แชงกรีล่า เราว่าชื่อนี้คงมีใครหลาย ๆ คนฝันอยากที่จะไปสักครั้งในชีวิตเพราะถือว่าเป็นดินแดนลี้ลับเป็นสถานที่ ที่สงบสุขจนมีผู้เขียนหนังสือเรื่อง Lost Horizon กันเลยเราก็เป็นคนหนึ่งที่มีความฝันเช่นนั้น เมื่อโอกาสและเวลาที่เหมาะสมมาถึง เราก็ได้ทำตามฝัน ก่อนที่จะไปยังแชงกรีล่าเราได้ไปขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก ที่งดงามอีกแห่งของยูนนานด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 5500 เมตร ถ้าจากพื้นดิน 3300 เมตร อุณหภูมิบนยอดเขาติดลบและอากาศค่อนข้างที่จะเบาบางทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายต้องทำอย่างช้า ๆ และต้องกินยาปรับสภาพกันก่อนขึ้นมาด้วย เพื่อความปลอดภัยเพราะเราอยู่พื้นที่ราบเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญต้องไม่ปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำโดยเด็ดขาด อาจทำให้มีอากาศช็อคและหมดสติได้ คอยจิบน้ำอยู่บ่อย ๆ ส่วนตัวเราพกออกซิเจนกระป๋องขึ้นไปด้วยถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมาก เมื่อถึงยอดเขาภาพที่ปรากฏตรงหน้าถือว่าคุ้มค่ามากเพราะทุกอย่างขาวโพนไปด้วยหิมะที่ปกคลุมพื้นดินและยอดเขา เป็นภาพที่งดงามมากและตระกาลตายิ่งนักมันก็ทำให้รู้สึกถึงธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์มากมายนัก ภาพนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์เราตัวเล็กนักเมื่อเทียบกับธรรมชาติ ในบางครั้งที่เราทำอะไรไม่ดีกับธรรมชาติผลลัพธ์ที่ธรรมชาติเอาคืนมันถึงหนักหนาสาหัสมากนัก ภูเขาหิมะมังกรหยก มีผู้คนกำลังเดินลัดเลาะไปตามสะพานเพื่อไต่เขาขึ้นไปใกล้ยอดเขามากที่สุด ด้านบนยังบริการเสื้อกันหนาวให้เช่าแก่นักท่องเที่ยวด้วยนะ มองขึ้นไปด้านบนก็ขาวโพนไปด้วยหิมะ อุณหภูมิติดลบ หนาวเหน็บเข้ากระดูก อากาศก็บางเบามาก เราก็ค่อย ๆ เดินไปไต่เขาขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อพิสูจน์ความฟิตของตัวเอง และเป็นฝึกความอดทนว่าเราก็ทำได้ แต่ก็จะไม่เร่งรีบไม่แข่งกับใคร ดูจังหวะการหายใจของเราเป็นหลัก ถ้าใครไม่ไหวห้ามฝืนเด็ดขาด เพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้ เรื่องนี้ขอเตือน ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งที่เรากล้าขึ้นมาสูงขนาดนี้ มองดูรอบ ๆ จดจำภาพบรรยายกาศที่งดงามไปด้วยหิมะ ที่นาน ๆ เราจะได้พบเห็น เพราะบ้านเราไม่มี มันก็จะตื่นเต้นเป็นธรรมดา ทำให้นึกถึงการ์ตูนเรื่อง Frozen ที่มีหน้าเอกเอลซ่ากับอันนา ถ้าไม่ห่วงอากาศเบาบางจะตามหาโอลาฟซะหน่อย เราดื่มด่ำบรรยายากาศความหนาวเหน็บเต็มที่ก็ได้เวลาพอสมควรที่จะลงจากเขาแล้ว ขากลับเราก็นั่งกระเช้ากลับลงเขา ภาพด้านล่างยังมีหิมะที่ยังละลายไม่หมด ปกคลุมภูเขาประปราย บางช่วงที่นั่งกระเช้าเหมือนมีกระแสลมมาประทะกับกระเช้าเป็นระยะ ๆ ทำให้เกิดความโครงเครงก็ ทำเอาคนในกระเช้า ร้องเสียงหลง! กันเลยในความเสียวและความสูงแบบนี้ เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อมุ่งสู่แชงกรีล่าระหว่างทางที่ไต่เขาขึ้นไป ถนนก็เล็กและไหล่ทางก็แคบ ขึ้นเรื่อย ๆ ต้องเป็นรถยนต์ที่ชำนาญในพื้นที่เท่านั้น ให้เราขับคงไม่กล้าแน่ ๆ รถจอดแวะให้นักท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่หุบเขาเสือกระโจน ภาพตรงหน้าคือหน้าผาสูงใหญ่และหุบเหวทั้งสวยงามและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ภาพสองข้างทางมันงดงามและน่าอัศจรรย์เราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภูเขาต้นไม้สายน้ำที่ไหลจากภูเขาลงมา ใครที่ชอบท่องเที่ยวสายเทรคคงไม่น่าพลาดที่หุบเขาเสือกระโจนแน่ ๆ น้ำด้านล่างบางจุดก็ดูไหลเชียวไม่เบา มีก้อนหินก้อนมหึมาหลุ่นจากภูเขาลงมาขวางลำธารไว้ และในที่สุดเราก็เดินทางขึ้นมาถึงแชงกรีล่าสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และลี้ลับ อันน่าให้ค้นหา ชมวิวจากวัดลามะซงจ้านหลิน มองลงมาดูบรรยายกาศด้านล่าง มันช่างสงบนัก ไม่แปลกใจที่มีผู้คนหลงใหล และอยากขึ้นมาที่แชงกรีล่า หรือบางคนก็อาจเรียกซัมบาลา หลังคาโลก แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่จุดไหนกันแน่ พระชาวทิเบต ถ้าใครเคยได้ฟังบทสวดมนต์ ของพระชาวทิเบตเราว่าไพเราะจับใจ การเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีทั้งความน่าประทับใจและตื่นเต้นมากมายได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวจีนและชาวทิเบตที่อยู่ในชนบทนักบวชที่นี้ถ้าพ่อแม่ไม่เงินก็ส่งลูกมาเป็นพระ วิถีชีวิตของคนที่นี้ช่างแตกต่างกับชาวจีนที่อยู่ในเมืองใหญ่มากนัก น้ำก็ไม่ค่อยมี เพราะฝนไม่ค่อยตก และความเป็นอยู่คล้ายชนบทหรือบ้านนอกก็ว่าได้ ส่วนประสบการณ์เรื่องห้องน้ำที่ไม่สามารถลืมกันได้เลย และอีกเรื่องแต่เรื่องที่น่าห่วงคงเป็นเรื่องอากาศที่บางเบามีผลระทบต่อสุขภาพแต่โชคดีที่ปลอดภัยใครที่ต้องการเดินทางขึ้นที่สูงต้องศึกษาข้อมูลและปรับสภาพร่างกายให้พร้อมก่อนเดินทาง จะได้ท่องเที่ยวให้สนุกและปลอดภัย ทริปหน้าเราไปเที่ยวที่ไหนแล้วจะมาเขียนเล่าใหม่นะ>.< เรื่องและภาพฟ้าเปลี่ยนสี