เที่ยวยุโรปทริปนั่งรถไฟ จากเยอรมัน - สวิสเซอร์แลนด์ ครั้งแรก!!ผ่านมาสองสามปี ขณะที่บลูบลูส์นั่งจมจ่อมกับการทำงานที่มีแพสชั่นน้อยลงทุกที อยู่ ๆ ก็นึกถึงทริปที่นั่งรถไฟจากเยอรมันไปสวิสเซอร์แลนด์ ใช่แล้ว !! บทความนี้จะเล่าถึงทริปการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศครั้งแรกของเราเอง มันค่อนข้างจะนอกแผน เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทุลักทุเลนิดหน่อย เอาเข้าจริงตอนนั้น มันก็รู้สึกกังวลนั่นแหล่ะ แต่พอมองย้อนกลับไป ในมุมมองเรา... มันก็ไม่ได้แย่นะ มันสนุกเลยล่ะ โมเมนต์ที่เดินทางฝนปรอย ๆ เข้าไปหลบฝนร่วมกับคนแปลกหน้า เดินไปหากาแฟอุ่น ๆ แล้วหามุมคุยกัน คุยแบบเรื่อยเปื่อยไปหมด #uncharted https://www.youtube.com/watch?v=ZLhwdFgQBv8 เรื่องราวเป็นยังไงทริปนี้บลูบลูส์เดินทางกับเบนเบน เป็นการเดินทางของพี่น้องสองคน คืนนั้นเราพักที่มานน์ไฮม์ เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมันนี เช้าวันเดินทางเรามากดซื้อตั๋วรถไฟที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ เพื่อจะไปให้ถึงบาเซล เมืองที่อยู่ชายแดนระหว่างสวิสเซอร์แลนด์และเยอรมัน ซึ่งเมื่อไปถึงบาเซลแล้ว เราถึงจะซื้อ Swiss Pass เพื่อการเดินทางอย่างสะดวกสบายในสวิสเซอร์แลนด์ แต่ ! นั่นคือแผนที่เราคิดไว้เหตุการณ์ต่อไปนี้คือ เป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่เกิดขึ้นกับเราสองคน ต้นไม้ล้มขวางทางรถไฟ ด้วยความสัตย์จริง การได้นั่งรถไฟข้ามประเทศในยุโรปเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมานาน เราตื่นเต้นกับโมเมนต์ที่นั่งข้างหน้าต่างบานใหญ่มาก มองออกไปข้างนอกนั่น มองออกไปยังภาพแลนด์สเคปที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นเมื่ออยู่ประเทศไทย คิดดูสิ ว่าพอได้มาอยู่ในช่วงเวลาแบบนั้นจริง ๆ จะฟินแค่ไหน แต่แล้ว...ความสุขสบายใจก็อยู่กับเราได้ไม่นาน เมื่อมีเสียงประกาศว่า “รถไฟจำเป็นต้องหยุดระหว่างทาง เนื่องจากมีต้นไม้ล้มทับขวางทางรถไฟ ให้ท่านเตรียมเก็บสัมภาระ เพื่อไปขึ้นรถบัส และจะนำท่านไปขึ้นรถไฟอีกขบวนหนึ่งซึ่งรอรับอยู่ที่สถานีข้างหน้า” (ความจริงเขาก็ไม่ได้ประกาศแบบนี้เปะๆ หรอก แต่ก็จับใจความได้ประมาณนี้) นั่งรถบัส เส้นทางท้องถิ่น ข้างทางมีทุ่งหญ้าและป่าเขาเรามีเวลาไม่มากมายให้กับการตื่นตระหนกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนนักเดินทางในรถไฟขบวนนั้นล้วนเผชิญชะตากรรมเดียวกัน ชะตากรรมที่ต้องยกโขยงไปขึ้นรถบัส ท่ามกลางฝนปรอย ๆ พื้นและทางเดินก็เฉอะแฉะไปหมด เราแบกขนกระเป๋าเดินทางอย่างทุลักทุเล ความรู้สึกแช่มชื่นขึ้นเมื่อได้ก้าวเท้าขึ้นรถบัส และรู้สึกชื่นมื่นขึ้นมาเมื่อได้ทิ้งตัวลงบนเบาะที่นั่งนุ่ม ๆ สิ่งที่ประทับใจคือ รถบัสวิ่งไปบนถนนที่ค่อนข้างจะเป็นเส้นทางกลางป่า เป็นถนนท้องถิ่นอะไรเทือกนั้น มีช่วงที่เป็นทุ่งหญ้า บางช่วงเป็นป่าต้นไม้เบาบาง (ถ้าบ้านเราก็คงเป็นป่าละเมาะ) บางช่วงเป็นป่าทึบ ป่าช่วงก็เป็นป่าที่ชวนให้นึกถึงคลิปหาเห็ดของยูทูปเบอร์หาเห็ดผู้ฮอตฮิตของเมืองไทยซักพักเราก็นั่งรถบัสทะลุทุ่งนา มาเจอสถานีรถไฟกลางป่า จำชื่อสถานีไม่ได้แล้ว แต่จำได้ลาง ๆ ว่า สถานีนั่นมันคลาสสิกดีนะ ผู้คนมารวมตัวกันอยู่ในนั้น ด้วยเพดานที่สูงมาก ก็เลยไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ เราเดินไปสั่งกาแฟร้อนจากร้านเล็กๆ ในนั้น แล้วกลับมานั่งรอรถไฟ พี่น้องพูดคุยกันทั้งมีสาระและไร้สาระ และเรายังสนุกกับการนั่งสำรวจผู้คน สำรวจสถานที่ซึ่งเราไม่รู้จักชื่อ (คิดเหรอว่าจะมีขุมทรัพย์ของนักสำรวจผู้โด่งดังอย่าง Ferdinand Magellan อยู่แถวนั้นงั้นเหรอ ไม่มีหรอก พวกเราไม่มีทางรู้เรื่องอะไรแบบนั้น !) เราคิดในใจว่า ‘มันค่อนข้างโรแมนติกเลยแหล่ะ’ อันนี้จากใจจริง ไม่ได้เป็นความคิดที่คับแค้นหรือขมขื่นอะไรเลย ในมุมมองเรา รู้สึกว่ามันไม่แย่นะ มันสนุกดี แต่ถ้าลองคิดในมุมอื่นล่ะลองคิดเล่นๆ ในมุมคนที่เป็นคอหนังสยองขวัญ พอเจอแบบนี้เขาอาจจะนึกถึงฉากหน้ากลัวเหมือนในเรื่อง Final Destination ในมุมของคนที่ฝังใจกับหนังตลกร้ายวุ่นวายปั่นป่วน ก็คงนึกถึงฉากแบบ Little Miss Sunshine หรือถ้าโหดหน่อยก็ The Hateful Eight แต่ตอนนั้นเราไม่ได้นึกถึงหนังแนวตามล่าหาสมบัติเลยนะ ! การกลับขึ้นรถไฟ นั่งรถยาวไปถึงสวิสเซอร์แลนด์เมื่อได้ยินเสียงประกาศว่า "รถไฟขบวนที่ท่านรอกำลังจะมาถึงสถานี" เราสองคนวิ่งไปรอที่ชานชะลา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการได้กลับมาอยู่ในแผนที่เคยวางไว้ มันจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ปลดเปลื้องอาภรณ์ลึกลับออกไป กลับมาตัวเบาหวิว และมองออกไปนอกหน้าต่าง ชื่นชมวิวข้างทางได้อย่างสบายใจการเดินทางของเรา ถูกโอบอุ้มด้วยความสบายใจอีกครั้ง เราไปถึงบาเซล และได้ซื้อ SWISS PASS ตามที่คิดไว้ และพอได้นั่งรถไฟสวิส เราก็ได้พบกับความตื่นเต้นแบบใหม่ เหตุการณ์นอกแผนเกิดขึ้นอีกในรูปแบบที่ต่างออกไป หลายครั้งหลายครา มันเกิดขึ้นเสมอแหละ (อยากจะร้อง Oh Crab ! เหมือน Nathan Drake จริงๆ) บทเรียน การเดินทางครั้งนั้น มันให้อะไรเราเคยดูหนังเรื่อง The Darjeeling limited (ชื่อไทย ทริปประสานใจ) ของผู้กำกับเวส แอนเดอร์สันกันไหม เป็นหนังที่ว่าด้วยการเดินทางด้วยรถไฟของ 3 พี่น้อง ที่มีความปั่นป่วน วุ่นวาย และเละเทะมาก ความจริงเรื่องที่พวกเขาพบเจอ ถ้าเป็นในชีวิตจริงมันคงเป็นเรื่องดราม่านะ คนที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นคงเศร้า กังวล คิดมาก เครียดมากแน่ ๆ แต่ระหว่างที่คนเราเดินผ่านเหตุการณ์ต่างๆ และความโกลาหลเหล่านั้น มันก็เกิดความรู้สึกตลก ขบขัน เฮฮา (ปนขมขื่น) ด้วยเช่นกัน และภาพรวมของการเดินทาง มันให้อารมณ์ตลกร้าย จะบอกว่าเศร้าก็ไม่ได้เศร้าสลดหดหู่ขนาดนั้น จะบอกว่าตลกก็ไม่เชิง ได้แค่หัวเราะหึหึและยิ้มๆ ได้แบบแกนๆ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ คือ การที่เราได้เรียนรู้บางอย่าง บางคนอาจได้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ และบางคนอาจได้เพียงแค่ฉุกคิดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และไม่ว่าสิ่งนั้นจะยิ่งใหญ่หรือน้อยนิด มันก็ทำให้เราเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาลสำหรับเรา ไม่ได้มีบทเรียนยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีข้อสรุปที่จะทำให้เปลี่ยนชีวิตอะไรขนาดนั้น จะมีก็แต่ “อนุญาตให้ตัวเองประสาทเสียบ้าง ไม่ต้องรู้สึกแย่ที่ตัวเองจะกังวลและเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จงรู้จักผ่อนคลายบ้างในวันที่ไม่เป็นตามแผน” นอกจากนี้ “จงเก็บเกี่ยวทั้งความรู้สึกดีและรู้สึกแย่ เรียนรู้กับมัน และชื่นชมตัวเอง” สุดท้ายคือ “ถ้าใจยังเก๋าพอ เราจะเดินทางในแบบที่ท้าทายมากขึ้น” ขอบคุณที่อ่านบทความของเรานะคะ หวังว่ามันจะเป็นเรื่องราวที่ทำให้คุณเพลิดเพลินได้ ไม่มาก ก็น้อย หรืออาจจะไม่เพลิดเพลินเลย ถ้าเป็นแบบนั้น ก็หวังว่าคุณจะได้แรงบันดาลใจในการเดินทางในแบบของคุณนะฮะ เครดิตภาพและวิดีโอวิดีโอ จาก Blue Blues ภาพปกและภาพประกอบ โดยผู้เขียนเอง ออกแบบภาพปกและภาพประกอบที่ Canva.com เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !