ทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวจังหวัดในภาคกลาง นั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น! คือจังหวัดสมุทรสงครามนั่นเองค่ะ ถามว่าจังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยว ก็ขอบอกเลยค่ะว่ามีเยอะกว่าที่คิดแน่นอน หรือแม้แต่บางที่ที่เรารู้จักชื่อเสียงเรียงนามเป็นอย่างดี แต่อาจไม่รู้ก็ได้ว่าอยู่ที่สมุทรสงคราม พูดขนาดนี้อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะคะว่าเป็นที่ไหนบ้าง ถ้าอย่างนั้นรีบตามมาเลยค่ะ!เนื่องด้วยสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่ติดกับทะเลอ่าวไทย ทำให้ที่นี่มีทั้งดอน ป่าชายเลน และทรัพยากรทางทะเลที่สมบูรณ์มาก เพราะฉะนั้นสถานที่แรกที่เราไปคือดอนหอยหลอดค่ะ แต่ติดตรงที่เรามาผิดช่วงไปหน่อย จึงพลาดกิจกรรมหยอดปูนจับหอยหลอดซึ่งเป็นกิจกรรมเด่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้น่าเที่ยวน้อยลงเลยละค่ะ เพราะบรรยากาศที่มีลมพัดตลอดเวลา ทำให้บริเวณริมดอนมีนักท่องเที่ยวพากันมาปูเสื่อรับลม อีกทั้งยังมีของขายเยอะสุด ๆ โดยเฉพาะอาหารทะเลและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากอาหารทะเล ซึ่งรับรองความสดและราคาได้เลย เพราะชาวบ้านเขาจับกันเอง ขายกันเองไม่ผ่านคนกลาง ทำให้เราได้อาหารทะเลสด ๆ ในราคาน่ารัก ๆ มาเยอะเลยละค่ะ หลังจากได้ของทะเลติดไม้ติดมือมาแล้ว ผู้เขียนนั่งรถต่อไปอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของสมุทรสงคราม ซึ่งคือตลาดน้ำอัมพวานั่นเองค่ะ อย่างที่เรารู้กันดีว่าตลาดน้ำอัมพวานั้นถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และเป็นที่รู้จักกันในระดับโลก ทำให้ไม่ว่าจะมาช่วงไหนก็มีคนเดินเยอะตลอดเลยละค่ะความพิเศษของตลาดน้ำอัมพวาไม่ใช่แค่เพียงวิถีชีวิตริมน้ำ และสินค้าชุมชนที่วางขายมากมายหลายอย่างนะคะ แต่ที่นี่เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของไทยที่เปิดให้เดินซื้อของได้ในเวลากลางคืน! ได้ยินมาว่าบรรยากาศจะคนละแบบกับตอนกลางวันเลยค่ะ น่าเสียดายที่ทริปนี้ผู้เขียนมีแพลนไปเที่ยวชุมชนต่อ จึงทำให้เดินตลาดได้แค่ในเวลากลางวัน แต่คิดเอาไว้แล้วว่าถ้ามีโอกาสจะมาเที่ยวตอนกลางคืนอีกแน่นอนที่นี่ถือว่ายังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบคนไทยริมน้ำไว้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือขายของในคลองอัมพวา และยังมีสินค้าขายเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินอย่างอาหารทะเลเผา อาหารตามสั่ง ขนมไทย และทีเด็ดที่พลาดไม่ได้เลยคือก๋วยเตี๋ยวเรือ บอกเลยว่าเป็นสวรรค์ของสายกินจริง ๆ และไม่ใช่แค่ของกินที่ถูกปาก แต่ของฝากของที่นี่ก็ถูกใจเหมือนกัน โดยเฉพาะเครื่องจักสานก้านมะพร้าว ซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของอัมพวาเลยค่ะ ช้อปปิงจนได้ของกินของฝากกลับมาพอสมควรแล้ว เราแวะไปทำกิจกรรมชุมชนกันต่อที่ชุมชนบ้านริมคลองค่ะ ชุมชนนี้อยู่ห่างจากตลาดน้ำอัมพวาไม่มาก เดินทางด้วยรถยนต์แค่ 8 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญคือเป็นชุมชนที่ได้รับรางวัลหมู่บ้านท่องเที่ยวสำหรับจัดกิจกรรม Outing ยอดเยี่ยม ของโครงการ Thailand Rural Tourism Award 2022 เชียวนะ! ชาวบ้านในชุมชนมีอาชีพเป็นชาวสวน ส่วนใหญ่จะปลูกมะพร้าวกันค่ะ แล้วนำผลผลิตและส่วนประกอบจากมะพร้าวมาแปรรูปเป็นสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักสานสวย ๆ จากทางมะพร้าว หรือขนมไทย โดยเฉพาะน้ำเชื่อมและน้ำตาลมะพร้าวหอม ๆ ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อของชุมชนเลยค่ะเนื่องจากทริปนี้ของผู้เขียนเป็นทริปสั้น ๆ และมาถึงก็บ่ายแก่เข้าไปแล้ว พี่ป้าน้าอาในชุมชน จึงสาธิตการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวให้เราดู ซึ่งเป็นสิ่งที่สงสัยในใจมาตลอดเลยค่ะว่าเขาเอาส่วนไหนของมะพร้าวมาทำน้ำตาลกันนะ วันนี้เลยได้คำตอบว่าส่วนที่ชาวบ้านเขาเอามาทำน้ำตาลคือ “จั่นมะพร้าว” นั่นเองค่ะหากพูดว่าจั่นมะพร้าว หลาย ๆ ท่านคงยังสงสัยอยู่ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าพูดว่าช่อดอกของต้นมะพร้าวที่ยังไม่บานคงจะเข้าใจขึ้นใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งจั่นมะพร้าวนี้เมื่อใช้มีดปาดจะมีน้ำหวานหยดออกมา และเป็นส่วนที่ชาวบ้านนำไปเคี่ยวเป็นน้ำตาล โดยจะใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 30 นาทีจนน้ำตาลเหนียวได้ที่จึงยกลงและนำมาใส่พิมพ์เพื่อให้น้ำตาลแห้งเป็นก้อน และนำไปใส่บรรจุภัณฑ์จำหน่ายได้ค่ะ จริง ๆ แล้วภายในชุมชนยังมีกิจกรรมอีกเยอะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือชมวิถีริมคลองอัมพวาและแม่น้ำแม่กลอง ปลูกป่าชายเลน เล่นสกีเลน และงมหอยแครง แต่อย่างที่บอกว่ามาถึงก็บ่ายมากแล้ว จึงได้ชมสาธิตวิธีการทำน้ำตาลมะพร้าวเท่านั้น แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้วคืนนี้ผู้เขียนมีแพลนค้างคืนก่อนกลับกรุงเทพฯ ค่ะ โดยพักที่โฮมสเตย์ของชุมชน ซึ่งมีถึง 9 หลังเลยทีเดียว และไม่ต้องห่วงว่าจะไม่สะดวกสบายนะคะ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกเขามีครบเลย แถมยังได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องคลอเบา ๆ ได้กลิ่นอายบ้านสวนสุด ๆ หลับฝันดีเลยละค่ะตื่นเช้ามาเราบอกลาพี่ป้าน้าอาที่ชุมชนและขับรถตรงกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อทำงานกันต่อค่ะ แต่ถึงจะออกมาแล้ว ความประทับใจก็ยังคงติดอยู่ในใจ ถึงตอนที่มาเขียนเล่าให้ฟังก็ยังรู้สึกคิดถึงอยู่เลย คิดถึงรสชาติอาหารอร่อย ๆ คิดถึงบรรยากาศบ้านสวน และคิดถึงผู้คนที่เป็นมิตร ทั้งในชุมชนและพ่อค้าแม่ขายในตลาด และแม้ว่าทริปนี้จะเป็นทริปสั้น ๆ แต่ความทรงจำดี ๆ ที่ได้มาเที่ยวที่นี่จะอยู่กับผู้เขียนไปอีกนานเลยค่ะสำหรับท่านใดที่มีแพลนจะมาท่องเที่ยวแบบค้างคืนที่สมุทรสงครามแล้วยังไม่รู้จะพักที่ไหน ผู้เขียนขอแนะนำ ณ ทรี ธารา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท เลยค่ะ เพราะเขามีสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าทรู รับส่วนลดสำหรับห้องพัก Superior Room ราคาพิเศษเพียง 1,900 บาท จากปกติ 3,500 บาท คลิกเลย! ขอขอบคุณภาพประกอบชุดที่1จาก shutterstock โดย peerawat wattanasukyothin ภาพ 1.1 / ภาพ 1.2 / ภาพ 1.3 สำหรับภาพอื่นๆ นักเขียนเป็นผู้ถ่ายเอง อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !