เกือบยี่สิบกว่าปีแล้วความทรงจำของผมก็ยังไม่เลือนหายไป ภาพบรรยากาศเก่า ๆ ลมหนาวที่พัดเย็นยะเยือกในช่วงเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2541 เป็นเรื่องราวการเดินทางที่แสนสุดจะประทับใจไม่ใช่แต่เพียงในครั้งนี้เท่านั้น การเก็บเรื่องราวภาพความหลังเก่าหลายเหตุการณ์แบบนี้ มันยากที่จะเก็บบันทึกภาพมาให้ท่านผู้อ่านเห็นได้ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีกล้องมือถือสมัยใหม่ไว้ให้เก็บภาพได้ มีแต่กล้องถ่ายภาพที่ต้องแบกไปพร้อมกับฟิล์มหลายม้วนติดไปด้วย ภาพถ่ายที่ได้ถ่ายเก็บไว้ก็ได้หายไปหมด ไม่เหมือนในสมัยนี้สามารถเก็บไว้ในบล็อกเว็บไซต์ส่วนตัว google ไดรฟ์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และในหลายช่องทางที่จะเก็บภาพ ส่วนภาพที่ใช้เป็นองค์ประกอบอาจจะไม่ตรงในเนื้อหาแต่ก็สามารถบรรยายสถานที่ออกมาให้ท่านผู้อ่านได้รับฟังกันได้นะครับ CR : ที่มาภาพจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี >>https://pixabay.com/photos ในสมัยนั้นผมเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายซึ่งจัดว่าเป็นรุ่นพี่ระดับซีเนียร์ อีกทั้งเป็นประธานโครงสร้างของชมรมค่ายอาสาฯ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดปทุมธานี "มหาวิทยาลัยรังสิต" ในการเดินทางครั้งนี้มีทั้งเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ประมาณ 30 กว่าชีวิต เดินทางออกจากมหาวิทยาลัยโดยนั่งรถรับจ้างไม่ประจำทางไปส่งยังหัวลำโพง ซึ่งเป็นที่ร่วมตัวกันของทุก ๆ คน คนไหนยังไม่มาก็รอกันอยู่ที่นั่นเพราะรถไฟเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพ - ลำปาง เวลา 17.00 น. เมื่อมาพร้อมหน้ากันครบแล้ว ก็จะมีผู้ร่วมคณะและไม่ร่วมคณะ คือพูดกันง่าย ๆ ว่ามาส่ง เป็นอะไรที่สนุกสนานกันพอสมควร เมื่อถึงเวลารถไฟออกยิ่งสนุกกันมาก ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ใบหน้าแต่ละคนมีแต่รอยยิ้ม การเดินทางได้เริ่มขึ้นแล้ว รถไฟเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาอย่างช้า ถ้าจะร้องออกมาเป็นเพลงแบบเสียงรถไฟก็ร้องว่า "ถึงก็ชั่ง ไม่ถึงก็ชั่ง" รถไฟวิ่งผ่านจังหวัดต่าง ๆ ไปอย่างราบรื่น วันนั้นเราทุกคนที่เป็นสมาชิกชมรมค่ายอาสาฯ ต่างสนุกสนานเฮฮา ร้องรำทำเพลงกันอย่างไม่ต้องกลัวใครจะดุด่ากันเลย เพราะเราเหมาตู้โบกี้สุดท้ายไว้เลยไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามายุ่ง สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในการเดินทางด้วยรถไฟคือการได้ลอดอุโมงค์ขุนตาน ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดลำพูนกับจังหวัดลำปาง อุโมงค์แห่งนี้มีความยาว 1 กิโลเมตรกว่า ๆ ซึ่งเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ถึงลำปางกันแล้ว ทุกคนดีใจที่จะได้เดินทางกันอีกรอบโดยการเดินทางในครั้งนี้ทางชมรมอาสาพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ติดต่อขอความอนุเคราะห์จากทางค่ายทหารในจังหวัดลำปาง ให้นำรถทหารมารับนักศึกษาไปยังหมู่บ้านห้วยปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย แต่ก่อนจะเริ่มขึ้นรถออกเดินทางทุกคนต่างขอเวลาในการเดินเล่น และนั่งรถม้าตรงหน้าสถานีรถไฟเพื่อเที่ยวชมตลาดในเมืองลำปาง เมื่อถึงเวลาทุกคนต่างขึ้นรถทหารออกเดินทางกันต่อ อากาศที่นี่หนาวมาก อุณภูมิยังไม่ขึ้นดอยอยู่ที่ประมาณ 8 องศาเซลเซียส CR : ที่มาภาพจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี >>https://pixabay.com/photos/ 13.00 น. เราเริ่มถึงแล้ว รถทหารนำเราไปส่งที่บ้านผู้ใหญ่บ้านห้วยปอ ผู้ใหญ่บ้านบอกกับทางคณะเราว่า การสร้างโรงเรียนครั้งนี้เราจะต้องเดินทางด้วยรถยนต์แบบพิเศษนะครับ รถธรรมดาทั่วไปขึ้นไม่ได้ ทุกคนต่างงงแบบไหนคือพิเศษ เฉลยเลยดีกว่าเป็นรถยนต์ที่โมดิฟายเครื่องยนต์กันมาแบบขึ้นดอยโดยเฉพาะ เวลาผ่านไปจนถึง 18.00 น. รถพร้อมคนพร้อมทุกคนต่างยึดที่มั่นบนกระบะรถยนต์ของชาวบ้านที่ทำเครื่องยนต์ชนิดพิเศษ ช่วงล่างเป็นโฟวิล 4x4 รถสามารถพาทุกคนสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยโดยใช้เวลาการเดินทางขึ้นดอยประมาณ 45 นาที จำนวนรถทั้งหมด 4 คัน พอถึงที่หมายทุกคนต่างอ่อนล้าจากการเดินทาง พากันรับประทานอาหารและเข้านอนเพื่อพบกันในวันใหม่ จุดเริ่มต้นของวันใหม่เริ่มจากการวางแผนงานของแต่ละคนในการที่จะสร้างอาคารเรียนเป็นลำดับแรก แผนงานคือการแบ่งงานกันตามแต่ละส่วนงาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนงานประธานชมรม ส่วนงานประธานโครงสร้างอาคาร ส่วนงานสวัสดิการ ส่วนงานการเงิน และส่วนงานพัสดุ ทุกอย่างเราทำเป็นขั้นตอน การใช้เวลาอยู่ร่วมกันเป็นอะไรที่มีความสุขและสนุกไปพร้อมกับการทำงานแบบจิตอาสา งบประมาณทั้งหมดที่ได้จากผู้สนับสนุน พวกเราทุกคนใช้อย่างคุ้มค่าและมอบให้กับชุมชนแห่งนี้ สิ่งของที่เราบริจาคทุกอย่างเป็นของบริจาคที่มีคุณภาพ เราเป็นผู้ให้เขาเป็นผู้รับ น้ำใจไมตรีที่มีต่อกันจึงมิอาจลืมเลือน ในวันสุดท้ายของการเสร็จสิ้นภารกิจของชมรมอาสาพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยรังสิต คือโครงสร้างของอาคาร เสร็จตามเป้าหมายที่ออกแบบไว้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากการบริจาคเตรียมมอบให้กับมือเด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสอย่างพร้อมเพียง มันชั่งเป็นช่วงเวลาที่ตื้นตันใจบอกไม่ถูก และคงจะมีสักครั้งที่ได้กลับไปเยี่ยมเยือนกันอีกครั้ง โรงเรียนบ้านห้วยปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย จึงอยากขอเชิญชวนท่านผู้อ่าน หากใครได้ไปเที่ยวทางภาคเหนือของประเทศไทย โรงเรียนแห่งนี้ใกล้แหล่งท่องเที่ยวภูชี้ฟ้าจังหวัดเชียงราย อย่าลืมแวะไปกันนะครับ ไม่เฉพาะเพียงโรงเรียนแห่งนี้แห่งเดียว ยังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งในจังหวัดทางภาคเหนือที่ยังรอการช่วยเหลือ รอสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์การเรียนการสอน หนังสือเก่าที่ไม่ได้อ่านแล้ว และสิ่งของที่จำเป็นอื่น ๆ ไม่ได้ใช้แล้ว ขอเพียงมีสภาพที่ใช้งานได้นะครับ เอาไปบริจาคให้แก่น้อง ๆ ที่ด้อยโอกาส น้อง ๆ เหล่านี้เป็นชาวเขาอยู่กันหลายเผ่า หากไม่สะดวกที่จะไปแต่มีใจรักที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไปบริจาคได้ที่ชมรมอาสาพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยรังสิต หมู่บ้านเมืองเอก ถนนพหลโยธิน ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี รหัสไปรษณีย์ 12000 หรือจะติดต่อผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊กได้ที่ https://www.facebook.com/rsarsu จะมีน้อง ๆ ของชมรมอาสาพัฒนาชนบทมหาวิทยาลัยรังสิตคอยตอบรับความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา หากยังไม่ได้รับการตอบรับโทรไปได้ที่เบอร์ 090-986-7548 "มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ให้ แด่ผู้รับที่กำลังรอคอยการช่วยเหลือจากทุก ๆ คน" ขอให้ทุกท่านที่ร่วมบริจาคพบเจอกับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต มีความสุขความเจริญถ้วนหน้าทุกคนนะครับ CR : ที่มาภาพจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี >>https://pixabay.com/photos/ CR : รายละเอียดข้อมูลจากประสบการณ์จริงของตัวนักเขียนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทาง CR : ที่มาภาพหน้าปกจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี >>https://pixabay.com/photos/chiang-rai-thailand-nature-travel-3644101/