นครโอซาก้าถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อีกเมืองหนึ่ง ดังนั้น โอซาก้าจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งชีวิตชีวา อันเนื่องมาจากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่แพ้กรุงโตเกียวเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกเหนือจากย่านการค้า ย่านช้อปปิ้ง หรือแหล่งท่องเที่ยวสมัยใหม่ที่กระจัดกระจายอยู่เต็มเมืองแล้ว โอซาก้ายังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมถึงบางจุดบางมุมในตัวเมืองโอซาก้าที่ยังมีอีกมากมายรอคอยการมาเที่ยวชมจากนักท่องเที่ยว ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้เขียนอยากพาทุกท่านมาเที่ยวชมในครั้งนี้ ก็คือการนั่งชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์เทมโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวโอซาก้า เพื่อชื่นชมกับวิวเมืองโอซาก้าในมุมสูง ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานนั้นตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้าไคยูคัง (Osaka Aquariam Kaiyukan) โดยชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์แห่งนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1997 หรือสร้างมาแล้วกว่า 23 ปี ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ขนาดใหญ่โตและสูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงประมาณ 112 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 เมตร ความใหญ่โตของชิงช้าสวรรค์ทำให้การหมุนของชิงช้าสวรรค์ในแต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที ในส่วนของภายในตู้โดยสารสามารถนั่งได้ 4-5 คน และแต่ละตู้จะมีส่วนบริเวณพื้นให้เลือกว่าจะเป็นพื้นแบบกระจกใสเพื่อเพิ่มความหวาดเสียวเมื่อมองลงมาจากด้านบนขณะที่ตู้โดยสารถูกเคลื่อนให้อยู่ในจุดที่สูงที่สุดของตัวชิงช้าสวรรค์ คือพื้นแบบทึบปกติธรรมดา ซึ่งแน่นอนว่าในขณะนั้นผู้เขียนเลือกพื้นแบบทึบหรือพื้นปกติธรรมดาเนื่องจากอาการกลัวความสูงเป็นทุนเดิม เมื่อชิงช้าสวรรค์เริ่มเคลื่อนตัวก็เริ่มปรากฏภาพของเมืองโอซาก้าในมุมสูง ซึ่งถือเป็นโชคดีที่การนั่งชิงช้าสวรรค์ในครั้งนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความสว่างใส แสงแดดที่เปล่งประกายเต็มท้องฟ้าในขณะที่แม่น้ำในอ่าวโอซาก้าก็ระยิบระยับสะท้อนกับแสงแดดดูงดงาม ความแจ่มใสของบรรยากาศนี้จึงทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าได้แบบสุดลูกหูลูกตา ยิ่งการเคลื่อนที่ของชิงช้านำพาให้ตู้ที่นั่งของเราอยู่จุดที่สูงขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งมองเห็นเมืองโอซาก้าได้ชัดเจนและกว้างขวางมากขึ้นเท่านั้น เมืองโอซาก้าในเวลานี้เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่รูปทรงทันสมัย ตั้งอยู่กระจัดกระจายทั่วอาณาบริเวณแต่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยตาทแบบฉบับของญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการเห็นตึกรามบ้านช่องที่สูงเบียดแทรกกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว การเห็นต้นไม้ใบหญ้าหรือพื้นที่สีเขียว ซึ่งกระจัดกระจายแทรกซึมทั่วบริเวณเช่นเดียวกันก็ทำให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเดินทางมาประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ยิ่งเห็นพื้นที่สีเขียวได้อย่างชัดเจน แม้จะดูจากมุมสูงก็ยังคงเห็นว่ามีต้นไม้แทรกเบียดอยู่เต็มเมืองอย่างชัดเจน การมีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง แต่การพัฒนาโดยสมบูรณ์นั้นควรจะควบคู่ไปกับการพัฒนาในด้านอื่น ๆ ด้วยโดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากนี้ สิ่งสำคัญอีกประการก็คือความเจริญด้านจิตใจ หรือจิตสำนึกของประชากรในประเทศ เห็นได้ว่าเมื่อมองโอซาก้าในมุมสูงยิ่งเห็นว่าเมืองนี้มีความสะอาดสะอ้านเป็นอย่างยิ่ง ปราศจากการทิ้งขยะ หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ขัดขวางทัศนียภาพอันงดงามของเมือง ทำให้การชมวิวในมุมสูงของเมืองโอซาก้าในครั้งนี้เต็มไปด้วยความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งความน่าสนใจนอกเหนือจากการเป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ของญี่ปุ่นแล้ว ยิ่งเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ช่วยให้มองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเมืองแล้วยังสะท้อนความเป็นไปในด้านต่าง ๆ ของเมืองอีกด้วย หากใครที่สนใจอยากมาเที่ยวชมเมืองโอซาก้าในมุมสูงผ่านการนั่งชิงช้าสวรรค์ชมเมืองแบบนี้ ก็สามารถเดินทางมาได้ที่เมืองโอซาก้าและขึ้นชิงช้าสวรรค์แห่งนี้ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. โดยมีค่าบัตรสำหรับนั่งชิงช้าสวรรค์ ประมาณคนละ 800 เยน หรือประมาณ 240 บาท แต่ถ้าหากใครที่ซื้อบัตรท่องเที่ยวโอซาก้าด้วยบัตร Osaka Amazing Pass ก็สามารถยื่นบัตรนี้ให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อขึ้นชิงช้าสวรรค์แห่งนี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สำหรับการเดินทางมาที่ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานแห่งนี้ สามารถเดินทางมาได้โดยรถไฟฟ้า โดยลงที่สถานี Asakako Station จากนั้นเดินออกที่ทางออก 1 และเดินต่อไปอีกประมาณ 10 - 15 นาที โดยจะมีป้ายบอกเส้นทางให้ทราบเป็นระยะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน