ในช่วงเวลาปลายฝนต้นหนาวสถานที่สำหรับที่จะออกไปเที่ยวพักผ่อน หลายคนคงนึกถึงสายหมอกยามเช้าบนยอดภูเขาสูงและสัมผัสกับอากาศเย็น ซึ่งในบทความนี้ผมจะมารีวิวการขึ้นไปนอนกางเต็นท์บนลานสนที่ภูสอยดาว ซึ่งแผนการเดินทางในครั้งนี้เป็นระยะเวลาสั้นๆ 2 วันกับอีก 1 คืน ซึ่งผมได้เดินทางออกจากจังหวัดพิษณุโลกและมุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวซึ่งมีระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงผมเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเวลาประมาณ 11.30น. ซึ่งที่ทางเข้าอุทยานจะมีจุดให้ลงทะเบียน เมื่อลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ด้านในเพื่อทำการบันทึกข้อมูลต่างๆ และนำสัมภาระที่จะจ้างลูกหาบมาทำการชั่งน้ำหนักโดยมีค่าบริการอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆก็จะมีค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท ค่าพื้นที่กางเต็นท์คนละ 30 บาท/คืน และค่ามัดจำขยะคนละ 200 บาท ซึ่งจะได้คืนเมื่อนำขยะลงมาด้วย เมื่อทำการชั่งน้ำหนักสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็จะมีรถของเจ้าหน้าที่พาเราไปส่งที่ทางขึ้นลานสนภูสอยดาว บริเวณทางขึ้นภูสอยดาวจะมีน้ำตกอยู่เรียกว่าน้ำตกภูสอยดาว บริเวณน้ำตกจะเป็นป่าทึบทำให้รู้สึกว่ามีอากาศเย็นมากกว่าบริเวณอื่น ซึ่งผมก็เริ่มเดินขึ้นไปบนภูสอยดาวเวลา13.00น. พอเริ่มเดินไปสักพักก็จะพบกับป้ายเนินส่งญาติ ผมคิดในใจว่าเนินแรกก็ไม่ได้ไกลเท่าไรเนินต่อไปก็คงมีระยะทางพอๆกันพอเริ่มเดินผ่านป้ายเนินส่งญาติไปสักพักจากทางเดินที่เป็นพื้นที่ราบก็เริ่มเป็นพื้นที่สูงชัน ทางเดินเริ่มมีบันไดที่ทำด้วยไม้บ้างทำจากพื้นดินบ้าง ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินขึ้นไป ซึ่งในระหว่างทางก็พบกับนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินลงมา บางคนก็ให้กำลังใจว่ายังอีกไกลกว่าจะถึง ผมก็คิดในใจว่าจะไกลอีกเท่าไรกัน สภาพบางคนที่เดินลงมาแบบจะไปต่อก็จะไม่ไหวแล้ว ผมเดินมาซักพักก็มาถึงเนินที่ 2 เนินปราบเซียน ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ระหว่างการเดินคือน้ำต้องพกติดตัวมาด้วย เพราะระหว่างทางที่เดินจะเหนื่อยมากต้องดื่มน้ำเป็นระยะ เดินต่อจากป้ายเนินปราบเซียนมาก็จะเป็นพื้นที่ราบเดินง่ายแต่มีระยะทางที่ไกล กว่าจะถึงเนินถัดไปใช้เวลาค่อนข้างนาน ระหว่างทางก็เริ่มเจอคนที่กำลังเดินขึ้นไปบนลานสนในวันนั้นเหมือนกัน ซึ่งบางคนก็เริ่มเดินขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเช้าแต่พักระหว่างทางบ่อยผมเลยเดินตามทัน เดินๆไปก็ไปถึงเนินที่ 3 เนินเสือโคร่งซึ่งพอมาถึงเนินนี้ผมก็เริ่มที่จะเดินไม่ไหวแล้ว เริ่มเดินไปพักไปสลับกับมีฝนตกด้วยระหว่างเนินเสือโคร่งก็เริ่มเห็นแนวทิวเขาที่อยู่ระดับเดียวกับเมฆบวกกับขาที่ก้าวไม่ค่อยออกด้วยความเหนื่อยล้า