ทุกครั้งที่เราไปเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้แล้วเก็บภาพสวย ๆ กลับมาผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ทุกครั้งจะได้รับคำถามกลับมาตลอดว่า "เชียงใหม่มีที่สวย ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ" เราตอบกลับไปว่า "มีสิ มันคือ Hidden place สำหรับเราเลย" อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้เป็น 1 ในโครงการโครงการกักเก็บน้ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวง ร 9. เพื่อช่วยให้ประชาชนในบริเวณท้องถิ่นมีน้ำไว้ใช้เพียงพอในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งการเดินทางจากตัวเมืองมาที่อ่างเก็บน้ำใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากทางหลวงหมายเลข 100 ถนนสาย เชียงใหม่-แม่โจ้ ซึ่งเข้ามาทางด้านข้างของประตูแม่โจ้แล้วทะลุไปด้านหลังของมอแม่โจ้อีก 4 กม. ก็จะพบสถานที่สงบและสวยงามไกลผู้คนแห่งนี้แล้ว ตลอดแนวของอ่างเก็บน้ำ จะมีแนวกำแพงให้เรากระโดดตัวขึ้นไปน้ำมองน้ำใส ๆ ของอ่างได้ อากาศในช่วงเดือน ปลายตุลาคม-มกราคม ของแต่ละปี เป็นช่วงที่เหมาะจะมาที่นี้มาก ลมเย็น ๆ จากน้ำที่พัดมากระทบผิวหน้า ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติดีจริง ๆ เรานั่งที่นี่อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย รู้สึกผ่อนคลาย หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองและโลกโซเชียลมีเดียได้ไปอย่างดี ขับอ้อมทางอ่างเก็บน้ำไปเพียงนิดเดียว จะเจอต้นไม่ใหญ่สีเขียวชะอุ่ม แผ่กิ่งก้านสาขาให้เราได้ไปสูดอากาศดีอย่างเต็มที สะพานสีขาวทอดยาวต้อนรับเราอย่างดี เพื่อให้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ให้นานขึ้นอีกหน่อย เราจึงไม่รอช้าที่ไปนั่งใต้เงาต้นไม่ใหญ่กัน สะพานสีขาวดูสบายตา เป็นมุมที่เรามาที่นี้ทีไร ก็อดจะถ่ายภาพไว้เป็นความทรงจำไม่ได้ จากนั้นเราขับขึ้นไป 1-2 นาที เพื่อไปกราบพระที่วัดดอยแท่นพระผาหลวง ตำนานที่มีการเล่าขานมาอย่างยาวนาน เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาตและทรงได้ขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่เพื่อฉันท์อาหาร พระองค์ได้ทรงทำนายว่า พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองในเชียงใหม่ถ้าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาประทับบนหินก้อนนี้ จากนั้นได้ประทับรอยพระบาทเบื้องซ้ายไว้บนก้อนหินเพื่อให้เป็นที่สักการบูชาแก่คนและเทวดาทั้งหลาย จึงเป็นทีมาของวัดดอยแท่นพระผาหลวงที่มีการเก็บรอยพระบาทเพื่อเป็นที่สักการะบูชาต่อไปนั้นเอง แสงแดดยามบ่ายกระทบมาที่ตัวอุโบสถ ยิ่งมีความสวยงามขึ้นไปอีก เราขอจบทริปการเที่ยวด้วยความอิ่มใจ ไปเพียงแค่นี้ ถ้าเพื่อน ๆ มีสถานที่ Hidden Place ที่คนไม่ค่อยรู้จัก แต่มีความสวยงามจนต้องร้องว้าว แบบนี้ มาแชร์กันได้นะคะ แล้วพบกันใหม่ จนกว่าจะถึงวันนั้น สวัสดีค่ะ