จากบทความที่แล้ว ที่เราไปตะลุยเที่ยวแบบจัดเต็มแถบเมืองโกเธนเบิร์ก และที่เกาะเฮิน (Hönö) และแล้วก็ถึงเวลา move on ไปหาที่พักใกล้ ๆ ที่เราจะไปเที่ยวต่อ ส่วนหนึ่งก็เพื่อจะได้ประหยัดน้ำมันและประหยัดเวลาในการขับรถ แต่จากประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมทั้ง 3 คืนที่ผ่านมา ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า การเข้าพักในโรงแรมใหญ่ ทำให้เราขาดโอกาสในการกินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือเราเอง (น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำพริกที่เราห่อมาซุกไว้ในตู้เย็นโรงแรม😊) ถึงแม้เราจะมั่นขั้นสุด แต่เราก็ไม่มั่นพอที่จะเปิดพริกน้ำปลาในโรงแรม จริง ๆ ก็ไม่ได้กลัวจะถูกพนักงานดูถูกหรืออะไร แต่เราเกรงว่าเค้าจะคิดค่าบริการเพิ่มจากการต้องไปกำจัดกลิ่นน้ำปลาในห้องพัก เอาจริง ๆ ”คนที่เคยชิน จะไม่รู้ว่ากลิ่นมันแรงเพียงใด” เหมือนเราเคยชินกับกลิ่นท่อระบายน้ำในกรุงเทพนะแหละ ดังนั้นเราก็เลยโน้มน้าวคนร่วมทางให้พักที่โฮสเทลแทน เพื่อที่เราจะได้ซื้ออาหารทะเลมากินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เราอุตส่าห์ห่อมาด้วย โดยส่วนตัวเราชอบการเข้าพักในโฮสเทลมากกว่าการเข้าพักในโรงแรม เพราะมันได้บรรยากาศของความเรียล ความเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งตัว ที่สำคัญมีอุปกรณ์ครัวครบเครื่อง อยากกินอะไรก็ทำกินเอง ถึงแม้ฝีมือการทำอาหารของเราจะแค่ ”ทำเอง อร่อยเอง”ก็เถอะนะ เราจองที่พักที่ Nordiska Folkhögskolan Bed and Breakfast ผ่าน booking ที่คุงแอลว์ (Kungälv) ราคาคืนละประมาณ 700 กว่าโครน หรือประมาณ 2000 กว่าบาท เป็นอาคารชั้นเดียว ภายในห้องพักมีเตียง ห้องน้ำ ทีวี ส่วนห้องครัวเป็นครัวรวม ที่มีอุปกรณ์ครัวครบเครื่อง แถมยังมีม้านั่งที่ด้านหน้าอาคารให้เราได้ออกมานั่งรับลมเย็น ๆ อีกด้วย ถ้าจะถามว่าเลือกที่นี่เพราะอะไร เราเลือกความคุ้มค่าของเงิน และจากคะแนนบนเว็บที่สูงถึง 8.2ห้องทานอาหารเช้าจะเป็นอีกตึกซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พื้นที่ห้องทานอาหารค่อนข้างใหญ่เหมาะแก่การทานอาหารร่วมกันในยุคโควิด ที่ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ประกอบกับวิวที่สวยงาม ทำให้เราทานอาหารไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย สำหรับอาหารเช้าที่เสิร์ฟก็ถือว่าดี เพราะมีครบทั้งซีเรียลหลากหลายชนิด น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล ขนมปัง ผลไม้ ชา กาแฟ ไส้กรอก ไข่คน สำหรับเราถือว่าคุ้มเกินคุ้มกับค่าเงินที่จ่ายไปแค่ 700 กว่าโครนต่อคืนกว่าเราจะออกจากที่พักในเมืองโกเธนเบิร์ก ก็เกือบเที่ยง วันนี้เราเลยไม่ได้มีตารางการเที่ยวที่แน่ชัด ขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ แวะตกปลาบ้าง นั่งชิลล์รับลมริมฝั่งทะเลบ้าง แล้วแต่ความสะดวก กลับเข้าที่พักตอนเย็นประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ ซึ่ง ณ เวลานี้ช่วงหน้าร้อนในประเทศสวีเดน แดดก็ยังสว่างไสว และเพราะเป็นเวลาเลิกงานของผู้ดูแลที่พักแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเอากุญแจใส่ตู้เซฟไว้ แล้วส่งรหัสให้เราทางโทรศัพท์มือถือ หลังจากติดต่อกันทางโทรศัพท์และตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะอยู่ที่นี่หลายวัน บางวันเราก็ไปเดินเล่นซ้ำกันหลายที่ บางทีก็ขับรถออกนอกสถานที่ไปเรื่อย ๆ เลยจะขอสรุปที่เที่ยวที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาดในแถบนี้Marstrand (มาร์ชสตราน)ถือเป็นแหล่งที่มีชื่อในแถบนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเทศบาลคุงแอลว์ (Kungälv ) ที่เราจองที่พัก ที่ Marstrand ถือเป็นแหล่งเล่นน้ำ แล่นเรือใบ และขับเรือเล่นของเหล่าบรรดาคนมีอันจะกิน และเพราะเป็นแหล่งมีชื่อ ทำให้นักท่องเที่ยวก็ค่อนข้างหนาแน่น และแออัด ถึงแม้จะเป็นช่วงโควิด กว่าที่เราจะหาที่จอดรถได้แต่ละครั้ง เราต้องขับรถวนประมาณ 3 รอบหลังจากนั้นเราก็ไปซื้อตั๋วเพื่อข้ามไปที่เกาะ นั่งโป๊ะไม่ถึงห้านาที ก็ถึงเกาะ ถึงแม้คนบนโป๊ะจะอัดกันแน่น แต่เมื่อถึงเกาะความแออัดก็เบาบาง เพราะพื้นที่บนเกาะประกอบด้วยภูเขาสูง 2-3 ลูกติดกัน ทำให้สามารถเลือกไปหลบอยู่บนเขา ให้ห่างจากฝูงชนได้ หรือจะเลือกไปเล่นน้ำ อาบแดดกันก็เก๋ไปอีกแบบ แต่สำหรับเราผู้ซึ่งกลัวความเย็นของน้ำ เลือกไปตากแดดอยู่บนเขา นั่งมองคนเล่นน้ำ ดูเรือใบแล่นผ่านไปมา 😊เค้าว่ากันว่าบนเกาะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักตากอากาศของเหล่าซีเล็บบริตี้ แต่ไม่รู้ว่าจริงมั้ย ? เพราะตอนที่ไปก็ไม่ได้เจอใคร หรืออาจจะเพราะเราไม่รู้จักเค้าก็เป็นไปได้ อีกอย่างคนสวีเดนเอง ไม่นิยมตามกรี๊ดดารา นักแสดง เลยทำให้ดารานักแสดงไม่เป็นจุดสนใจก็เป็นได้Klädesholmen ( แคลเดะโฮล์มเม็น) ถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เป็นเกาะเล็ก ๆ ของหมู่บ้านชาวประมงในอดีต ที่นี่บ้านแต่ละหลังจะสร้างติด ๆ กัน ความต่างของบ้านบนเกาะนี้คือ ที่นี่จะทาบ้านเป็นสีขาว ซึ่งค่อนข้างจะต่างจากสไตล์ของบ้านแบบสวีดิชที่นิยมทาสีแดง เพราะ Klädesholmen เป็นเกาะเล็ก ๆ และร้านอาหารมีไม่มาก ทำให้แต่ละร้านคนแน่น และรอคิวนานมาก จนเราต้องตัดสินใจขับรถออกไปหาอาหารกลางวันกินที่อื่นจริง ๆ พวกเราก็ขับรถตระเวนกันทั้งวัน แต่เราก็จำไม่ค่อยได้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน กว่าจะกลับเข้าที่พักก็ตอน 2-3 ทุ่ม แดดก็ยังสว่างโร่ และถึงแม้บางวันจะทานอาหารเย็นจากข้างนอกมาแล้ว แต่เราก็ไม่ลืมที่จะซื้อกุ้ง หอย ปู ปลา ติดไม้ติดมือกลับมาชิมต่อที่พัก แหม จะขาดน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเราเองได้ยังไง ใครไม่อร่อย เราอร่อยก็เป็นพอ 😊Day 9 เราขับรถเล่นไปเรื่อย แบบชิลล์ ชิลล์ บางช่วงก็แวะตกปลาเมื่อเจอสถานที่ที่น่าสนใจ แต่ตกเท่าไร ก็ไม่ได้ปลาสักตัว เลยรีบกลับมาที่พักเพื่อเตรียมเก็บกระเป๋า เก็บสัมภาระ เพราะต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวอีกสองแหล่งสำคัญระหว่างทางกลับบ้านฉบับนี้พอแค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไปกับโปรแกรมวันสุดท้ายที่แน่นเอี๊ยด ตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน จากหมู่บ้านชาวประมงสุดเก๋ Smögen ( สเมอเก็น) สู่แหล่งรวมภาพวาดบนโขดหินของชาวไวกิ้งที่เมือง Tanum (ทานุม) และกลับมาถึงบ้านด้วยความขมขื่นใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้ากับ Nurseonomy คนดีย์ที่ไม่เหมือนใคร นะคับทุกคนเครดิตภาพปก และภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนNurseonomyบทความที่เกี่ยวข้อง และน่าสนใจตะลุยเที่ยว 10 วัน แถบชายฝั่งตะวันตก ประเทศสวีเดน Day 1-3 (trueid.net)เรียนรู้ประวัติศาสตร์ จากภาพวาดบนโขดหิน แห่งดินแดนไวกิ้ง (trueid.net)รีวิว ประเทศสวีเดน เที่ยวต่างประเทศ ครั้งแรกหลังจากโควิด จากประสบการณ์จริง (trueid.net) *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565