีอยู่ในเรื่อง Harry แล้วก็มีขายแบบถูกลิขสิทธิ์ที่ Universal OSAKA ที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่เรายังไม่มีตังไปไงง TT^TT เราก็เลยตื่นเต้นกับร้านนี้มากๆ แล้วเท่านั้นยังไม่พอร้านนี้มีพร๊อบให้ถ่ายรูปได้ด้วย ฉากในร้านทุกฉากคือเหมือนกับจำลองมาจากหนังจริงๆ คือแค่นี้ก็หวีดมากแล้ว เข้าใจเราใช่ไหม เพราะคาเฟ่ในเมืองไทยที่ว่าเหมือนๆ Harry คือไม่มีแบบนี้แน่นอน ตอนที่เราไปสิงคโปร์ก็ไม่ได้แบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นร้านนี้แหละจะเติมเต็มความฝันในวัยเด็กให้เราในราคาประหยั๊ดประหยัด กดหัวใจไปรัวๆ แต่ต้องบอกให้ทุกคนเผื่อใจไว้ก่อนนะว่าร้านมันเล็กมากๆ เพราะว่าที่ปีนังมันเป็นเมืองเก่าดังนั้นร้านรวงหรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ จะเล็กๆ แค่คูหาเดียวเท่านั้น ต้องรับความจริงตรงนี้ให้ได้นิดนึงงง เอาล่ะ หลังจากที่เราน้ำท่วมทุ่งกันมานาน (คือหวีดตั้งแต่ตอนหาข้อมูลแล้วไง) ก็ถึงเวลาที่เราจะไปคาเฟ่ Harry กันแล้ววว ร้านคาเฟ่นี้ชื่อว่า "Potterhead Malaysia" ตั้งอยู่ใกล้กับตึก Komtar มากๆ และอยู่ใกล้กับที่พักเรามากๆ ด้วยเช่นกัน หวีด >/////< แต่ตอนที่เราไปคือตอนหกโมงเย็นแล้วเข้าใจว่าร้านจะปิดตอนทุ่มนึง (ที่จริงปิดตอนทุ่มครึ่ง) เราก็เลยไปกันแบบรีบๆ ถ้ารูปไม่สวยก็ต้องขออภัยจริงๆ ด้วยความที่ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ คูหาเดียว เวลาเราเดินหาจะต้องตั้งใจมองนิดนึง ไม่งั้นเดินเลยแน่นอน ขนาดเราที่ดู Google map มาอย่างดียังเกือบไม่มั่นใจเลย 5555 ยังดีที่หน้าร้านมีเสื้อคลุมตั้งอยู่ เพราะแถบๆ นั้นสีร้านรวงอะไรก็จะกลืนกันไปเกือบหมด (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) คือทั้งร้านอะมีแค่นี้จริงๆ แต่ดีเทลแน่นทุกมุม จุดที่เราชอบที่สุดคือตรงจดหมาย ให้ความรู้สึกเหมือนฉากที่จดหมายมันร่วงมาจากปล่องไฟเยอะๆ แล้ว Harry ดีใจมาก อ้อเราลืมบอกไปอีกอย่างนึง คือร้านนี้ไม่มีแอร์นะ เวลาใส่ชุดคลุมเป็นไรที่ร้อนเหงื่อตกมาก แต่ไม่เป็นไรเราจะมาติ่งเราต้องได้รูป ร้อนแค่ไหนก็ทนได้ 55555 (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) พอเราเข้าร้านมาคือโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ!!! แต่ยังดีตรงที่ว่ามีโต๊ะนึงลุกออกไปพอดีเราเลยมีที่นั่ง ที่เราก็ต้องสั่งแน่ๆ เลยคือ Butter beer แต่ที่ร้านเขาจะใช้คำว่า "Butter scotch beer" แล้วจะเขียนกำกับไว้เลยว่า non-alcoholic สบายใจได้เลยว่าทุกคนกินได้อย่างแน่นอน ราคาแก้วละ 12 RM ตีเป็นเงินไทยด้วยการเอา 7.35 คูณเข้าไป คือแก้วละ 88.2 บาท!!!!!!! ซึ่งแพงมากในความรู้สึกเรา แต่ก็ยังถูกกว่า Butter beer ที่ Universal OSAKA อยู่ดี แต่ทีนี้เราอยากได้พร๊อบมาถ่ายรูปด้วย อย่างเช่นชุดคลุม ผ้าพันคอ ไม้กายสิทธิ์ เราจะต้องสั่งอีกหนึ่งอย่างที่เรียกว่า "patron" คือจะเป็นพวกน้ำขวดสีๆ ของทางร้านเอง เราก็ไม่รู้จะเลือกอะไรเราก็เลยจิ้มๆ อันที่มันถูกที่สุดมาอันนึง ขวดละ 10 RM ระหว่างรอของที่สั่งเราก็จะไปแต่งตัวกันนน >///< เราเลือกชุดคลุมกับผ้าพันคอของบ้านสลิธีรินมาเพราะมันเข้ากับสีเสื้อข้างในที่เราใส่ไป 5555 แต่จริงๆ คือเรามีผ้าพันคอของบ้านกริฟฟินดอร์อยู่แล้วเลยอยากลองบ้านอื่นบ้าง (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) พอกลับมาที่โต๊ะน้ำขวดสีๆ ที่เราจิ้มๆ ไปก็มาพอดี นางมีลูกเล่นตรงที่ร้านเขาจะให้ไฟมาส่องไว้ใต้ขวดจะได้ดูขวดมันเรืองแสงได้ ส่วนรสชาติคล้ายๆ น้ำลิ้นจี่แต่สดชื่นมาก เปรี้ยวๆ หวานๆ (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) และแล้ว Butter beer ที่เรารอคอยก็มาถึงงงงงงงงงงงงงงงง ตื่นเต้นๆๆๆๆๆ คือได้มาปุ๊ปเราก็หามุมถ่ายรูปอยู่นานมากกกกกกกกกก กว่าจะได้กิน ทั้งๆ ที่ตอนนั้นอยากรู้รสชาติของ Butter beer ใจจะขาด ก็คนมันชอบอะเนอะขอถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) พอได้ชิมเท่านั้นแหละ อื้อหืออออ อร่อยมากกกกก หวานๆ หอมๆ ซ่าๆ คือดี ควรค่าแก่การมาลองสักครั้งในชีวิต ไม่รู้หรอกว่าของแท้ที่ OSAKA จะอร่อยขนาดไหน แต่ที่นี่อร่อยมาก แล้วยิ่งกินกับไอ้น้ำสีๆ ข้างบนก็ยิ่งอร่อย รสชาติมันตัดกันพอดี รู้สึกสดชื่นสุดๆ (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) พอกิน butter beer หมด เราก็มาถ่ายรูปเล่นรอบๆ ร้าน จุดแรกก็ต้องเป็นจดหมายที่เราชอบที่สุด ดีเทลแน่นสุด จ่าหน้าซองเหมือนในหนังเป๊ะ (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) ตรงโต๊ะเก้าอี้ถ้าแอบมองดีๆ ก็จะคล้ายๆ ร้านไม้กวาดสามอันอยู่นะ (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) อาราก็อกที่เป็นแมงมุมของแฮกริดก็มี (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) เงาปราสาทฮอกวอตส์ก็มา (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) กระจกเงาแห่งแอริเซด ที่แฮร์รี่ชอบแอบใช้ผ้าคลุมล่องหนหนีออกจากหอนอนไปดูพ่อกับแม่อะก็ดีเหมือนกัน (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) เฮ็ดวิกตัวเล็กก (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) ลูกสนิช (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) แล้วร้านนี้ก็มี Butter beer แบบที่เป็น Take away ด้วย อันนี้ที่เราได้สั่งแบบแก้วพลาสติกคือ เรากลับมาที่ร้านนี้อีกรอบนึง เพราะคำนวณตังแล้วเนี่ยสั่ง Butter beer อีก 2 แก้ว ขนหน้าแข้งยังไม่ร่วงเลย (หรอออ) คือตอนที่เราไปอีกรอบเจ้าของร้านเขากำลังเก็บร้านเลย เราก็เลยถามเขาว่าร้านยังเปิดอยู่ไหม เขาก็ตอบกลับมาว่า "I'm going to close" ด้วยภาษาอังกฤษอันอ่อนแอของเราก็เข้าใจว่าเขาจะปิดแล้ว 555 เราก็เลยเดินออกมาช้าๆ แล้วทวนประโยค I'm going to เดี๋ยวนะ I'm going to แปลว่ากำลังจะปิด ยังไม่ได้ปิด เราก็เลยเดินกลับเข้าไปสั่ง Butter beer แบบ take away เลยได้แก้ว Butter beer มาของที่ระลึกสะงั้น แหมมม เกือบไม่ได้กินแล้วไหมล่ะ เพราะภาษาอังกฤษอ่อนแอแท้ๆ เลย 5555 (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) เท่ากับว่าเราหมดค่าเสียหายกับร้านนี้ไปเยอะมากกก Butter beer 3 แก้ว แก้วละ 12 RM คูณ 3 บวกกับ น้ำสีๆ อีกขวดนึง 10 RM รวมค่าเสียหายทั้งหมด 46 RM ตีเป็นเงินไทย 338 บาท!!!! โอ้แม่ แต่ไม่เป็นไร เราจะติ่ง แพงแค่ไหนเราก็จะสู้!!! #ติ่งให้สุดแล้วไปหยุดที่หมดตัว 55555 แถมท้ายรูปนี้นิดนึง อันนี้เราไปเจอมาแถวๆ สถานีดับเพลิง จะมีตรอกเล็กๆ เข้าไปชื่อว่า Art Lane เป็นเกี่ยวกับ Harry เหมือนกัน เผื่อใครอยากไปถ่ายรูป (เครดิตภาพโดย Try to Try ก็แค่ออกไปลอง) ทริปปีนังของเรายังไม่ได้จบแค่นี้นะจ๊ะ ติดตามเราต่อได้ในตอน [นั่งรถไฟไปเที่ยวปีนัง&ตามหาคาเฟ่ harry 2020 (ตอนที่ 4)] หรือติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน