การไหว้พระขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่พุทธศาสนิกชน นิยมกระทำกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วันนี้ผู้เขียนจะขอพาท่านเดินทางไปยังเมืองหลวงของประเทศไทยนั่นคือ กรุงเทพมหานคร เมืองที่เป็นศูนย์กลางของ ผู้คนทั่วประเทศ เมืองที่เป็นศูนย์รวมของเศรษฐกิจ ที่สำคัญที่นี่ ยังมีวัดวาอารามที่สำคัญ และ เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว วัดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นวัดที่สำคัญลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย เพราะวัดแห่งนี้ สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้าให้สร้างขึ้น พร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เมื่อปี 2325 โดยสร้างขึ้นให้อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาแต่จะใช้อาคารสถานที่สำคัญในพระราชพิธีเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา โดยได้อัญเชิญ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย มาประดิษฐานไว้ เมื่อมีการเฉลิมฉลองในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี ได้มีการปฏิสังขรณ์ ในส่วนของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่ออนุรักษ์สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม ที่เป็นมรดกของชาติ เมื่อท่านได้มีโอกาสไปกราบสักการะขอพร ที่วัดพระแก้วแห่งนี้ ท่านสามารถเข้าชม ความสวยงาม ของหมู่พระที่นั่งในเขตพระราชฐานชั้นนอก ที่อนุญาตให้เข้าชม เช่น พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท , พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท , พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท โดยจะต้องปฏิบัติตามระเบียบ อย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นเขตพระราชฐาน นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติท่านละ 500 บาท โดยเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 08:30 น. ถึง 16:00 น. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ วัดแห่งนี้ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชรัชกาลที่ 1 โดยวัดแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัย แห่งแรกของประเทศไทยเรื่องจากได้มีการรวบรวมเอาศัพท์วิชาต่าง ๆไว้ที่นี่ ที่สำคัญวัดโพธิ์ยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็น มรดกโลกความทรงจำ เมื่อปีพุทธศักราช 2551 ด้วย ภายในวัดยังมีสิ่งปลูกสร้าง และสถาปัตยกรรมที่สำคัญเช่นพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งเป็นพระพุทธไสยาสน์ ที่ขนาดใหญ่ลำดับที่ 3 ของประเทศไทย มีพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล และ พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ ให้ได้กราบสักการะขอพร ที่วัดโพธิ์แห่งนี้ ยังมีการรวบรวมนำเอาศาสตร์ของการนวดแผนไทย มารวบรวมและถ่ายทอด ให้ผู้ที่สนใจ ได้ศึกษาหาความรู้ รวมทั้งมีการนวดแบบโบราณ ที่สำคัญยังมีการประดิษฐ์รูปฤาษีดัดตน เป็นการสาธิตการผ่อนคลายอิริยาบถ และ การนวดอีกประเภทหนึ่ง ให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษา โดยคนไทยสามารถเข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติ มีค่าธรรมเนียม 50 บาท ได้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8:00 นถึง 21:00 น. ของทุกวัน วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา อยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อเดิมคือ วัดมะกอก ครั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จะย้ายราชธานี มาตั้งมากรุงธนบุรี เมื่อเสด็จทางชลมารคมาถึง ที่วัดมะกอกเป็นเวลารุ่งแจ้งพอดี จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดแจ้ง และ เรียกขานมาจนถึงปัจจุบัน โดยวัดแห่งนี้ เป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) โดยมีพระอุโบสถที่ประดิษฐาน พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก เป็นพระประธานที่สำคัญ วัดแจ้งยังมีพระปรางค์นับได้ว่าเป็น พระปรางค์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยและ สูงที่สุดในโลก โดยมีการตกแต่งด้วยเครื่องเคลือบ จานสีเบญจรงค์เป็นรูปดอก และ ใบไม้ต่าง ๆ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้นำ พระปรางค์วัดอรุณเป็นโลโก้สัญลักษณ์ ของการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยค่าเข้าชมคนไทยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนชาวต่างชาติคนละ 50 บาท เปิดให้ชมตั้งแต่ 8:00 น. ถึง 18:00 น. ของทุกวัน หมายเหตุ รูปภาพผู้เขียนเป็นผู้ถ่ายเองทั้งหมด