หากความรักมันทำร้ายคุณ ลองให้ธรรมชาติเยียวยาคุณดูสิ ผมคือคนหนึ่งที่เคยโดนคนรัก และความรักทำร้ายจนแทบลุกเดินไม่ไหว แต่เมื่อลองย้อนกลับไปความรักครั้งนั้นมันเกิดขึ้นจากความไม่ถูกต้องมักมีจุดจบที่ไม่สวยงามเสมอ แน่นอนครับว่ามันเริ่มจากผมทิ้งคนคนหนึ่งเพื่อมาคบกับอีกคนหนึ่ง และสุดท้ายตอนจบมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ คือ เขาทิ้งผมไปเพื่อคบกับอีกคนเหมือนที่ผมเคยทำ แน่นอนครับว่าในวันที่เขาทิ้งเราไปนั้นเรายังคงรักเขาคนนั้นอยู่เต็ม 100% แล้วมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะเหรอ ก็เจ็บสิครับ ยื้อก็แล้ว ขอโอกาสให้เราได้แก้ไขในสิ่งที่พลาดไปจนทำให้เขามีอีกคนมาแทนก็แล้ว สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจหันหลังและเดินจากเราไปอย่างไม่หวนคืน จากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นมันทำให้ผมไม่อยากอยู่กับเรื่องราวเหล่านี้ อยากหนีไปไกลๆ ไปในทีที่ไร้ซึ่งการติดต่อจากทุกคน ด้วยความบังเอิญพี่สาวที่ผมสนิท (รุ่นพี่ที่เดียวมหาลัยเดียวกัน) ก็เพิ่งโดนแฟนทิ้งเช่นกัน พี่กับน้องอกหักพร้อมกันหันมองหน้ากัน พูดคุยกัน "เจ๊เราเหนื่อยว่ะ แม่งอยากหนีไปที่ที่ไม่ต้องติดต่อกับใครเลยว่ะ อยากอยู่เงียบๆ อยากลืมเรื่องราวให้หมด" ความรู้สึกสองคนตรงกันตัดสินใจหนีกันไปอยู่ในทีที่สงบชายแดนไทย-เมียนมา หมู่บ้านปิล๊อก จังหวัดกาญจนบุรี ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับผมและพี่สาวผมนั้นทำให้เราสองคนและรุ่นพี่อีกคนที่บังเอิญอกหักและอยากหาที่ที่สงบอยู่เช่นกัน หนีความวุ่นวายเก็บกระเป๋าออกเดินทางจากภูเก็ตเกาะสวรรค์มุ่งหน้าสู่กาญจนบุรี พูดง่ายๆว่าหนีเกาะไปเข้าป่าเลย เหตุผลที่ทำให้เราทั้งสามคนเลือกปิล๊อกเป็นจุดหมายปลายทางของทริปอกหักก็คือ ความเงียบสงบ การใช้ชีวิตที่สโลวไลฟ์ การตัดขาดจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือ การไม่ต้องติดต่อพูดคุยกับใคร การได้ใช้ชีวิตอยู่กับตัว อยู่กับธรรมชาติ ภารกิจแรกที่คนเมืองแห่งความวุ่นวายอย่างเราเลือกทำเป็นอย่างแรกเมื่อถึงปิล๊อกคือ การขึ้นไปชมดาวบนเดินเขาช้างศึก บรรยากาศที่เงียบสงบไร้ซึ่งแสงไฟมารบกวนการดูดาวที่ทอแสงสกาวอยู่เต็มฟาฟ้า สายลมที่พัดเย็นสบายในเวลา 02.00 น. นั้นทำให้ผมได้คิดและทบทวนกับเรื่องราวต่างๆที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักที่ไม่สมหวัง การเรียนที่ต้องเริ่มต้มใหม่ในวัย 22 ปี การทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวและแบ่งเบาภาระของที่บ้าน ธรรมชาติสอนให้ผมอดทน ธรรมชาติสอนให้ผมรู้ว่าที่ผ่านเข้ามานั้นคือบททดสอบของชีวิต ผมยิ้มพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาจากความรู้สึกลึกๆที่อยู่ข้างใน ผมบอกกับตัวเองตลอดเวลาที่อยู่ที่ปิล๊อกว่า ต้องลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่าไปยึดติดในสิ่งที่ไม่เป็นนิรันดร์ อดทนและสู้ต่อไปกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อตะวันทอแสงในยามเช้า ณ เหมืองปิล๊อก สายหมองอ่อนๆ สายลมที่พัดอ่อนๆ นั้นทำให้ผมรู้สึกสดชื่น มีพลังที่พร้อมจะกลับไปมุ่งมั่นในการทำงานและตั้งใจเรียนให้จบตามที่หวังเอาไว้ แต่ก่อนที่จะกลับจากลาจากสถานที่ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเองนั้น ผมและพี่ๆก็ไม่ลืมที่จะทำสิ่งนี้ การเขียนชื่อและความในใจลงบนป้ายไม้ขนาดเล็ก เป็นกิจกรรมที่ใครมาเหมืองปิล๊อกแล้วต้องทำกันทุกคน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เขียนและแขวนเอาไว้ที่นั่น ปิล๊อก นอกจากเป็นหมู่บ้านที่สงบแล้วนั้น ธรรมชาติและทัศนียภาพยังคงดุดมสมบูรณ์มากเช่นกัน ชาวบ้านให้ความอบอุ่นเป็นกันเองกับเหล่าชาวนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนสถานที่อันแสนสงบแห่งนี้ด้วยความรัก หากใครที่กำลังเหนื่อยล้า ผิดหวังจากความรัก หรือกำลังมองหาสถานที่ที่สงบๆ ธรรมชาติสวยๆ ลองไปสัมผัสกับเหมืองเกาปิล๊อก แห่งจังหวัดกาญจนบุรีดูสิครับคุณจะรู้ว่า ธรรมชาติรักคุณและพร้อมที่จะดูแลคุณขนาดไหน แล้วอย่าลืมไปเที่ยวกันนะครับ เหมืองปิล๊อก หมู่บ้านอีต่องแห่งจังหวัดกาญจนบุรี ภาพโดย : Yod Persistent , 18 หลอด