ภาพประกอบโดยผู้เขียน 'กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง...' ซึ้งใจกับความหมายเนื้อเพลงท่อนนี้ก็ตอนมาขึ้นภูกระดึงนี่ละ 😁😅 แต่ซึ้งใจกว่ากับการมีเพื่อนดี ๆ ร่วมทริปเดินมาราธอนด้วยกัน ทั้งขึ้นเขา ทั้งเดินทางไกล ถึงแม้จะเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่เวลาเราไปเที่ยวด้วยกันมันสนุกมาก 😊 ยังร่าเริงอยู่ ยังไม่รู้ชะตากรรม 555 (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) เคยได้ยินที่เขาว่ากันว่า 'ให้มาพิสูจน์รักแท้ที่ภูกระดึง' สำหรับเราแล้วไอ้รักแท้ที่ว่านี่มันคงไม่ต้องหมายถึงคู่รักเสมอไปหรอกมั้ง พิสูจน์รักกับเพื่อนกับครอบครัวก็ได้ เรามีโอกาสได้มาขึ้นภูกระดึงกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่ใช่เพื่อนสมัยเรียน หรือเพื่อนที่ทำงานออฟฟิศเดียวกัน แต่เป็นเพื่อนที่เคยไปเที่ยวด้วยกันแค่ครั้งเดียว แต่เราคุยกันรู้เรื่อง เที่ยวด้วยกันได้เหมือนรู้จักกันมานานมาก และการมาขึ้นภูครั้งนี้พวกเราก็มาสร้างสถิติด้วยกัน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีใครเคยทำมาก่อนหรือเปล่า นั่นคือ 'เริ่มเดินขึ้นภูตอน 8 โมงเช้า และขึ้นไปถึงที่พักบนยอดภูตอน 6 โมงเย็น' 555 เดินกันเป็นวัน ๆ ใช้เวลาพิชิตภูกระดึงนานถึง 10 ชั่วโมง 😁😁 ขอพักหน่อย >< (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) จริง ๆ คือเน้นพักมากกว่า เดินเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก เป็นสายลุยที่เน้นชิลค่ะ 😉 แต่การเดินเรื่อย ๆ มันก็มีข้อดีนะ ทำให้เราได้เห็นอะไรมากมายระหว่างทางเดินขึ้นเขา เห็นความสวยงามของธรรมชาติและท้องฟ้าที่สดใส เห็นผู้คนมากมายที่เดินอยู่ข้างหน้าเราและคนที่เดินมาทีหลังแต่นำเราไป 555 เห็นมิตรภาพของเพื่อน เห็นความรักของครอบครัวและคู่รัก เห็นความตั้งใจของการเป็นผู้พิชิตภูกระดึงแม้ปากจะบ่นรำพึงรำพันก็ตาม เอ๊ะ ! หรือในใจก็คิดอย่างที่ปากบ่น เพียงแต่มันลงตอนนี้ไม่ทันละ เหมือนเนื้อเพลงที่ว่า 'กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง...' ภาพประกอบโดยผู้เขียน นอกจากนี้เรายังได้พบเจอเพื่อนใหม่ตลอดทาง ยิ่งเราใช้เวลาเดินขึ้นภูนานเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้พบเจอเพื่อนใหม่ ๆ มากขึ้นเท่านั้น นอกจากเราจะเฮฮากับเพื่อนที่มาด้วยกันแล้ว ก็ยังได้เฮฮากับเพื่อนใหม่ระหว่างทางที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันด้วย เราแซวกันระหว่างทางว่า 'เรามาทำอะไรกันที่นี่...อยู่บ้านสบาย ๆ ไม่ชอบ ชอบมาลำบาก' 😅 แซวกันขำ ๆ อะไรแบบนี้เป็นต้น เราว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ทำให้เราสนุกมากกับการเดินขึ้นภูกระดึง ถึงแม้จะเดินมานานมาก ไกลมาก และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อีกนานแค่ไหนจะถึงสักที ความหวังอย่างเดียวของเราและเพื่อนคือบันไดเหล็ก เพราะผู้พิชิตก่อนหน้าเราที่กำลังเดินลงเขาสวนทางกับเรา หลาย ๆ คนจะบอกเราว่า 'เหนื่อยแค่ซำแฮกละ แล้วไปเหนื่อยอีกทีตรงระหว่างซำแคร่ถึงหลังแป พอเจอบันไดเหล็กก็ถึงหลังแป ทีนี้ก็สบายแล้ว' เราจึงมุ่งมั่นไปยังจุดมุ่งหมายคือ บันไดเหล็ก ลุย!! จริง ๆ เจอบันไดหลายบันไดมากเลยละ กว่าจะถึงบันไดเหล็กของจริง 555 หลังจากฝ่าด่านบันไดหินมามากมาย อ๊ะ ๆ อย่าคิดภาพบันไดเป็นขั้น ๆ ให้เดินขึ้นเผาพลาญเเคลสวย ๆ ไม่ใช่นะคะ มันคือหินก้อนใหญ่ ๆ เรียงรายบนทางชันนี่ละ ถ้าถามว่าเหนื่อยมากไหม ? ไอ้เรื่องเหนื่อยอ่ะ มันเหนื่อยอยู่แล้วละ สำหรับมนุษย์ผู้ห่างไกลการออกกำลังกายอย่างเรา แต่ถ้าถามว่าทนได้ไหม ? มันก็ได้ละ เลยได้ขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับป้าย 'ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง' (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) ถ่ายหลาย ๆ รูปหน่อย เดินมาไกล เอาให้คุ้ม (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) อย่าเพิ่งคิดว่าความเหน็ดเหนื่อยของการพิชิตยอดภูกระดึงคือที่สุดของที่สุดแล้วนะ มันไม่ใช่เลยจ้า ใครกันนะที่จะมาแค่พิชิตยอดภู นอนค้าง และก็เดินลง อาจจะมีแต่เราไม่รู้ก็ได้เนอะ แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่เรากับเพื่อน ๆ แน่นอนกับการมาภูกระดึงครั้งแรก เราคงพลาดไม่ได้กับการเดินสำรวจพื้นที่บนยอดภู ภาพประกอบโดยผู้เขียน ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินมาว่าบนยอดของภูกระดึงนั้นเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่ถูกค้นพบโดยพรานป่าอะไรทำนองนี้ เราก็ไม่รู้หรอกว่าคำว่า 'โล่งกว้าง' นี่มันกว้างแค่ไหน จนถึงวันที่ได้มาสัมผัสเอง ซึ้งใจเลย มันกว้างมากจริง ๆ ค่ะ กว้างแบบเดินขาลากอ่ะ คือเรามาครั้งแรกก็อยากจะไปเก็บภาพต่าง ๆ ไปชมจุดชมวิวที่เป็นแลนด์มาร์กเด่น ๆ ของภูกระดึง ซึ่งเรามีเวลาเดินแค่วันเดียว มันคือแบบเดินทั้งวันตั้งแต่สายยันค่ำ เดินไปกลับนี่รวม ๆ แล้ว 20 กิโลเมตร สำหรับบางคนที่แข็งแรงพออาจจะดูว่าไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับผู้หญิงที่ห่วงสวย แต่ไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างเรานั้น พูดได้เลยว่า 'ร่างพังทีเดียวค่ะ' แต่ก็คุ้มค่ากับการสัมผัสธรรมชาตาและสิ่งสวยงามที่ได้รับ และ 1 วันของการเดิน 20 กว่ากิโลเมตรเราก็ได้เก็บความประทับใจตั้งแต่เช้าจรดเย็นมาเป็นภาพเล่านี้ค่ะ ชมดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ณ (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) ภาพหมู่ยามเช้าที่ผานกแอ่น (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) ภารกิจตามหาเมเปิ้ลแดง ณ น้ำตกถ้ำใหญ่ (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) อันนี้คิดว่าทำแคมเปญเดอะเฟสกันอยู่รึป่าว ^-^ (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) จะเดินไปผาหล่มสัก ระยะทางยังอีกยาวไกล ขอพักโพสต์ท่าก่อน ^^ (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) เขียนที่ผาหล่มสัก ตอนรอชมอาทิตย์ลับขอบฟ้า (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) แสงสุดท้ายของวัน ณ ผาหล่มสัก (ไม่มีภาพดาวตอนกลางคืนให้ดูนะ กล้องไม่โปรพอ^ ^) (ภาพประกอบโดยผู้เขียน) นอกจากความมืดที่ทำให้เราเห็นดาวบนฟ้าสว่างชัดเจน และสวยงามมาก บทสนทนาระหว่างเราและเพื่อนใหม่ระหว่างทางขณะเดินกลับที่พักหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางไกลสำรวจพื้นที่โล่งกว้างบนยอดภูกระดึงมาทั้งวัน ก็ทำให้เราชอบมากเหมือนกัน เพราะเราคุยกันว่าเพื่อนเราที่แนะนำให้พวกเรามาเที่ยวภูกระดึง หรือแม้แต่ในรีวิวต่างพากันแนะนำเราว่า ควรไปชมวิวที่ผานั้น ผานี้ จุดชมดวงอาทิตย์ตกที่สวยงามที่ควรไป แล้วทำไมไม่บอกด้วยละคะว่าทางมันไกลและเหนื่อยมาก แถมตอนเดินกลับยังมืดมากอีกด้วยค่า หนึ่งในเพื่อนใหม่พูดขึ้นมาว่า 'เราจะกลับไปตั้งกระทู้แฉภูกระดึง...' นางบอกว่าจะไปเล่าให้หมดเลยว่าเหนื่อย ว่าลำบากยังไง จะไม่ใช่เเค่การรีวิวภูกระดึงในมุมที่สวยงาม 555 ตลกดีเนอะ คิดได้ไง 'แฉภูกระดึง' ตอนนั้นเราก็คิดนะว่าจะมาเขียนเล่าถึงภูกระดึงในอีกมุมดูบ้าง เพราะตอนนั้นมันเป็นฟิลลิ่งแบบ 'เหนื่อยโว๊ย' อยากเขียนระบายออกมาเป็นตัวอักษร แต่พอปล่อยเวลาผ่านมานาน ความเหนื่อยที่มีก็จางหายไป เหลือเรื่องมาเล่าถึงภูกระดึงในแบบนี้ และอยากบอกว่า 'คิดถึงนะ ภูกระดึง ยังอยากกลับไปหาอีก...' ปล. นี่คือการเล่าเรื่องภูกระดึงในมุมมองและประสบการณ์ครั้งแรกที่เจอ ไม่ได้มีรายละเอียดรีวิวแนะนำการเดินทาง หรือการเตรียมตัว รวมถึงจุดท่องเที่ยวอะไรมากมาย เพราะเพื่อน ๆ สามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้ไม่ยาก เราเลยอยากแค่เขียนเราความรู้สึกโม้เม้นหนึ่งของผู้หญิงคนหนึ่งที่พึ่งเคยไปภูกระดึงครั้งแรก