แต่ตอนนั้นยังมีความอุ่นใจอยู่ที่ผมไม่ได้เดินมาเป็นกลุ่มสุดท้ายยังมีกลุ่มคนที่เดินตามหลังผมมาอยู่ แต่เวลาก็เริ่มเย็นลงแล้วก็ต้องรีบเดินให้ถึงก่อนที่จะมืด และแล้วผมก็มาถึงเนินสุดท้ายที่น่าจะเป็นเนินที่ชันที่สุดนั่นก็คือเนินมรณะ ระหว่างทางที่เดินขาก็เริ่มเป็นตะคริว เป็นความรู้สึกที่ทรมานร่างกายสุดๆ คิดในใจว่าตอนลงจะไม่แบกอะไรลงไปเลย พอพ้นจากทางชันก็เริ่มเป็นทางราบสลับกับเนินทำให้เดินง่ายขึ้น และแล้วผมก็เดินมาถึงป้ายผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว ที่เป็นลานโล่งที่มีต้นสนและสายหมอกที่แถบจะมองไม่เห็นอะไรเลยเมื่อเดินเลยป้ายไปก็เริ่มเห็นเต็นท์ที่กางไว้เริ่มเจอผู้คน ในที่สุดผมก็มาถึงที่ทำการของอุทยานด้านบนลานสนในเวลา 17.30 น. ก็เป็นเวลาใกล้มืดแล้ว ผมก็รีบทำการเช็คอิน และรีบไปหาพื้นที่กางเต็นท์ ฝนก็ยังมีตกลงมาอยู่เนืองๆ เมื่อกางเต็นท์เสร็จแล้วจึงไปสั่งข้าวไข่เจียวที่ทำการของอุทยานไว้ จากนั้นก็เช่าถังน้ำและขันเพื่อที่จะไปอาบน้ำซึ่งด้านบนมีห้องน้ำและน้ำไว้ให้บริการด้วย แต่น้ำต้องรองใส่ถังจากก๊อกที่อยู่หน้าห้องน้ำไปเอง หลังจากอาบน้ำและทานข้าวไข่เจียวเสร็จผมก็เข้านอนและหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ซึ่งในเวลาตอนกลางคืนก็มีฝนตกลงมาอยู่ตลอดทำให้ไม่สามารถเห็นทิวทัศน์ในยามค่ำคืนได้ช่วงเวลาเช้าตื่นขึ้นมาก็พบกับกับอากาศที่แจ่มใสมีหมอกบางๆ อากาศที่เย็นสดชื่น มีดอกหงอนนาคบานอยู่ทั่วบริเวณลานสนผมก็เดินถ่ายรูปและสัมผัสกับบรรยากาศอยู่สักพักนึง ก็เริ่มที่ต้องเก็บเต็นท์และสิ่งของอื่นๆเพื่อที่จะเตรียมตัวเดินลงจากภูสอยดาว ซึ่งก็น่าเสียดายที่มีเวลาอยู่ข้างบนลานสนน้อยไปหน่อยทำให้ยังมีความรู้สึกว่ายังไปสัมผัสกับบรรยากาศข้างบนได้ยังไม่เยอะเท่าไร คิดว่าถ้าจะมารอบหน้าควรจะมีเวลาสัก 3 วัน 2 คืน เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำการเช็คเอาท์ที่ทำการของอุทยาน และทำการชั่งน้ำหนักสิ่งของที่จะจ้างลูกหาบ หาบลงไปข้างล่างก็มาถึงเวลาที่จะต้องเดินลงภูสอยดาวแล้ว เวลาที่ผมเดินลงก็เป็นเวลาประมาณ 09.00น. ลงมาถึงข้างล่างก็ประมาณ 13.00น. ตอนเดินลงผมมีความรู้ว่าเดินง่ายกว่าตอนเดินขึ้นเยอะเลย พอลงมาถึงก็จะมีรถมารับบริเวณน้ำตกเพื่อที่จะกลับไปที่ทำการของอุทานแห่งชาติภูสอยดาว พอมาถึงที่ทำการก็ไปรับสิ่งของที่จ้างลูกหาบ หาบลงมาและรับเงินค่ามัดจำค่าขยะคืน สำหรับใครที่มีแผนจะมาเที่ยวบนภูสอยดาวก่อนมาควรจะเตรียมร่างกายมาให้พร้อม และเตรียมสิ่งของที่จำเป็นติดตัวในเวลาเดินทางด้วย ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว สิ่งที่ผมเตรียมไปคืออุปกรณ์กันฝน น้ำดื่ม และผมเชื่อว่าบนลานสนภูสอยดาวแต่ละช่วงฤดูหรือในแต่ละวันจะมีบรรยากาศ วิวทิวทัศน์และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเดินทางไปบนภูสอยดาวครับ ภาพทั้งหมด : โดยผู้เขียนบทความอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !