ดอยภูแว ชื่อนี้หลายๆคน คงสงสัยว่า ตั้งอยู่ที่ไหนกันนะ ซึ่งก็รวมถึงตัวผู้เขียนด้วยเช่นกัน แต่หากอธิบายเพิ่มว่า ดอยภูแว ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน ความสงสัยนั้นคงได้รับความกระจ่างขึ้นทันที น่าน จังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลายๆคน นอกจากสถานที่ที่มีชื่อเสียงเช่น วัดภูมินทร์ ถนนหมายเลขสาม สะปัน บ่อเกลือ ดอยเสมอดาว แล้วนั้น ผู้เขียนขอแนะนำ ดอยภูแว ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักเดินทาง หากใครที่ชื่นชอบสีเขียว หลงใหลในธรรมชาติ วันนี้จะชวนทุกคนหลีกหนีความวุ่นวาย ไปสัมผัสสายลม แสงแดด ความเงียบสงบและฝึกความแข็งแรงด้วยกันค่ะ ดอยภูแว หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ภูแว ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน สูงจากระดับน้ำทะเล 1839 เมตร ลักษณะเป็นเขาสูงชัน มีทุ่งหญ้าปกคลุม และมีลานหินอยู่หลายแห่ง คงจริงซินะที่เขาว่า “ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน” จริงๆผู้เขียนวางแผนไปขับมอเตอร์ไซต์ที่เชียงราย แต่เพราะโควิดเป็นเหตุทำทริปล่มไม่เป็นท่า ด้วยความผิดหวัง เสียใจ หรืออย่างไร จึงตัดสินใจส่งข้อความหาเพจเดินป่าที่รู้จัก “ว่ายังมีทริปไหนที่ว่าง พร้อมออกเดินทางทันทีบ้างหรือเปล่า” ในที่สุดผู้เขียนก็ได้ทริปภูแว 2 วัน 1 คืน (ไม่รวมคืนวันเดินทาง) มาค่ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและเรียบร้อยภายในคืนนั้น ตอนที่ตัดสินใจจองทริป ภูแวอยู่ที่ไหน เส้นทางเป็นยังไง ไม่มีข้อมูลในหัวเลยค่ะ และที่สำคัญร่างกายตัวเองพร้อมหรือเปล่าก็ไม่รู้เช่นกันค่ะ เพียงแค่หวังว่า การตัดสินใจชั่ววูบครั้งนี้จะจบแบบสวยงามเท่านั้นเอง เก็บกระเป๋า เมื่อทุกอย่างพร้อม หยิบเป้ขึ้นหลังแล้วออกเดินทางไปด้วยกันเลยค่ะ วันออกเดินทาง ทางเพจนัดรวมตัว 3 ทุ่ม ที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามสวนจตุจักร BTS หมอชิต ทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 10 คน (รวมสตาฟเพจ 1คน) ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเพื่อนๆ มีทั้งแบบ 3คน 2คน และ1คน เลข1 ในกลุ่มนั้นจะเป็นใครไปได้ ก็คือผู้เขียนนั้นเองค่ะ วันแรก : ประมาณ 7 โมงเช้า พวกเราก็เดินทางมาถึงตลาดปัว พระอาทิตย์ทอแสงเบาๆต้อนรับพวกเรา ทางเพจแวะเติมน้ำมันรถและให้พวกเราได้ซื้อข้าวของขึ้นไป กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องซินะ อาหารเช้าวันนี้เป็นโจ๊กแสนอร่อยในตลาด อาหารเที่ยงเป็นข้าวเหนียวหมู ไก่จ้อจากไก่ย่างห้าดาว พร้อมด้วย ขนม-นม-เนย และเครื่องดื่ม หลังจากมื้อเช้าพวกเราก็ออกเดินทางกันต่อไปยัง หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยภูคาที่ 9 (บ้านด่าน) เพื่อเตรียมตัว แบ่งของที่ไม่จำเป็นทิ้งไว้ที่รถตู้ ไม่ต้องนำสบู่ แชมพูขึ้นไปนะคะ เราจะอาบแห้งกันข้างบน เก็บของเตรียมตัวออกเดินทาง รถชาวบ้านที่นัดไว้ก็มาถึง ยานพาหนะที่จะพาเราไปยังหมู่บ้าน ในวันนี้ก็คือรถกระบะขนผักนั้นเอง ทริปนี้สนุกตั้งแต่เริ่มต้นทางรถเลยค่ะ ด้วยความที่ถนนชันมากช่วงแรกๆพวกเราก็ช่วยกันดึงเพื่อน ดึงกระเป๋าไว้ แต่หลังๆก็ปล่อยให้ไหลรวมกันไปเลย "ทริปเดินที่ไม่ปวดขา..แต่ปวดแขนซินะ" ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงหมู่บ้าน พวกเราเริ่มออกเดินทางกันพร้อมกับแสงแดดที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่พอพ้นจากหมู่บ้าน ทุกคนต่างร้อง ว๊าว ตาโต มองเห็นเขาแต่ละลูกเด่นชัด บ้างโล่งเตียน บ้างเต็มไปด้วยต้นข้าวโพดที่หมดฤดูกาล แสงแดดตอนเที่ยงตกกระทบต้นข้าวโพดสีน้ำตาลก็สวยงามไปอีกแบบ เดินลัดเลาะรอบเขา ไปทีละลูกเรื่อยๆ ป่าข้าวโพดสลับป่าไม้ร่มรื่น ช่วงป่าข้าวโพดพวกเราเฮฮากันมาก พี่เจ้าหน้าที่ให้หยุดพักเป็นระยะ แต่เมื่อพักทานกลางวันเสร็จพี่เจ้าหน้าที่ก็บอกพวกเราว่า เตรียมพบกับความสนุก ซึ่งสนุกจริงๆค่ะ ทางชันและลื่น ใครไม่เก็บใบไม้ใส่กระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกง ถือว่ามาไม่ถึง ทุกครั้งที่มีคนลงไปเก็บใบไม้ เสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นทันที ซึ่งไม่รู้ว่ามันช่วยให้หายเหนื่อยหรือเหนื่อยกว่าเดิมกันนะ พอแรงเริ่มหมด เริ่มมีเสียงไปยังพี่เจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ “พี่อีกไกลหรือเปล่าคะ? ยังมีชันอีกไหม? เราจะถึงกี่โมง? เราจะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่? และอื่นๆอีกมากมาย” พี่เจ้าหน้าที่บอกไม่เกิน 4 โมงเย็น อีกประมาณ 2 กม. สุดท้ายก็จะถึง แต่ทำไมนะ ทำไมกิโลเมตรเราไม่เท่ากัน ได้แต่ถามในใจเบาๆ ทุกคนต่างอยู่บนความหวังและคำปลอบโยนของเพื่อนที่ส่งเสียงให้กำลังใจกันตลอดเวลา ทำให้ตลอดเส้นทางที่เหลือจึงมีแต่เสียงหัวเราะและเสียงกร่นด่าเพื่อนในใจ มองเห็นยอดเขาอยู่ไกลๆ นี่คงเป็นความชันระยะสุดท้ายแล้ว พวกเราแทบจะวิ่งขึ้นไป เมื่อเห็นยอดเขาและท้องฟ้าสีสวยสดใสรออยู่ มันหายเหนื่อย มันคุ้มซินะ พวกเรามาถึงก่อนลูกหาบ เต็นท์และข้าวของบางส่วนยังมาไม่ถึง ระหว่างรอบางคนก็นอนพัก บางคนก็เอาอาหารเช้า อาหารเที่ยง ที่เหลือออกมาแบ่งกันกิน พร้อมแบ่งให้เจ้าโบโบ้ (เจ้าหมาน้อย 2 ตัว ที่ร่วมเดินทางมาเป็นเพื่อนพวกเรา) ในที่สุดลูกหาบก็มาถึง หลังจากกางเต็นท์เก็บของเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่พวกเราต้องเดินขึ้นยอดภูไปเก็บพระอาทิตย์ตก ฉันเคยเห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดหรือยังนะ ได้แต่ถามตัวเอง ฉันอาจจะเคยเห็นมันมาแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยเห็นที่ภูแว และยังไม่เคยเห็นพร้อมกับผู้คนเหล่านี้ ที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน ยอดภูแวสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา สวยมาก แต่เก็บเป็นภาพยังไง ก็ไม่สวยเท่าไปเห็นด้วยตาตัวเอง หลังจากดื่มด่ำกับแสงสุดท้ายของวัน แสงอาทิตย์ก็ถูกแทนที่ด้วยแสงไฟฉายจากพวกเรา เป็นสัญญาณเตือนว่าได้เวลา ต้องเดินลงจากยอดเขา อาหารเย็นวันนี้ เมนูที่ดูธรรมดาแต่รสชาติกลับไม่ธรรมดา เมนูที่คุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ มันช่างมีอร่อยและมีความสุขจริงๆนะ หลังทานมื้อเย็นเสร็จ ก็ได้เวลาดื่มด่ำ หนาวๆแบบนี้อะไรจะแก้หนาวได้ดีเท่ากองไฟ พวกเรานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเดินทางที่ผ่านมาของแต่ละคน เสียงพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงหัวเราะสลับกับเสียงประหลาดใจปะปนกันไป และค่ำคืนนั้นก็จบลงไปพร้อมกองไฟที่มอดดับลง วันที่สอง: เช้าวันใหม่พวกเรานัดกันตื่นตีห้าครึ่งไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่รอแล้วรออีกเจ้าพระอาทิตย์ขี้อายก็ไม่ยอมออกมา เมฆหมอกต่างลอยเคลื่อนผ่านกระทบหน้าไปหลายรอบก็ไม่ยอมออกมา ในที่สุดพวกเราก็เจอพระอาทิตย์ ที่ลอยขึ้นสูงมาเรียบร้อย “ไม่เป็นไรนะ แค่ได้เจอกันอีก ไม่ว่าในรูปแบบไหน เวลาไหน เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว” ชื่นชมแสงอาทิตย์ยามเช้าเรียบร้อย ก็ได้เวลากลับลงมา เก็บของ เก็บขยะ ทานอาหารเช้า ขาลงไม่ต้องพูดถึง ขาขึ้นชันยังไง ขาลงก็ดิ่งเช่นนั้น พวกเราเก็บใบไม้กันสนุกสนาน ทางที่ขรุขระ เรียบสะอาดขึ้นมาทันตา ทุกคนต่างมอมแมม ไม่สามารถเก็บภาพ เก็บวิดีโอได้ทัน แต่เก็บไว้ในความทรงจำได้ดี ลงมาถึงหน่วยฯ ก็ได้เวลาอาบน้ำล้างหน้า ตัวหอม พร้อมเดินทางกลับกทม. ในที่สุดงานเลี้ยงก็ต้องเลิกรา เป็นทริปที่เดินไม่โหด ทางไม่ไกล แต่ก็เป็นอีกทริปที่ประทับใจ จากที่ไปคนเดียว ก็ได้กลายเป็นพี่คนโตของเด็กๆ ขอบคุณน้องหมอสองหนุ่มสำหรับกาแฟดริปหอมๆ คลายหนาวยามเช้าไปได้ ขอบคุณสาวๆทั้งสามคนที่คอยส่งเสียงเรียก คอยถาม คอยพูดคุย คอยถ่ายรูปให้ตลอดเวลา ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางทุกคนนะคะ หวังว่าเราจะได้เจอกันและร่วมเดินทางด้วยกันอีกในวันหนึ่ง คนเดียวเที่ยวไม่ยาก มากสุดก็ตอนตัดสินใจครั้งแรก (ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เขียนออกเดินทางคนเดียวนะคะ) บอกได้แต่เพียงว่า ถ้าได้ลองท่องเที่ยวคนเดียวแล้ว อาจจะมีลืมชวนคนรอบข้างแน่นอนค่ะ #หากไม่ชอบการหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมก็จงอย่ากลัวที่จะก้าวเดินออกไป ค่าใช้จ่าย ทริปภูแว 2 วัน 1 คืน จ่ายแบบเหมา (2000-3000 บาท) ** ค่ารถตู้ /คนขับ/น้ำมัน/ทางด่วน ** อาหาร 2 มื้อ เย็น-เช้า ** น้ำดื่มติดตัว (แบกเอง) ** ค่าลูกหาบ (ของส่วนกลาง) ** คนนำทาง ** รถกระบะ (ส่งไปจุดเริ่มเดิน) ** ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง สิ่งที่ต้องเตรียม + จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ + น้ำดื่ม เพิ่มเติมในกรณีดื่มน้ำเยอะ (ข้างบนไม่มีน้ำ แบกล้วนๆ) + เสื้อกันหนาว/ถุงมือ/ถุงเท้า (อากาศช่วงกลางคืน-เช้า จะหนาวเย็น) + ชุดลำลอง + รองเท้าแตะ + ยาสามัญประจำตัว + ของใช้ส่วนตัว (เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ทิชชูแห้ง ทิชชูเปียก และอื่นๆ) ข้างบนไม่มีน้ำ อาบแห้งค่ะ + ไฟฉาย + ถุงนอน + เต็นท์ ถ้าไม่มียืมได้ค่ะ (จะแบกเอง หรือฝากจ้างลูกหาบได้ค่ะ) ที่อยู่ : ดอยภูแว อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน Credit: ภาพถ่ายทุกภาพเป็นภาพของผู้เขียนทั้งหมด อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !