(ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน) เมื่อมาเชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดคือดอยและม่อนต่าง ๆ (ม่อน เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ยอดเขา หรือ เนินเขา) ซี่งแต่ละที่ต่างก็มีลักษณะมีความโดดเด่นเฉพาะตัว ยกตัวอย่างเช่นดอยสุเทพ จุดเด่นคือเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยสุเทพซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม สถานที่ที่จะเขียนถึงในครั้งนี้คือ ม่อนแจ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและอากาศที่เย็นสบาย เราเองเคยเห็นภาพถ่ายเวลาที่เพื่อน ๆ ไปเที่ยวมา เห็นแล้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศดี ถ้าไปเชียงใหม่ จะต้องหาโอกาสไปเที่ยวให้ได้ แล้วโอกาสนั้นก็มาถึง ม่อนแจ่มอยู่ที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เวลาเปิดปิด 7.00-20.00 ในปี 2527 มีการจัดตั้งโครงการหลวงหนองหอยตามแนวพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวบ้าน และฟื้นฟูอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบนพื้นท่ีเขาหัวโล้น หลังจากคุณภาพชีวิตชาวบ้านดีขึ้น ทางโครงการจึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน โดยพัฒนาพื้นที่ให้มีภูมิประเทศที่สวยงาม จากนั้นจึงตั้งชื่อยอดเขาว่า ม่อนแจ่ม (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ม่อนแจ่ม ในทริปนี้ พวกเราเดินทางท่องเที่ยวด้วยการเช่ารถขับ ม่อนแจ่มอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ระยะทางราว ๆ 30 กิโลเมตร และเดินทางค่อนข้างสะดวก พวกเราไปถึงม่อนแจ่มราว ๆ 10 โมงเช้า จุดสังเกตว่ามาถึงแล้ว คือ ป้ายโครงการหลวงหนองหอย ตามแพลนที่วางไว้คือ พวกเราจะมากินมื้อเที่ยงกันที่นี่ เพราะเคยเห็นในรูปแล้วรู้สึกว่า ถ้าได้นั่งชมวิวภูเขาไปกินอาหารอร่อย ๆ ไป คงมีความสุขและถือเป็นกำไรชีวิต (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ม่อนแจ่ม หลังจากจอดรถ พวกเราเจอไร่สตรอเบอร์รีเล็ก ๆ เลยแวะก่อน ทางไร่ให้เก็บเองแล้วค่อยมาชั่งน้ำหนัก สตรอเบอร์รีผลค่อนข้างใหญ่และรสชาติหวานอร่อย จากนั้นนพวกเราก็เดินขึ้นม่อนแจ่ม ต้องบอกว่าอากาศดีมากจริง ๆ ถึงแดดจะเปรี้ยงมาก แต่ไม่รู้สึกร้อนเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเย็นสบายด้วยซ้ำ พวกเราเดินเล่นและถ่ายรูป ตอนที่ไปยังพอมีดอกไม้อยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกสดชื่นคือวิวภูเขาตรงหน้า มองไปรอบ ๆ เห็นแต่สีเขียวดูแล้วสบายตาเป็นที่สุด (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) บรรยากาศบนม่อนแจ่ม แล้วก็ถึงเวลาที่เรารอคอย นั่นก็คือการได้นั่งกินอาหารในซุ้มเล็ก ๆ ซึ่งตั้งเรียงกันอยู่ตรงริมเขา โชคดีที่เจอซุ้มว่างอยู่ เพราะไม่อยากขึ้นไปนั่งในห้องอาหารรวม จากนั้นก็ต้องขึ้นไปสั่งอาหารที่แคชเชียร์พร้อมกับชำระเงิน เสร็จแล้วก็มานั่งรอที่ซุ้ม จะมีคนเอามาเสิร์ฟให้อีกที ภาพที่เคยจินตนาการไว้ ตอนนี้เป็นจริงแล้ว เราได้มานั่งกินอาหารอยู่ในซุ้มริมเขา รสชาติอาหารก็สำคัญนะ แต่ไม่สำคัญเท่ากับวิวที่อยู่ตรงหน้าและลมเย็น ๆ ที่พัดมาตลอดเวลา เป็นความสุขที่เรียบง่ายแต่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ซุ้มนั่งรับประทานอาหาร (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ซุ้มนั่งรับประทานอาหาร บรรยากาศมื้อกลางวันที่นี่ทำให้พวกเรามีความสุขมาก ถือเป็นการชาร์จแบตหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตการทำงานอันวุ่นวายในกรุงเทพฯ ภูเขาและลมที่พัดเย็นสบายเป็นสิ่งที่ช่วยเรียกพลังและความสดชื่นกลับคืนมา ได้แต่ภาวนาขอให้ที่นี่ยังอยู่และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามเช่นนี้ตลอดไป