เมื่อปัญหาทุกอย่างประดังเข้ามา หัวใจของฉันก็บอกว่าถึงเวลาถอยไปตั้งหลักพักดูเชิง ครั้นจะไปไกลก็เปลื่องค่าใช่จ่าย โชคดีที่มีเพื่อนอยู่กาญจนบุรี แม้จะไม่ได้เจอสิบกว่าปี แต่ยังติดต่อพูดคุยอยู่ในโซเชียล พอบอกมัน ก็ตอบมาว่า “มาเลยๆยินดีเสมอ” ไม่รอช้า แพ็คกระเป๋าเดินทาง (เดี๋ยวมันเปลี่ยนใจ55) กดgps ตั้งพิกัด วิ่งตัดเข้า นครปฐม เส้นมาลัยแมน-กำแพงแสน ผ่านเส้นทางหมายเลข 346 แม้ว่าเจ้าgpsตัวดีจะพาหลงไปบ้าง ถือซะว่าเป็นโบนัสแถม (หึหึ) เพียงแค่ 2ชั่วโมงกว่าก็ถึงที่หมาย อากาศยามบ่ายไม่ร้อนมาก ได้เจอหน้าเพื่อนเก่า ทุกอย่างเหมือนย้อนไปเมื่อเกือบ20ปีก่อน ขอบคุณที่เวลาไม่ได้ใจร้ายกับทุกอย่าง หลังจากสวมกอดและถามไถ่จนหายคิดถึง เพื่อนเราก็พาไปดูชีวิตแบบบ้านๆ เรียลๆ ไม่ได้ปรุงแต่ง ชวนเก็บผักเตรียมมื้อเย็น วันนี้มี ผักต้มน้ำพริกซึ่งเรารีเควสเอง เพราะเบื่อผัดกะเพราเต็มที บรรยากาศยามบ่ายคล้อย กับท้องนาเขียวๆ กับข้าวมื้อเย็นวันนี้ไฟเบอร์เพียบ พักบ้านกลางทุ่งนาธรรมชาติสุดๆ การตื่นเช้าสดใส ไม่มีเสียงจอแจกวนใจ เก็บไข่ ตื่นเช้าวันนี้เพื่อนบอกจะพาไปไหว้พระนเรศวร เรานั่งสามล้อพ่วงข้างผ่านทุ่งนากว้างๆ ใกล้ฤดูเกี่ยว ข้าวชูรวงอร่าม มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆให้เข้าชม จัดแสดง กระดูกช้าง อาวุธโบราณ ที่มีร่องรอยชวนให้คิดว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง เรายืนแหงนมองพระบรมราชานุสาวรีย์ที่สูงตระหง่าน หลับตา และสูดหายใจยาวๆ รู้สึกว่าเรื่องที่เจอทุกๆวันมันเล็กลง เมื่อจินตนาการถึงสนามรบและสิ่งที่พระองค์แบกรับ เรานิ่งไปสักพัก ไม่ได้ขอพรอะไร เพราะสิ่งที่ได้คือความรู้สึกโล่งและจิตว่างมากกว่า ก่อนกลับได้พบเห็นผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจเป็นสีสันแต้มให้ที่นี่ยิ่งมีชีวิตชีวา เพื่อนฝากบอกแถมด้วยว่าที่นี่มีบริการพักแบบโฮมสเตย์ (ซึ่่งเพื่อนก็ร่วมอยู่) แค่ติดต่อมาทาง อบต.ดอนเจดีย์ ก็จะได้สัมผัสความสุขแบบเรียบง่าย เรียนรู้วิถีชุมชน แถมของฝากติดมือ เราจึงสัญญาว่าครั้งหน้าจะพาเพื่อนๆมารับความรู้สึกดีๆแบบนี้กลับไปบ้างแน่นอน