สวัสดีค่ะทุกคน เชื่อว่าการเดินทางคนเดียวสำหรับใครหลาย ๆ คนอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับเรามันคืออีก 1 Step ที่เราได้เริ่มเรียนรู้ ได้ประสบการณ์ใหม่ ที่เราไม่เคยได้จากที่ไหนมาก่อน แนะนำตัวก่อนเลยนะค่ะ เราชื่อ "แจม" เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงรายค่ะ ด้วยความที่ช่วงปีใหม่ 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหน้าหนาวที่อากาศกำลังหนาวจัดเลยทีเดียว เราไม่ได้กลับบ้านและเบื่อที่จะอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ อันเดิม จะไปไหนจะคุยกับใครก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงเพราะเพื่อน ๆ ก็กลับบ้านกันหมด เราจึงเกิดความคิดที่ว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเราลองไปเที่ยวคนเดียวดีไหม ไปหาเพื่อนใหม่เอาข้างหน้า ซึ่งทริปการเดินทางนี้เป็นทริปแรกที่เราอยากจะลองเริ่มเดินทางไปคนเดียว เราจึงเลือกไปจังหวัดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเชียงรายนั่นก็คือ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร สำหรับเชียงใหม่นั้นเราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ไปกันอย่างแน่นอนเพราะเป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่สำหรับตัวเรานั้นสถานที่เที่ยวที่ใครหลาย ๆ คนมักชอบไปเรากลับมองว่ามันช่างน่าเบื่อจำเจเหลือเกิน เรามีเพื่อนอยู่ที่เชียงใหม่บ้าง ที่มีรสนิยมและสไตล์ความชื่นชอบทำนองเดียวกัน เขาได้แนะนำสถานที่หนึ่งซึ่งเราไม่เคยไปมาก่อน และคิดว่านี่แหละคือโอกาสดีที่เราจะไปที่นี่ มันน่าจะเป็น Comfort Zone ของเราอีกที่อย่างแน่นอน นั่นก็คืออำเภอสะเมิง เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ที่ยังคงความเป็น Traditional ธรรมชาติที่แท้จริงของมันเอง เราเลือกพักที่เป็นบ้านพักของศิลปิน เราไม่ได้รู้จักเขามาก่อน แต่จากการศึกษาหาข้อมูลมาเบื้องต้นบนเพจนั่น เรากลับรู้สึกว่าเจ้าของที่พักเป็นกันเองมาก และน่าจะเป็นการไปเที่ยวคนเดียวที่ไม่รู้สึกเหงาอย่างแน่นอน ที่พักมีชื่อว่า Pundin Art Resort เป็นที่พักที่จะโชว์ผลงานศิลปะควบคู่ไปกับการพักผ่อน เสียงดนตรี ธรรมชาติ และสายลม ความคาดหวังของเราจากการเที่ยวในครั้งนี้คือ การได้พักผ่อน ได้ประสบการณ์ และเพื่อนใหม่ แต่เมื่อติดต่อไปยังที่พัก พี่เจ้าของร้านบอกกับเราว่า “น้องครับ วันนี้ไม่มีคนเข้ามาพักเลย ถ้าน้องมาที่นี่มันอาจจะเงียบหน่อยนะ น้องจะ Cancel ห้องพักไปก็ได้” สำหรับเราเมื่อเลือกจองที่พักที่นี่แล้วเราก็ยังคงตัดสินใจแบบเดิมว่าอยากจะไปต่อ บอกก่อนว่าเราเดินทางไปที่พักด้วยเส้นทางหางดง เส้นทางค่อนข้างชันแต่ว่าถนนดีมากขับรถสบายเลยทีเดียว ในวันนั้นเราเดินทางไปถึงประมาณช่วงเกือบ 16:00 น. เมื่อถึงที่พักพี่อาร์ม เจ้าของที่พักได้ต้อนรับ Welcome drink เราด้วยเบียร์ตั้งแต่มื้อเย็น และถามว่าหิวข้าวไหม ประหนึ่งเหมือนพี่ถามน้องสาวคนหนึ่งเลย เราจึงตอบกลับไปว่า "หิว" เขาจึงไปสั่งข้าวบริเวณตรงข้ามหน้าร้าน ระหว่างนี้เราจึงนำสัมภาระไปเก็บที่ห้องพักและเดินชมบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักซึ่งเต็มไปด้วยผลงานศิลปะควบคู่ไปกับธรรมชาติ และยังคงมีกลิ่นอายของกองฟืนที่เพิ่งจะดับไปจากคนที่พักก่อนหน้านี้ ขณะที่เรานั่งกินข้าวอยู่บริเวณด้านหน้าของที่พัก พี่อาร์มก็มาชวนเราคุยพร้อมเล่าเรื่องชีวิต ประหนึ่งว่าสนิทกันมานานแสนนาน เมื่อใกล้ค่ำเราจึงเริ่มก่อกองไฟ นั่งกินหมูกะทะบริเวณหน้าที่พักซึ่งพี่เขาได้จำลองเหมือนกว่ามีชายหาดผสมควบคู่กับวิวภูเขา นั่งจิบเบียร์ร้องเพลง ในความรู้สึกตอนนั้นเราคิดว่านี่คือการมาเที่ยวคนเดียวจริงเหรอ เรารู้สึกเหมือนว่าเรามาเที่ยวกับเพื่อนเลย บรรยากาศมันดีมาก ๆ (นี่คืออีกหนึ่งบรรยากาศความฝันที่เราเคยคิดไว้ว่าเราอยากจะมานั่งก่อกองไฟร้องเพลงกับเพื่อน) ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พี่อาร์มได้พาเราขึ้นไปชมบรรยากาศมบนดอยนกซึ่งห่างจากบริเวณที่พักไม่ได้มากนัก ทางขึ้นค่อนข้างชันและแคบเลยทีเดียว ข้างบนเป็นจุดชมวิวที่สวยอีกแห่งหนึ่งที่เราเคยไปมาเลย มันยังคงความเป็นธรรมชาติจริง ๆ มีพระธาตุและวัดเล็ก ๆ พร้อมกับบริเวณที่วัดมีเครื่องดื่มยามเช้าแจกให้ด้วย ซึ่งเราคิดว่าถ้าหากมีวางของแบบนี้ในตัวเมืองคงหมดภายใน 5 นาทีเป็นอย่างแน่นอน หลังจากที่เราได้ชมวิวภูเขาและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เราก็นั่งรถลงมาต่อที่ในตัวเมืองของอำเภอสะเมิงเพื่อมารับประทานอาหารเช้า เราได้ทานโจ๊กซึ่งเขาได้แนะนำว่าร้านนี้เป็นร้านสูตรดั้งเดิมของอำเภอนี้เลย อร่อยมาก ในขณะที่กำลังกินข้าวเราก็นั่งชมบรรยากาศหมอก เสียงรถวิ่งผ่าน เสียงนก เสียงเด็กปั่นจักรยาน ซึ่งมันทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กมาก เพราะปกติพอโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้ตื่นเช้ามาสูดบรรยากาศธรรมชาติเท่าไหร่นัก และเมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อย เราก็ได้ไปนั่งรถชมบริเวณรอบตัวเมืองสะเมิง และไปเก็บสตอเบอรี่ที่ไม่ค่อยจะมีเจ้าตัวสตอเบอรี่เท่าไหร่นัก แต่ก็เหมือนไปชมวิวบรรยากาศนั่นแหละ หลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางกลับที่พักโดยในวันนั้นพี่อาร์มซึ่งเป็นครูศิลปะเก่า เขาก็ได้วาดภาพเหมือนของเราด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินของเขาลงบนกระดาษ เรานั่งเป็นนางแบบให้พี่เขาอยู่ประมาณสักครึ่งชั่วโมงได้ พี่เขาก็วาดรูปออกมาได้เสร็จเป็นของฝากก่อนที่เราจะกลับเชียงราย สำหรับทริปนี้ตัวแจมเองรู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับการเที่ยวคนเดียวครั้งแรก มันคือความฝันหนึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยเดินออกจากกรอบ ได้อยู่กับธรรมชาติที่แท้จริง ได้เรียนรู้ความรู้สึกนึกคิดของคนคนหนึ่งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ที่เที่ยว Unseen ที่ไม่ค่อยจะมีคนได้ไปนัก ถ้าหากช่วงฤดูหนาวปีไหนที่ว่างสักปี เราจะกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน เราขออนุญาตแนบ Vlog สำหรับทริปนี้นะค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=09pDkVDeB-Q&feature=emb_title ขอบคุณมิตรภาพสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ค่ะ เครดิตภาพทั้งหมด : JamDkm