เมื่อจุดหมายปลายทางมีความพิเศษรออยู่ การเดินทางบนเส้นทางอันยาวไกล ก็กลับกลายเป็นความรื่นรมย์ .......... ฉันก้าวเท้าเข้าสู่โถงผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินอู่ตะเภาหลังเครื่องแตะพื้น ความรู้สึกแรกคือ... ที่นี่น่ารักดี เป็นสนามบินนานาชาติที่ดูไม่วุ่นวายนัก ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ตอนแรก บรรยากาศดูคึกคักหน่อยเวลาเครื่องลง แล้วก็กลับสู่ความสงบในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเยือนสนามบินแห่งนี้ ด้วยความอยากลองเดินทางด้วยเที่ยวบินข้ามภูมิภาคระหว่างอีสานกับตะวันออก นี่แค่ครึ่งทาง... ฉันยังต้องเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งในทะเลตราด เมืองที่เขาบอกว่ามีเกาะเป็นครึ่งร้อย ......... รถโดยสารสนามบินอู่ตะเภา - ตราด ที่มีเพียงวันละหนึ่งเที่ยว เป็นพาหนะถัดไปที่จะพาฉันไปสู่ปลายทาง ฉันจัดการโทรจองตั๋วก่อนการเดินทางมาแล้วเรียบร้อย จึงไม่มีอะไรต้องกังวล เดินทางต่อได้อย่างสะดวกสบาย คนขับรถเป็นมิตร ชวนคุยและให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ เป็นอย่างดี รถจอดแวะพักตามจุดที่กำหนด พอได้ยืดเส้นยืดสายคลายเมื่อยตลอดการเดินทาง 4 ชั่วโมง เมื่อถึงเมืองตราด คนพิเศษที่ฉันรอเจอก็มารอรับ เราเดินทางต่อสู่อำเภอแหลมงอบ เข้าที่พักใกล้ท่าเรือกรมหลวงชุมพร ฯ ก่อนข้ามเกาะในวันรุ่งขึ้น ......... รุ่งเช้า... เราแยกกันเดินทาง ด้วยเขาติดภารกิจหน้าที่บนเกาะที่ต้องรับผิดชอบ เป็นภาระที่ฉันก็พยายามทำความเข้าใจ และโชคดีที่ฉันก็เข้าใจได้อย่างไม่ยากนัก เนื่องด้วยลักษณะงานของเราที่เหมือนกัน ฉันโทรเรียกวินมอเตอร์ไซค์มารับจากที่พักไปท่าเรือ ลงเรือที่เที่ยวนี้เต็มไปด้วยผู้โดยสารทั้งนักท่องเที่ยวและคนทำงานที่เกาะ บรรยากาศคึกคัก นั่งรับลมเย็น ๆ ในเรือไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง เกาะหมาก เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามในท้องทะเลตราด เมื่อเรือลีลาวดีเข้าจอดเทียบท่าเรือมะกะธานีรีสอร์ท ฉันก้าวเท้าขึ้นจากเรือแล้วหันซ้ายแลขวาได้เพียงครู่ ชายเจ้าของรีสอร์ทที่ฉันพักก็เข้ามาทัก เขาพาฉันไปที่รถสองแถว ก่อนขับไปส่งยังรีสอร์ท ฉันเข้าที่พักแล้วงีบหลับด้วยความล้าสะสมจากการเดินทาง บ่ายแก่ ๆ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมความหิว พลันให้นึกถึงร้านอาหารบ้าน ๆ ในความทรงจำที่เขาเคยพาฉันไปกินเมื่อปีที่แล้ว ฉันนึกถึงคำพูดที่เขาพูดถึงป้าเจ้าของร้านว่า "เหมือนป้ากำกุ้งแล้วสาดลงหม้อ" แล้วก็นึกขำ ด้วยความที่ป้าให้กุ้งเยอะมาก สุดแสนจะคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคามิตรภาพที่ไม่น่าเชื่อว่าจะหาได้บนเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้ ฉันคิดเมนูในใจไว้เสร็จสรรพ รีบล้างหน้า กินขนมรองท้อง ก่อนเดินออกไปคว้าจักรยานของรีสอร์ทที่เจ้าของใจดีให้ใช้ฟรี ปั่นออกไปตามหาร้านในความทรงจำ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ฉันก็จอดจักรยานหอบแฮ่กที่หน้าร้านป้าแป๋ว พร้อมกับกลิ่นควันบุหรี่ชนจมูกเข้าอย่างจัง ป้าแป๋วตัวจริงเสียงจริงนั่งเอกเขนกสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน ฉันนึกในใจ ป้ายังเก๋าเหมือนเดิมแฮะ อยากให้เลิกบุหรี่จัง เป็นห่วง เดินตรงปรี่ไปหาป้าด้วยความหิวเกือบจะหน้ามืด "ขอกินข้าวหน่อยจ้า" พร้อมสั่งเมนูในความทรงจำที่คิดถึง ป้าเดินดุ่มเข้าครัว ซักพักก็ออกมาพร้อมจานข้าวกะเพราทะเล และถ้วยต้มยำกุ้ง ฉันกินหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ป้าชวนคุยโน่นนี่ก่อนไปลงน้ำอัดลมจัดเข้าตู้เย็น ฉันอิ่มท้องพร้อมความรู้สึกสุดฟินและสบายกระเป๋า ร้านป้าแป๋วทำให้ฉันรู้สึกถึงความเป็นท้องถิ่นของเกาะหมาก เป็นมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งในเกาะที่ทำให้รู้สึกว่า เกาะนี้มีเสน่ห์ ไม่ใช่เกาะที่ดาดดื่นด้วยความเป็นเกาะท่องเที่ยว ผู้คนที่แวะเวียนมาที่ร้าน มีทั้งนักท่องเที่ยวไทย ต่างชาติ ชาวบ้าน และคนทำงานบนเกาะ ทุกคนเหมือนมากินข้าวฝีมือญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ได้อิ่มท้องพร้อมบอกเล่าแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบและสิ่งที่พบเจอมาในวันนั้น ๆ ของตัวเอง เป็นสีสันระหว่างมื้ออาหารที่ฉันสัมผัสได้ที่นี่ ก่อนลาป้าแป๋วออกจากร้าน ป้าถอนหายใจแล้วพูดกับฉันว่า "เฮ้อ... เหนื่อย ตื่นมาทำตั้งแต่ตีสามแน่ะ" ฉันยิ้มให้ป้าแล้วบอกว่า "ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะคะป้า" เออแฮะ... คำนี้ ฉันก็ควรบอกตัวเองด้วยเหมือนกันนะ ......... พระอาทิตย์กำลังจะตก ฉันมาโผล่อยู่ที่สะพานโคโค่เคป หลังผ่านความพยายามในการปั่นผสมจูงจักรยานขึ้นเนินสูงมาได้ เหงื่อที่เต็มแผ่นหลังช่วยเรียกความสดชื่นได้อย่างประหลาด คงเป็นรางวัลสำหรับคนเริ่มฝึกออกกำลังกาย คนที่เผลอละเลยสุขภาพร่างกายตัวเองมายาวนานระยะหนึ่ง กว่าจะรู้ตัวว่าใช้ชีวิตไม่สมดุล ก็ต้องให้โรคภัยมาส่งสัญญานเตือน ฉันเดินไปเรื่อย ๆ ตามแนวยาวของสะพาน สัมผัสลมทะเลยามเย็น นั่งห้อยขาบนสะพานฟังเสียงคลื่น และอาบแสงอาทิตย์ที่กำลังอ่อนกำลังลง รู้สึกถึงความสงบในจิตใจ และได้ทบทวนความคิด ความรู้สึกหลายอย่างของตัวเอง ยิ่งฉันได้คุยกับตัวเองมากเท่าไหร่ มันยิ่งย้ำชัดให้ฉันตระหนักว่า