การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติบนโลกของเรามีอยู่กันสองแบบ คือ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และคนเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งทำให้เราได้รู้สึกตื่นเต้นประหลาดใจ น่ากลัวเวลาที่นึกถึง และประทับใจในความสวยงามจนน่าทึ่ง เช่นเดียวกันกับ ถ้ำน้ำบ่อผี ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง มีลักษณะเป็นปล่องถ้ำที่เกิดจากการยุบตัวของชั้นหินใต้พื้นดิน มีความลึก ประมาณ 185 เมตร และมีขนาดใหญ่เทียบเท่าสนามฟุตบอลรวมกันถึง 2 สนามเลยทีเดียว ถ้ำน้ำบ่อผี ตั้งอยู่ในพื้นที่ของหมู่บ้านลุกข้าวหลาม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวมูเซอดำ และหมู่บ้านนี้เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง รักจัง มาแล้ว ถ้ำนี้ได้ถูกค้นพบโดยบังเอิญขณะที่ชาวมูเซอดำออกไปล่าสัตว์ แล้วเจอปล่องถ้ำคล้ายกับบ่อน้ำ ถ้ำน้ำบ่อผี มีความเป็นจากคำพ้อง มาจาก น้ำบ่อ บริเวณปล่องถ้ำมีรูปร่างลักษณะคล้ายบ่อน้ำ เมื่อลองโดยก้อนหินลงไปแล้วเกิดเสียงดังคล้ายกับการโยนหินลงในบ่อน้ำ จริง ๆ แล้วเป็นเสียงก้อนหินที่กระทบกับใบไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณ และสะท้อนขึ้นมา คำว่า ผี ชาวมูเซอดำ เชื่อว่า บริเวณก้นถ้ำเป็นที่อยู่อาศัยของวิญญาณ ภูตผีปิศาจ จึงเรียกว่า ถ้ำน้ำบ่อผี เป็นต้นมา โดยถ้ำบ่อผีในช่วงเช้าจะมีหมอกลงหนามาก มีความสวยงามแบบพิศวง แฝงความลึกลับให้ชวนสงสัยแฝงอยู่ การเดินทางไปถ้ำแห่งนี้นั้น ใช้วิธีการเดิน หรือใช้รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถกระบะขับไปตามทางเล็ก ๆ ลัดเลาะไปตามไร่ข้าวโพด และทุ่งหญ้าที่อยู่บนดอย ระยะทางห่างจากหมู่บ้านถึงหน้าถ้ำประมาณ 3 กิโลเมตร หากใครกลัวหลงสามารถจ้างไกด์ในหมู่บ้านก็ได้ ราคาตกลงกันได้ค่ะ เมื่อถึงหน้าถ้ำจะมีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวไว้ถ่ายรูป จะไม่มีทางลงไปด้านล่าง เนื่องจากเป็นหน้าผาสูงชัน และอันตรายหาก จะลงไปเที่ยวในถ้ำต้องใช้วิธีโรยตัวด้วยเชือกเท่านั้น และต้องเป็นผู้เชียวชาญในการโรยตัวด้วยเชือก ไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตรายถึงแกชีวิตได้ ตอนที่เราไป เราใช้วิธีเดินสลับกับรถสองล้อ เนื่องจากดินร่วนเป็นทรายเมื่อเจอความชื้นก็จะเละเหลว ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปพาลจะล้มอยู่บ่อยๆ เลยตัดสินใจจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินชมนกชมป่าไปเรื่อยๆ ในใจก็คิดนะว่า 3 กิโลเมตร หรือ 3 กิโลดอยกันแน่ เดินผ่านดอยมา 3 ลูกยังไม่ถึงเลย แอบท้ออยู่เหมือนกัน พอถึงปากถ้ำ ตะลึงในความลึกลับ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ข้างในมีอะไร ปลายถ้ำจะอยู่ตรงไหน แต่โดยรวมเหมือนโลกใต้ภิภพ เพราะป่าด้านบนใบไม้ต่างพร้อมจะผลัดใบทิ้งกันแล้ว แต่บริเวณปากถ้ำยังคงเขียวขจี ต้นไม้ใหญ่ ๆ แปลก ๆ ขึ้นมากมายเต็มไปหมด เหมือนยุคไดโนเสาร์ไม่ต่างกันเลยทีเดียว พอชมถ้ำจนอิ่มใจ ก็รีบเดินกลับ ตะวันเริ่มจะลับยอดไม้แล้ว ความกลัวเริ่มมาแทนที่ โชคดีมีชาวบ้านที่มาทำไร่แถวนั้นกำลังเดินกลับ พอทำให้อุ่นใจได้บ้าง เป็นอันว่าจบทริปนี้ด้วยมีความตื่นเต้นผสมเหนื่อยล้า แต่คุ้มค่าที่ได้เห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาด แต่ก็ซ่อนความสวยงามให้เราได้เชยชม บางทีธรรมชาติก็อยากจะสอนเราว่า แม้บางครั้งเมื่อเราเจอเหตุการณ์ร้าย ๆ แต่ก็ยังมีความสวยงามซ่อนอยู่เสมอนะคะ ภาพปกและภาพประกอบ จาก พี่ขวัญ