10 ภูเขาไฟ ที่สวยที่สุดในโลก ความงามที่ซ่อนอยู่ในอันตราย

เคยมีคนพูดไว้ว่า ที่ไหนยิ่งดูอันตรายเท่าไหร่ยิ่งถ่ายภาพออกมาได้สวย เห็นจะจริงถ้าเกิดได้ลองไปเที่ยว 10 ภูเขาไฟที่สวยที่สุดในโลก และยังคงคุกรุ่นส่งเปลวเพลิงจากใต้ผืนโลกอยู่ หลายที่นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้รักการผจญภัยด้วย เราไปดูกันเลยดีกว่า ว่าภูเขาไฟทั้งสิบแห่งนี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง
- Unseen สระว่ายน้ำลาวา Porto Moniz ท่ามกลางหินภูเขาไฟ โปตุเกส
- ปอมเปอี นครแห่งความตาย เปิดกรุ สุสานใต้ลาวา
1. Kilauea (Hawaii)
ลืมภาพของฟ้าสวยน้ำใสตามแบบฉบับของฮาวายที่เรารู้จักไปได้เลย เพราะความจริงแล้วที่นี่นับเป็นหนึ่งในจุดศูนย์รวมภูเขาไฟที่เยอะที่สุดของโลกก็ว่าได้ และที่ที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือ “Kilauea Volcano” ด้วยความสูงกว่า 1,280 เมตร มีการระเบิดลาวาอยู่เรื่อยมาตั้งแต่ปี 1983 นักปีนเขาส่วนใหญ่จะรอเวลาให้ถึงช่วงกลางคืนเพื่อจะเก็บภาพในยามท้องฟ้าพร่างพราว ตัดกับสีแสดสุดสะพรึงของลาวาร้อนระอุในปากปล่องภูเขาไฟ
2. Kawah Ijen, East Java, Indonesia
ภูเขาไฟ Kawah Ijen มีความแปลกกว่าที่อื่นเพราะว่ามี “ลาวาสีคราม” อันเป็นผลจากกรดกำมะถันที่เมื่อหลอมละลายจากความร้อนจะปล่อยเพลิงสีฟ้าออกมา และปรากฏการณ์นี้จะสามารถเห็นได้เด่นชัดในคืนเดือนมืด แถมบนปล่องยังมีทะเลสาปอยู่อีกด้วย แต่นักท่องเที่ยวก็ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะน้ำในนั้นมีความร้อนสูงมากในระดับละลายผิวหนังได้เลย
3. Villarrica, Chile
แม้จะเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ยังแฮปปี้กับทัศนียภาพเบื้องล่างของภูเขาไฟ Villarrica ด้วยความสวยงามของหมู่บ้าน Villarrica ที่รายล้อมด้วยทะเลสาบแสนสวยงาม
4. Fuji, Japan
หนึ่งในภูเขาไฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และอยู่คู่วัฒนธรรมญี่ปุ่นมากว่า 2,000 ปี ทุกๆ ปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 200,000 คนเดินทางมาเยือนที่นี่ ด้วยความสูงกว่า 12,300 ฟุต ดูช่างเป็นหนทางที่ยาวไกล โชคยังดีที่ระหว่างทางขึ้นเขามีจุดให้แวะพักถึง 10 สถานี ให้คุณได้ดื่มด่ำบรรยากาศพร้อมจิบสาเกไปด้วย โดยมากมักนิยมขึ้นเขากันในตอนค่ำเพื่อที่จะไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขา อันเป็นความประทับใจในแบบขั้นสุด
5. Virunga, East Africa
มวลทะเลหมอกหนาแน่นนี้พบเห็นได้บนภูเขา Virunga ซึ่งกินอาณาเขตตั้งแต่ประเทศรวันดา อูกันดา ไปจนถึงคองโก เกิดจากกระแสลมที่พัดขึ้นสู่ยอดเขาไปกระทบกับความเย็นที่อยู่ด้านบน บริเวณป่ารอบๆ เขายังสามารถพบกอริลล่า และสัตว์อื่นๆ หลายสายพันธุ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเดินป่าดูสัตว์อย่างยิ่ง
6. Licancabur, Bolivia
ภูเขาไฟที่สงบ และไม่มีการระเบิดมากว่า 10,000 ปีแล้ว จุดเด่นของภูเขาไฟ Licancabur นั้นอยู่ที่ทะเลสาปน้ำเค็ม turquoise ที่อยู่เบื้องล่าง มีความใสสะอาดราวกับคริสตัลจนวิวภูเขาสะท้อนน้ำแบบเห็นได้ชัด และวิธีที่จะขึ้นมาบนนี้อย่างสะดวกที่สุดคือการโดยสารรถจี๊ป
7. Mount Etna, Italy
ภูเขาไฟที่เพิ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2013 ภูเขาไฟ Etna นับเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีการปะทุบ่อยครั้ง และมีความสูงที่สุดของยุโรปอีกด้วย นั่นทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเก็บภาพยามควันไฟปะทุ ลอยสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นได้อย่างง่ายดาย
8. Arenal, Costa Rica
ภูเขา Arenal เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีอายุเก่าแก่ ยังคงพ่นลาวา และแม็กม่าร้อนๆ อยู่จนปัจจุบันมากว่า 7,000 ปีแล้ว บริเวณรอบภูเขากว่า 29,692 เอเคอร์ยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีเส้นทางปั่นจักรยานชมธรรมชาติอีกด้วย
9. Mayon, Philippines
ในหมู่เกาะลูซอน ห่างจากกรุงมะนิลา ไปเพียง 332 กิโลเมตร มีภูเขาไฟที่ระเบิดบ่อยครั้งที่สุดในโลก ชื่อว่าภูเขาไฟ Mayon ซึ่งนับตั้งแต่ปีค.ศ. 1616 มาก็มีการระเบิดถึง 47 ครั้ง การระเบิดครั้งที่รุนแรงที่สุดทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน ความสูงของภูเขา Mayon นั้นว่ากันว่าสูงจนเงาของมันพาดทับบังเมือง Legaspi ที่อยู่เบื้องล่าง เป็นการเตือนใจให้ระลึกถึงความงามที่แฝงด้วยอันตรายของธรรมชาติ
10. Cotopaxi, Ecuador
สุดยอดภูเขาไฟที่มีความงดงามที่สุดของเอกวาดอร์ และยังมีความง่ายในการปีนเสียด้วย นักท่องเที่ยวสามารถมาเข้าคอร์สเรียน เช่าอุปกรณ์แล้วปีนได้ทันที แต่ทั้งนี้ต้องจ้างไกด์นำทางขึ้นไปด้วยตามกฏหมายของเอกวาดอร์ ที่กำหนดไว้ว่าการปีนเขาที่สูงกว่า 16,000 ฟุต จะต้องมีผู้นำทางที่มีใบอนุญาตขึ้นไปด้วย (Cotopaxi สูง 19,347 ฟุต) สำหรับใครที่ไม่ได้อยากผจญภัยมากนักก็สามารถเข้าพักที่รีสอร์ทชมความงามแบบพาโนรามาอยู่เบื้องล่างก็ได้
====================
รวมที่เที่ยว ที่พัก อัพเดทเทรนด์ ฟินทั่วไทยและต่างประเทศ
อ่านง่าย สบายกว่าที่เคย! บนแอปพลิเคชัน ทรูไอดี