ช่วง"ซากุระบานสะพรั่ง" ปรกติจะดิ่งไปโตเกียว แต่อยากลองเปลี่ยนไปที่อื่นบ้าง กดๆเลือกๆช่างใจอยู่นานระหว่าง ไทเป หรือ โอซาก้า ดี ราคาตั๋วใกล้เคียงกัน บรรยากาศต่างกันแน่นอนหลังจาก คิดคำนวนจากสมองตัวเองล้วนๆเลยกดเลือกไป "โอซาก้า"แทน คือ จองทุกอย่างวางแผนวันจันทร์ บินไปวันเสาร์ ค่ะ (รวดเร็วทันใจดีไหม)เนื่องจากเป็นคนวางแผนคร่าวๆ(คือไม่วางแหละไปตามสถานการณ์ของการหลงทาง) เลยไม่คิดอะไรมากนอกจากทริปนี้จะไปดูซากุระ ที่ปราสาทโอซาก้า ไปกินข้าวหน้าไก่ และกินทาโกะยากิใต้ต้นซากุระ“โอซาก้า” เป็นเมืองที่มีความน่าสนใจแตกต่างจากโตเกียว เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น"ปราสาทโอซาก้า"อันยิ่งใหญ่อยู่ตรงใจกลางเมืองโอซาก้าและ "โดทงโบริ"แหล่งรวมอาหารแสนอร่อยอีกเพียบ สำหรับขาชิมอย่างเราไม่มีพลาดมีหลายคนเขียนถึงโอซาก้ามากมาย แต่วันนี้จะเล่าเรื่องของ โอซาก้าในแบบมนุษย์ไร้แพลน ว่าด้วยการเดินเรื่อยเปื่อยและหลงไปเรื่อย ตบลงท้ายคือแค่กลับถึงห้องก่อนรถไฟฟ้าหมดพอ หรือเหนื่อยก็แวะไปนั่งพักไปเรื่อยถึงสนามบิน Landing ปุ๊บคิดเลย รถไฟฟ้าหรือรถบัส ด้วยความเคยชิน รถไฟฟ้าละกันกว่าจะถึงHostle ที่จองไว้หลงพอสมควรพอที่พักอยู่ในย่านบ้านพัก ศาลเจ้า และ โรงเรียน เป็นร้านกาแฟดริปข้างล่าง เจ้าของดูแนวๆ artist หน่อยๆนอนเตียงเดี่ยว ติดหน้าต่างและมีม่านกันส่วนตัวในห้องรวมก็สบายดีนะที่แรกเริ่มต้นชมดอกไม้คือ “ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)” สัญลักษณ์แห่งโอซาก้าซึ่งเรียกกันว่าเป็น “ปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุด”ปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองโอซาก้า หนึ่งในสามปราสาทชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นปราสาทโอซาก้าในสมัยก่อนมีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 4 เท่าของสวนสาธารณะแห่งปราสาทโอซาก้า ณ ปัจจุบันอีกทั้งถ้าเกิดเรามองดูบริเวณเมืองรอบปราสาทจะเห็นว่าล้อมรอบไปด้วยคูน้ำ ทำให้เห็นถึงอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของโทโยโทมิได้อย่างชัดเจน ส่วนเรื่องประวัติศาสตร์หลายๆที่เขียนถึงเยอะแล้ว ขอข้ามไปละกัน ไปชมความงามของดอกซากุระและความสวยของปราสาทดีกว่า แถมกลางคืนมีการประดับไฟไลท์อัพไปยังตัวปราสาท แถมมีการให้ชมซากุระยามค่ำคืนด้วยค่ะ และรอบๆ ปราสาทนั้นจะมีซากุระกว่า 3,000 ต้นบานสะพรั่งอยู่โดยรอบนอกจากปราสาทโอซาก้าเป็นที่ติดอันดับของ เรื่องการชมซากุระ ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็เช่นกัน ที่เพราะเราจะเห็น บรรยากาศโดยรอบที่แต่งแต้มไปด้วยสีเหลืองของต้นแปะก๊วยเรียงรายกันเป็นแนวยาวกว่า 1 กิโลเมตรนั้นสวยมาก ดังนั้นใครชอบ ถ่ายรูปอย่าลืมไปที่นี่นะคะการเดินทาง: รถไฟใต้ดิน สถานี Osaka Business Park Station หรือ รถไฟ JR สถานี Osakajokoen Stationหลังจากชมดอกไม้ก็ต้องนึกถึงเรื่องกินย่านโดทงโบริ (Dotonbori) คือแหล่งอาหาร ของนักชิมมาถึงย่านนี้จุดสังเกตคือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่บนอาคาร ซึ่งรวมไปถึงป้ายที่เราคุ้นเคย ป้ายคนวิ่งชูมือของบริษัทขนม "กูลิโกะ" หรือจะเป็นป้ายปูขยับได้ ไม่ว่าป้ายเราก็ไปถ่ายรูปทั้งนั้น ยิ่งตอนเปิดไฟเวลากลางคืน เป็นไฮไลท์ค่ะโซนเลียแม่น้ำโดทงโบริซึ่งไหลผ่านทางตอนใต้ของสถานีชินไซบาชิ โซนที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารขึ้นชื่อประจำโอซาก้าได้อย่างจุใจ ภายในโดทงโบริเต็มไปด้วยร้านอาหารไม่ว่าจะเป็นเมนูเด็ดประจำโอซาก้าอย่างทาโกะยากิ โอโคโนะมิยากิ และคุชิคัตสึ เราสามารถเดินไปกินของอร่อยสไตล์โอซาก้าไปได้อย่างจุใจได้ครบทุกเมนูในที่เดียวการเดินทาง: สามารถนั่งรถไฟได้หลายสายทั้ง Subway Midosuji ,Sennichimae และYotsubashi Line ลงที่สถานี Namba แล้วเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงค่ะวันถัดมาคือเดินหลงตามGoogle มาเจอ แม่น้ำโอคาวะ(Okawa River) เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมืองโอซาก้า และเป็นจุดชมซากุระที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งอีกที่ค่ะ เพราะมีซากุระเรียงรายไปตามริมน้ำกว่า 4,800 ต้น(เขาว่าไว้นะ) ดูซากุระในโอซาก้าต้องก่อนเลยเพราะริมแม่น้ำโอคาวะ มีงานชมดอกซากุระให้เราเพลิดเพลินกับอาหารเครื่องดื่มดอกไม้ แถมลมเย็มจากการนั่งริมแม่น้ำ มันดีมากจริงๆค่ะและใกล้ๆกันก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดค่ะ คือ โรงกษาปณ์ (Japan Mint Bureau) ริมแม่น้ำซึ่งเป็นจุดชมซากุระชื่อดัง และได้เห็นปราสาทโอซาก้าจากระยะไกลด้วยสิ่งที่ต้องกินคือ ทาโกะยากิ ของกินชื่อดังที่แทบจะเป็นตัวแทนของอาหารญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งเลยเป็นของกินเล่นทำจากแป้งผสมผักและหนวดปลาหมึกยักษ์ ย่างในเตาหลุมแบบพิเศษได้ออกมาเป็นทรงกลมเหมือนลูกปิงปอง ทาด้วยซอสรสเค็มปนหวาน บีบมายองเนสเป็นเส้น โปะหน้าด้วยคัตสึโอะบุชิฝอยและโรยด้วยสาหร่ายป่น ยิ่งตอนทำเสร็จร้อนๆ แป้งด้านนอกจะกรอบ ส่วนด้านในก็นุ่ม อร่อยสุดๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนในญี่ปุ่นก็หาทาโกะยากิทานได้ทั้งนั้น แต่ต้นกำเนิดจริงๆ แล้วอยู่ที่โอซาก้านี่เอง แถมราคาถูกกว่าที่โตเกียวด้วย! และกินตอนชมดอกซากุระคือ คอมพลีตมากค่ะ เชื่อเราเถอะสถานที่ชมดอกซากุระที่เราชอบอีกที่คือ"โรงกษาปณ์ (Japan Mint Bureau)"ตั้งอยู่ที่เขตคิตะ ของโอซาก้า ปกติแล้วจะไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้า ยกเว้นช่วง 1 สัปดาห์ที่ดอกซากุระ บานเท่านั้น โดยได้รับชื่อเรียกว่า"ทางผ่านดอกซากุระ (Sakura no toorinuke)" เสน่ห์ของทางผ่านดอกซากุระนี้คือซากุระหลากหลายสายพันธุ์ในที่เดียว ในปี 2018 มีซากุระมากถึง134 สายพันธุ์ โอกาสที่จะได้เห็นซากุระหลายพันธุ์ในครั้งเดียวแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลยค่ะ แถมยังเข้าชมฟรีด้วยนะคะแต่การเข้าชมซากุระที่นี่จะมีข้อบังคับต่างจากที่อื่นหน่อยนะคะ เช่น เปิดให้เดินชมได้เท่านั้น งดนั่งชิลปูเสื่อจิบน้ำชา และการจเดินชมแบบทางเดียวคือเข้าอีกทาง ออกอีกทาง ไม่สามารถเดินย้อนได้ค่ะ สังเกตดูตามคนอื่นๆ หรือ สอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนวันเวลาที่จะเปิดให้เข้าชมต้องตรวจสอบจากประกาศประจำปีนั้นๆ ในหน้าเว็บไซต์ได้ค่ะการเดินทาง: นั่งรถไฟJR Tozai Line ลงสถานีJR Osakatemmangu ใช้ทางออก JR หมายเลข 2 เดินประมาณ 15 นาที (อันนี้รู้ตอนขากลับค่ะ)เว็บไซต์ : โรงกษาปณ์ (Japan Mint Bureau) (ภาษาอังกฤษ) ย้ายมานอนโรงแรมใกล้โรงละครของโอซาก้าเลยแวะมาแหล่งช็อปปิ้งอีกที่ๆเราไปคือ ตลาดคุโรมง เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า จนได้รับขนานนามว่าเป็น "ครัวของโอซาก้า(Osaka’s Kitchen)" กันเลยทีเดียวบรรยากาศภายในเป็นทางเดิน Arcade เล็กๆทอดราวๆ 600 เมตร 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆกว่า 160 ร้านค้า ขายทั้งของสด และแบบพร้อมทาน มีทั้งของกินเล่นและอาหารพื้นเมืองมากมายหลายชนิดให้ได้ลองกันค่ะการเดินทาง: อยู่เกือบติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Nippombashi Station สาย Sakaisuji Line ออกที่ทางออก No.5 หรือ10ไปแบบไม่ได้วางแผนใดๆเขียนถึงจุดที่ใช้เวลาเยอะที่สุด แบบคร่าวๆให้ทุกคนลองปักหมุดตามง่ายๆค่ะ เพราะคาดว่าโอซาก้ามีหลายๆคนที่เขียนถึงแล้วเลยเลือกจุดที่ยังไม่ค่อยเห็นใครเขียนถึงในบางสถานที่ มีแวะศาลเจ้าและวัดระหว่ใบางการเดินวนเวียน และ คอลเลคชั่นเรื่องรางอีกมากมายไว้จะมาเพิ่มเติมนะคะ