อนุสาวรีย์ 10 สุดยอดนักรบ ในประวัติศาสตร์โลก น่าไปเยือนสักครั้ง
เรื่องราวของยอดนักรบที่ต่อสู้เพื่อรวบรวมชาติ ต่อต้านอริราชศัตรูนั้นเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ชอบ เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์โลกแล้ว บางเรื่องยังทำให้เรารู้สึกฮึกเหิม และอินจนอยากไปดูตามสถานที่จริงด้วย เราไปตามรอยนักรบผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้กันเลยดีกว่าว่าจะมีใครบ้าง
อนุสาวรีย์ 10 สุดยอดนักรบ ในประวัติศาสตร์โลก
1. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
กษัตริย์ผู้กอบกู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจราชอาณาจักรไทย จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้จนถึงแหลมมลายู ทางด้านทิศเหนือถึงฝั่งแม่น้ำโขง
By Heinrich Damm – Own work (Own photo)
การศึกครั้งสำคัญคือสงครามยุทธหัตถี ซึ่งหลังจากทรงชนะศึกในครั้งนี้ ก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลายาวนาน และทรงสร้างพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ขึ้น ที่อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะในสงคราม
2. พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ (Richard I)
กษัตริย์แห่งอังกฤษ ทรงครองราชย์ช่วงปี พ.ศ. 1732-1742 มักจะถูกเรียกพระนามว่า ริชาร์ดใจสิงห์ (Richard the Lionheart) จากความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของพระองค์
การศึกที่สร้างชื่อให้แก่พระองค์คือ สงครามครูเสด ครั้งที่ 3 สงครามระหว่างคริสเตียนและมุสลิมที่ดำเนินต่อกันมานับร้อยปี ทางด้านมุสลิมตอนนั้นนำโดยซาลาดิน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากสู้รบกันยาวนานกองทัพทั้งสองฝ่ายได้ยอมทำสัญญาสงบศึกกัน โดยต้องยินยอมให้ชาวคริสเตียนเดินทางไปเยรูซาเล็มได้ โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามอาวุธเข้าไปด้วย
PaolaV1 / Shutterstock.com
ปัจจุบันรูปปั้นของพระองค์ตั้งอยู่ที่นอกวัง Westminster กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
3. สปาร์ตาคัส (Spartacus)
ชายผู้นี้แม้ชาติกำเนิดจะไม่ได้สูงศักดิ์ แต่เขาก็เป็นผู้นำนักรบที่เก่งกล้าสามารถ รวบรวมกองทัพทาสจากชนชาติต่างๆ จนสามารถเอาชนะกองทัพโรมัน ซึ่งถือว่าเป็นกองทัพที่ดีที่สุดในโลกยุคนั้นได้
สปาร์ตาคัสเป็นทาสที่ถูกขายไว้สำหรับเป็นกลาดิเอเตอร์ หรือนักสู้ในลานประลอง หลังจากทนเห็นเหล่าทาสต้องทนทุกข์ทรมานจึงตัดสินใจก่อกบฏขึ้น ทำศึกจนได้ชัยชนะหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดก็ไม่อาจต้านทัพโรมันที่มีจำนวนเหนือกว่า มีเอกภาพมากกว่าได้ จนต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด และถูกจับตรึงไม้กางเขนในวาระสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เรื่องราวการลุกฮือไม่ยอมแพ้ต่อการกดขี่ข่มเหงของเขาก็ได้กลายมาเป็นตำนานจวบจนทุกวันนี้
ปัจจุบันอนุสาวรีย์ของสปาร์ตาคัสตั้งอยู่ที่เมือง Sandanski ประเทศบัลแกเรีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง
4. ซาลาดิน (Saladin)
ซาลาดิน หรือ ศอลาฮุดดีน หนึ่งในผู้ปกครองชาวมุสลิมที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์อัยยูบีย์ ปกครองอียิปต์ ซีเรีย เยเมน และปาเลสไตน์ โดยใช้วิธีการทางการฑูต และการทหารเมื่อจำเป็น
วีรกรรมครั้งสำคัญก็คือการยึดเมืองเยรูซาเล็มกลับคืนมาการยึดครองของพวกครูเสดได้ ในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ.1187 (สงครามครูเสดครั้งที่ 2) ก่อนที่จะยอมทำสัญญาสงบศึกกับพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 ในสงครามครูเสดครั้งที่ 3
อนุสาวรีย์ของซาลาดินตั้งอยู่ที่เมืองดามัสกัส อันเป็นเมืองที่เขาเติบโต และใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นี่
5. โอดะ โนบุนากะ (Oda Nobunaga)
ขุนพลผู้รวมชาติญี่ปุ่นเป็นปึกแผ่นจากความแตกแยกในยุคเซนโกคุ ซึ่งเป็นยุคที่เกิดสงครามกลางเมือง นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นซึ่งกินเวลากว่า 100 ปี เขาเป็นผู้เริ่มก่อตั้ง กองกำลังทหารอะชิงะรุ ซึ่งมาจากประชาชนที่มีใจรักบ้านเมือง และต้องการมีส่วนร่วมในสงคราม
MrNovel / Shutterstock.com
โนบุนากะเป็นผู้ที่พลิกโฉมหน้าสงครามในญี่ปุ่นด้วยการนำเอาอาวุธปืนมาใช้กับกองทัพเป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถฝึกฝนให้ชำนาญได้ง่ายกว่าดาบหรือธนู แม้แต่รูปปั้นของเขาที่ตั้งอยู่ข้างสถานี JR กิฟุ ยังมีกระบอกปืนอยู่ข้างกาย
6. จูเลียส ซีซาร์ (Gaius Julius Caesar)
รัฐบุรุษผู้ทำให้อาณาจักรโรมันมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดในยุคนั้น ทัพของโรมันได้ชัยชนะตั้งแต่ยุโรปทางตอนเหนือจรดยุโรปตอนใต้ จากสเปนไปจนถึงอียิปต์ แม้จะเป็นแม่ทัพที่ขึ้นชื่อว่าทารุณโหดร้าย แต่เหล่าทหารก็ให้ความจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะซีซาร์จะเป็นผู้นำในการรบด้วยตัวเองทุกครั้ง
สำหรับรูปปั้นของจูเลียส ซีซาร์นั้นสามารถพบเห็นได้มากมายในกรุงโรม ประเทศอิตาลี
7. ฮันนิบาล บาร์กา (Hannibal Barca)
แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของชาวคาร์เทจ (พ.ศ. 296-พ.ศ. 360) ที่สร้างความหวาดหวั่นให้กองทัพโรมันอย่างยาวนาน แม้จะไม่อาจตีกรุงโรมได้สำเร็จ แต่ตลอดเวลา 15 ปีที่เขาทำศึกในดินแดนโรมันนั้น ฮันนิบาลไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว โดยที่เขาไม่ได้รับกำลังสนับสนุนจากใครเลยด้วยซ้ำ
meunierd / Shutterstock.com
8. เลโอไนดาสที่ 1 (Leonidas I)
หนึ่งในแม่ทัพที่คนรุ่นใหม่รู้จักกันดีจากภาพยนตร์เรื่อง 300 กษัตริย์เลโอไนดาสมีชื่อเสียงมากที่สุดจากยุทธภูมิช่องเขาเธอร์โมไพลี (Thermopylae) ที่กองทัพเปอร์เซีย นำโดยกษัตริย์เซอร์ซิส ต้องสูญเสียกำลังรบหลักที่จะยกไปตีกรีกนับหมื่นนาย ด้วยฝีมือของทหารสปาร์ตาเพียงหยิบมือ แม้ทหารฝ่ายสปาร์ตาจะสละชีพทุกนาย แต่การตั้งรับเพื่อถ่วงเวลาของเลโอไนดาสก็ทำให้กองทัพกรีกที่เหลือรวมกำลังกันได้ และขับไล่กองทัพเปอร์เซียเป็นผลสำเร็จ
ปัจจุบันรูปปั้น และหลุมฝังพระศพกษัตริย์เลโอไนดาสก็อยู่ในบริเวณช่องเขาเธอร์ไมโพลีนั่นเอง
9. อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมาซิโดเนีย หรือ อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)
หลังจากกษัตริย์เซอร์ซิส จากกองทัพเปอร์เซียพ่ายแพ้ต่ออาณาจักรกรีกจนต้องยกทัพที่เหลือกลับอาณาจักร ก็ไม่มีกำลังพอจะก่อสงครามใหญ่ๆ อีก จนปีพ.ศ.209 อเล็กซานเดอร์มหาราช ก็เป็นผู้นำกองทัพชาวกรีกไปโจมตีเปอร์เซียถึงถิ่น จนชาติเปอร์เซียดับสูญลงอย่างถาวร
อเล็กซานเดอร์มหาราชมีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านการรบมาก พระองค์ทรงปกครองตั้งแต่กรีซ ซีเรีย อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และแบคเทรีย สิ่งที่สำคัญกว่าการปกครองดินแดนเหล่านี้ ก็คือการที่วัฒนธรรมกรีกนั้นได้รับการเผยแพร่ไปสู่ดินแดนต่างๆ ในแถบนั้นสืบต่อมา
10. เจงกิส ข่าน (Genghis Khan)
เจงกิส ข่าน หรือนามเดิมว่าเตมูจิน (Temüjin) ผู้นำกองทัพม้าอันเกรียงไกรแห่งจักรวรรดิมองโกล จัดระเบียบทหาร จากกองโจรให้เป็นกองทัพ บุกยึดพื้นที่ในภูมิภาคเอเชียจรดยุโรปตะวันออกได้เกือบทั้งหมด เหตุที่กองทัพของเขาเกรียงไกรยิ่งกว่ากองทัพใดๆ ก็เพราะความโหดเหี้ยมเด็ดขาดยิ่งกว่าผู้นำคนไหนนั่นเอง
ปัจจุบันทางการมองโกเลียสร้างอนุสาวรีย์เจงกิส ข่าน ไว้ริมแม่น้ำตูล (Tull) ในพื้นที่ที่เชื่อว่ามีการพบตำนานแส้ทองของอดีตข่านผู้ยิ่งใหญ่
====================