หมู่บ้านวัดจันทร์ อยู่ในอำเภอที่ชื่อไพเราะมาก ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ชื่อ ... อำเภอกัลยาณิวัฒนา (จังหวัดเชียงใหม่มี ทั้งหมด 25 อำเภอ) เป็นอำเภอเล็ก ๆ แต่ไม่ธรรมดา เพราะมีความมหัศจรรย์และความแปลกอยู่ที่นั่นเยอะเลย... ดั่งคำขวัญของอำเภอที่ว่า … กัลยาณิวัฒนา ดินแดนในฝัน ป่าสนพันปี ประเพณี วัฒนธรรม บริสุทธิ์ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สามัคคี สมานฉันท์ เราเจอของแปลกที่นี่เยอะมาก ทั้งคนแปลก ต้นไม้แปลก สถานที่แปลก วัฒนธรรมประเพณีแปลก ดนตรีแปลก รวมถึงการแต่งกายก็แปลก ๆ อ.กัลยาณิวัฒนา อยู่ห่างจากอ.ปาย ประมาณ 57 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. เพราะการขับรถขึ้นที่สูง และทางคดเคี้ยว อาจต้องใช้เวลามากกว่าปกติ แต่ถนนดี เป็นคอนกรีตตลอดเส้นทาง วิถีชีวิตของคนที่นี่ ยังคงความเป็นชาวเขา ซึ่งประกอบไปด้วย 3 เผ่า ได้แก่ เผ่าลีซู พี่น้องม้ง และปวากะญอ(ออกเสียงว่า ปวา-กะ-ยอ ไม่ใช่ ปะ-กา-กะ-ยอ) ใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะการแต่งกายแบบชาวเขา การกิน ประเพณีความเชื่อในการนับถือผี บูชาธรรมชาติ วัดจันทร์ เป็นวัดในหมู่บ้านวัดจันทร์ อายุกว่า 300 ปี มีจุดเด่นคือ วิหารแว่นตาดำ มีลักษณะคล้ายคนสวมแว่นตา ซึ่งมีที่เดียวในประเทศไทย เห็นชาวบ้านเล่าว่า เดิมที่ตรงนั้นเป็นช่องลมโปร่ง แต่ประมาณ 40 ปีที่แล้วมีโจรปืนเข้าทางช่องลมนี้เพื่อมาขโมยพระประธานและของมีค่า ช่างชาวปวากะญอจึงได้นำกระจกกรองแสงสีดำมาติดกันขโมย โบสถ์วิหารเป็นไม้สักทองทั้งหลัง ชาวบ้านที่หมู่บ้านวัดจันทร์เป็นชาวปวากะญอ หมู่บ้านนี้ทำให้เราร้องว้าว ว้าว หลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น... ที่พักเป็นโฮมสเตย์ สร้างจากไม้ไผ่ ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของโฮมสเตย์ต้อนรับดีมาก ชาวบ้านทำกับข้าวท้องถิ่นให้ทาน อาหารพื้นบ้าน กระหล่ำปลีผัดน้ำปลาง่าย ๆ แต่รสชาดอร่อย เพราะความสด ชาร้อน ๆ เติมเกลือใส่กระบอกไม้ไผ่ นั่งผิงไฟ เพราะอากาศหนาวมากทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงกลางเดือนมีนาคม (อุณหภูมิเลขตัวเดียว) และในช่วงกลางคืน ที่โฮมสเตย์ก็จัดให้มีการต้อนรับด้วยการให้เด็กนักเรียนในหมู่บ้านใส่ชุดชาวเขาเล่นดนตรีที่เรียกว่าเตน่ากรู ซึ่งนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักเตน่ากรู และร่วมร้องเพลงกับเด็กดอยหน้าตาน่ารัก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ก็ทำให้เราได้ร้องว้าวทุกที่เช่นกัน เช่น ... จุดชมวิวพระธาตุ ซึ่งต้องใช้รถกะบะขึ้นเท่านั้นเนื่องจาก เป็นทางดิน แคบ และชัน แต่ไม่ไกลจากวัดจันทร์มาก เวลามองลงมาจะเห็นท้องนาและบ้านเรือนของชาวบ้านสลับกับต้นไม้ สวยสดชื่น เย็นสบายตา จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่างห้วยฮ่อม และเดินชมป่าสน ป่าสนที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเซีย และเราก็ถึงบางอ้อที่นี่เองว่า สนสามใบ สองใบ ต่างกันยังไง (สนสามใบจะเป็นพุ่มมากกว่า เพราะใบเยอะกว่า) อ่างอนุรักษ์พันธุ์ปลาห้วยฮ่าง ซึ่งเส้นทางไปก็เป็นเส้นทางออฟโรด ต้องใช้กระบะ หรือโฟร์วิว เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจกับฝูงปลาที่มีปลาพลวงหินสีเขียวมรกตซึ่งแปลกมาก ที่เดียวในประเทศไทย เดินชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน และชมโครงการหลวง ซึ่งปลูกผัก ผลไม้ นานาชนิด ให้เดินเก็บกินได้แบบไม่คิดสะตางค์ ถ้าต้องการซื้อกลับบ้านก็มีขาย ราคาถูกมาก มีสวนปลูกอาโวคาโด(Avocado) สตอแบรี่(Strasberry) และ โทงเทงฝรั่ง(Cape Gooseberry) ซึ่งนั้นเป็นครั้งแรกอีกแล้ว ที่เราได้รู้จักและได้ลองชิมโทงเทงฝรั่งและอาโวคาโด ที่น่าทึ่งคือ เราไปดูการปลูกกาแฟของศิลปินพื้นบ้านผู้โด่งดัง คุณลุงปาติ ทองดี ซึ่งปลูกกาแฟส่งสตาร์บัค(Starbucks) ทั่วบริเวณบ้านหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ เราและเพื่อน ๆ นั่งล้อมวงในครัว คุณลุงปะติเล่าเรื่องราวและขั้นตอนการปลูกกาแฟ พร้อมชงกาแฟด้วยเตาฟืนให้ชิมสด ๆ ก่อนจะพาเดินชมสวนต้นกาแฟ โครงการหลวงบนยอดดอยแห่งนี้ ด้วยสภาพภูมิอากาศที่ดี ทำให้การเพาะปลูกอะไรก็สวย ได้ผลผลิตดี สำหรับท่านใดที่นิยมชมชอบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ บ้านวัดจันทร์เป็นคำตอบได้แน่นอน ไมตรีจิตของชาวปวากะยอจะทำให้นักท่องเที่ยวหลงเสน่ห์ดอยสูงแห่งนี้อย่างไม่ลืมเลือน ภาพประกอบทุกภาพโดยผู้เขียน : ไข่ฟู ครูนอกกรอบ ทริปนี้ไปมาประมาณ 4-5 ปีแล้ว แต่เรายังติดต่อกับคนบนดอยสูงแห่งปวากะยออยู่เสมอ และรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และการพัฒนาขึ้นของชุมชนหมู่บ้านวัดจันทร์ เพื่อรอต้อนรับนักเดินทางทุกท่านให้ขึ้นไปเยือน เที่ยวเมืองไทย... แล้วจะหลงรัก