สวัสดีค่ะเพื่อนนักเดินทางทุกท่าน สำหรับใครที่ชื่นชอบดำน้ำดูความสวยงามของธรรมชาติใต้ท้องทะเลต้องไม่พลาดที่นี้เลยค่ะ เกาะเซบู (Cebu) ประเทศฟิลิปปินส์ เกาะเซบู (Cebu) คล้ายๆ กับภูเก็ตบ้านเรา แต่ค่าของชีพถูกกว่าภูเก็ต ประชากรสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี อาหารแต่ล่ะมื้อ จะเป็นแนวสไตล์อเมริกัน เช่น ไก่ทอด พิซซ่า ขนมปัง เป็นต้น รสชาติกลางๆ แต่พวกขนมปังกับคุ้กกี้อร่อยมากค่ะ หอมเนย แบบที่ในไทยตอนนี้หายากมาก ในการเดินทางมายังเกาะเซบู (Cebu) ประเทศฟิลิปปินส์ไม่ยากเลยค่ะ เพราะมีบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินเซบู เกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ โดยสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ (Phillippine Airlines) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ไม่ต้องมีวีซ่า แค่มีพาสปอร์ตและหลักฐานตั๋วขาไป-ขากลับก็พอ สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะเซบูก็มีหลากหลายที่ที่น่าสนใจ ผู้เขียนจะพาไปชมกันเลยค่ะ หลังจากที่เราเดินทางมาถึงเกาะเซบู ผู้เขียนได้นั่งเรือเฟอร์รี่ ไปยังเกาะโบโฮล ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. เพื่อไปชมลิงทราเซีย (Tarsiers) ลิงที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีขนาดลำตัวเพียง 4-5 นิ้ว มีขนสีน้ำตาลแดง ดวงตากลมโต ดูคล้ายกับตัวเกรมลิน อาศัยอยู่ตามต้นไม้ ในขณะที่เดินชมลิงทราเซียอยู่ต้องห้ามส่งเสียงดังและถ่ายรูปห้ามเปิดแฟลช จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูเราและบอกเราว่าลิงทราเซียอยู่ตรงไหน เพราะการส่งเสียงและเปิดแฟลชจะทำให้ลิงทราเซียตกใจและมีอันตรายได้ ผู้เขียนถ่ายภาพมาอาจเห็นไม่ค่อยชัดขอให้ชมเป็นรูปตุ๊กตาไปก่อนนะคะ จะได้นึกภาพตามได้ เมื่อชมลิงทราเซียเสร็จก็เดินทางไปทานข้าวกันที่ หมู่บ้านโบลอค (Boloc) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่สองฝั่งแม่น้ำ ทานข้าวกันบนเรือพร้อมชมธรรมชาติอันสวยงาม มีดนตรีเบาๆ จากนักดนตรีท้องถิ่น เป็นการทานอาหารที่มีความสุขมากค่ะ ทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เดินทางไป เนินช็อคโกแลต (Chocolate Hill) ที่นี้จะมีภูเขาขนาดย่อมประมาณ 1,268 ลูก แต่ล่ะลูกมีความสูงประมาณ 30 เมตร ซึ่งที่มาของคำว่าเนินช็อคโกแลตก็คือ เนินเหล่านี้ในช่วงฤดูฝนจะเป็นสีเขียว แต่ในช่วงฤดูร้อนจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน มองดูแล้วคล้ายช็อคโกแลตเป็นอย่างมาก ช่วงที่ผู้เขียนไปคือช่วงเดือนกันยายน เนินเขาที่เห็นจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวแต่ยังมีสีน้ำตาลอ่อนๆ ให้เห็น พอจะเหมือนช็อคโกแลตอยู่บ้างค่ะ ไฮไลท์ของเกาะเซบูคือ การดำน้ำดูฉลามวาฬ ที่เมืองออสล๊อบ (Oslop) ใช้เวลาในการเดินทางจากเกาะเซบูไปยังเมืองออสล๊อบ 4 ชม. ผู้เขียนเดินทางโดยรถตู้ ท่านใดที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจหรือโรคความดันโลหิตสูงแนะนำควรพกยาไปด้วย และทำใจไปเผื่อด้วยนะคะ เพราะพนักงานขับรถของที่นี้ขับเร็วและก็หวาดเสียวมากยิ่งกว่ารถเมล์สาย 8 บ้านเราเสียอีก ผู้เขียนต้องหลับเพื่อที่จะได้ไม่รับรู้ ไม่งั้นหัวใจวายก่อนไปชมฉลามวาฬเป็นแน่ สำหรับใครที่จะดำน้ำดูฉลามวาฬอย่าลืมนำเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำไปเปลี่ยนด้วยนะคะ ทางบริษัทที่เราติดต่อไปเขาจะมีห้องน้ำสำหรับอาบน้ำและเปลี่ยนชุดให้ค่ะ ท่านใดที่จะลงเรือไปดูฉลามวาฬจะต้องใส่เสื้อชูชีพที่เขาจัดเตรียมให้ ลงเรือไปประมาณ 5 นาทีก็จะถึงจุดที่ให้ชมฉลามวาฬ จริงๆ ใครไม่ดำก็ได้นะคะ สามารถเห็นฉลามได้จากบนเรือเลยเหมือนกันเพราะเจ้าหน้าที่จะล่อโดยการให้อาหารฉลามวาฬใกล้กับจุดที่เรือจอด แต่อาจจะไม่ชัดมากค่ะ กฎระเบียบในการดำน้ำดูฉลามวาฬจะต้องไม่ถูกตัวหรือว่ายไปจับตัวฉลามวาฬไม่งั้นจะเสียค่าปรับค่ะ แต่ฉลามวาฬสามารถถูกตัวเราได้ไม่เป็นไรค่ะ ในเกาะเซบูยังมีที่สวยๆ ให้เที่ยวชมอีกหลายที่ เช่น ป้อมปราการซานเปโดร กางเขนโบราณ (Magallen's Cross) ที่มีอายุมากกว่า 485 ปี เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของศาสนาคริสต์ในอดีต โบสถ์ซานโต้ นิโน (Basilica Minore del Santo Nino) วัด Toaist อนุสาวรีย์มรดกแห่งเซบู ที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของเมืองเซบูตั้งแต่ยุคของอาณานิคมที่สเปนปกครอง เป็นต้น สำหรับท่านใดที่ต้องการมาเที่ยวที่เกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ สามารถบินตรงมาลงที่เกาะเซบูได้เลยนะคะ แล้วมาเหมาทัวร์ท้องถิ่น เช่ารถขับ หรือใช้รถสาธารณะ แท็กซี่ ในการเดินทางได้เช่นกัน ถ้าต้องการไปดำน้ำ ที่นี้เขาก็มีแบบ one day trip เหมือนกัน อาจจะจองล่วงหน้ามาจากในแอปต่างๆ จากไทยมาก่อนก็ได้ค่ะ ส่วนอากาศที่เกาะเซบูไม่ต่างจากประเทศไทยเราเลยคือร้อนถึงร้อนมาก ช่วงที่ผู้เขียนไปเป็นช่วงเดือนกันยายน 2561 มีฝนตกเป็นบางวันค่ะยิ่งร้อนอบอ้าว อย่าลืมต้องเตรียมเสื้อกันฝน ครีมกันแดดและร่มไปด้วย เช็คอากาศกันก่อนไปนะคะ สกุลเงินของประเทศฟิลิปปินส์ใช้เป็นสกุลเงินเปโซ 100 เปโซ ประมาณ 60-70 บาทขึ้นอยู่กับค่าเงินในขณะนั้น แถมค่าครองชีพที่นี้ไม่แพง ท่านใดที่ชื่นชอบในการดำน้ำดูธรรมชาติใต้ท้องทะเลต้องมาเที่ยวที่เกาะเซบูนะคะแล้วจะติดใจค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบโดย pudploy (ผู้เขียน)