ตัวเราเองก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีอารมณ์หลากหลายทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง หากเราใช้ชีวิตอย่างมีสติและรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง ความสุขคงอยู่ไม่ไกลจากใจเรา ฉันรู้ตัวว่ายังทำได้ไม่ดีนัก แต่จะไม่ละความพยายามในการฝึกฝนตัวเองต่อไป หลังส่งพระอาทิตย์ลับเส้นขอบฟ้า ฉันจูงจักรยานลงจากเนินสูงของเส้นทางขรุขระจากโคโค่เคปรีสอร์ท เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนฉันจะปั่นลงเมื่อถึงช่วงถนนคอนกรีต ความลาดชันส่งแรงให้จักรยานพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้น ฉันนึกถึงสติอย่างตั้งมั่น เพราะหากเผลอไปเพียงเสี้ยววินาที ฉันคงล้มหัวคะมำไม่เป็นท่า รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นและท้าทายตัวเองไปอีกแบบ ......... คืนแรกที่เกาะหมาก ฉันหลับไปพร้อมอาการละเมอและฝันตลก ๆ ซึ่งพอรู้จากปากคนที่บอก ก็ให้รู้สึกขำตัวเอง ความสุขเวลาได้อยู่กับคนที่สำคัญต่อหัวใจแม้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็มีความหมาย หากเราช่วยกันสร้างช่วงเวลาอันน้อยนิดนั้นให้เป็นช่วงเวลาคุณภาพ ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องอาศัยความเข้าใจกันอย่างมาก แต่ความสุขที่ได้รับจะหล่อเลี้ยงหัวใจเราให้อบอุ่นอย่างยั่งยืน ......... วันเวลาที่เหลือบนเกาะหมากก่อนวันฉันเดินทางกลับ ถูกใช้ไปกับการพักผ่อน ปั่นจักรยานเที่ยวรอบเกาะ ฉันเก็บระยะทางไกลสุดของวันได้ถึง 14 กิโลเมตร ระยะนี้อาจเป็นความอนุบาลของใครหลายคน แต่ก็เป็นความเท่อยู่ในใจคนเดียวของมือใหม่อย่างฉันเองเนี่ยแหละ ฉันตะลอนไปรอบเกาะ กินเค้กกล้วยหอมร้านสวีทเค้กเหนือวิวสะพานอ่าวนิด แวะพิพิธภัณฑ์เกาะหมากที่อดเข้าไปชมเพราะอยู่ในช่วงปิดปรับปรุง ถ่ายรูปสะพานสู่ฝัน ที่ชินนาม่อนรีสอร์ท อิ่มเอมกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกทะเลยามเย็นอีกวัน เก็บความสุขเป็นขุมพลังสะสมก่อนเดินทางกลับไปใช้ชีวิตปกติของตัวเองต่อไป เกาะหมากรอบนี้ ฉันได้พักผ่อนกายใจ ได้ทำความรู้จักกับความคิด ความรู้สึกตัวเองมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญอีกอย่าง คือได้เรียนรู้การถนอมรักษาความสัมพันธ์กับคนที่สำคัญของหัวใจ ด้วยเงื่อนไขโจทย์ยากของระยะทาง ภาระหน้าที่ ข้อจำกัดของการใช้ชีวิต และความเป็นตัวตนของแต่ละฝ่าย ฉันไม่อาจรู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่ทั้งหมดนี้ คือความพิเศษของชีวิตที่ฉันจะถนอมรักษาไว้ให้ดีที่สุด และนี่คือ ความพิเศษทั้งหมดที่ฉันเก็บได้จากจุดหมายปลายทาง... "เกาะหมาก" ... ก็อยากมา :)