ที่เที่ยวคริสต์มาส 10 เมืองโรแมนติก ที่ คริสต์มาส ต้องไปโดน
ใกล้เข้ามาแล้วกับเวลาแห่งความสุข ไปร่วมจิงเกอเบลกันกับ 10 เมืองโรแมนติก สุดฮิตแห่ง เทศกาล คริสต์มาส ที่หิมะกำลังโปรยปรายมาพร้อมคุณลุงซานต้าใจดี หนาวนี้มีแพลนจะพาคนพิเศษไปเที่ยวกันรึยัง ? เราขอพาไปชิล ไปฉลองวันคริสต์มาสในเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสที่ดีที่สุดในโลกกันค่ะ
ที่เที่ยวคริสต์มาส
Tokyo
ญี่ปุ่น
ในช่วงเวลาแห่งความสุขนี้คู่รักต่างๆ จะจูงมือกันไปชมทะเลดวงดาวจากไฟประดับนับล้านดวงกันที่ สวนแห่งดวงดาว (Starlight Garden) หนุ่มสาวคู่รักจะมีความสุขมากเป็นพิเศษ คริสต์มาส นี้เป็นประหนึ่งวาเลนไทน์ปลายปีในฤดูที่โรแมนติกที่สุด
แลนด์มาร์คสำคัญๆ ที่พลาดไม่ได้สำหรับการไปสัมผัสบรรยากาศ ชมการประดับตกแต่ง รวมไปถึงการช้อปปิ้งแห่งเทศกาลคริสต์มาส คือ รอปปองงิ ฮิลล์ (Roppongi Hill) โตเกียว มิดทาวน์ (Tokyo Midtown) กินซ่า (Ginza) ชินจูกุ (Shinjuku) มารุโนชิ (Marunochi) และยูระคาโช (Yurakacho)
==================
กรุงเวียนนา
ออสเตรีย
จะมีการจัดเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตลาดสินค้าคริสต์มาส ซึ่งมีมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว โดยมีอาหารจำหน่ายมากมาย เช่น ขนมปังขิง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์
ในช่วงเวลาคริสมาสต่างก็มีกิจกรรมมากมาย เหมาะกับคู่รักที่ชวนกันเดินเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศตึกรางบ้านช่องที่สุดแสนจะโรแมนติก ที่เข้ากับบรรยากาศเทศกาลช่วงคริสต์มาสเป็นอย่างมาก
==================
Frankfurt
เยอรมัน
ตลาดคริสต์มาสแห่งนครแฟรงก์เฟิร์ต เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุด (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1393) และมีรูปแบบเฉพาะที่สวยงามที่สุด ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่าสามล้านคนจากทั่วโลกในทุกปี มี 200 ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดและสิ่งของเกี่ยวกับคริสต์มาสมากมาย
นอกจากนี้จะได้พบกับโปรแกรมการแสดงมากมาย อาทิเช่น คอนเสิร์ตคริสต์มาส การแสดงดนตรีเครื่องดีดสีตีเป่าพื้นเมือง รอบบริเวณต้นคริสต์มาสสูง 30 เมตร ซึ่งตั้งอยู่หน้าศาลากลางเรอเมอร์
==================
New York
สหรัฐอเมริกา
ฉลองคริสต์มาสในเมืองหลวงของโลก ในช่วงเวลานี้ของปี มหานครนิวยอร์กจะเต็มไปด้วยการประดับตกแต่งด้วยสีเขียวสีแดงตัวแทนแห่งเทศกาลคริสต์มาส
ต้นคริสต์มาสขนาดมหึมาและการประดับอาคารสวยงามที่ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเทศกาลแห่งปีที่ รอกกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ และพิกัดสำคัญที่ต้องไปเยือนก็คือเขตแมนฮัตตัน ที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเมืองในช่วงคริสต์มาสนี้
==================
Amsterdam
เนเธอร์แลนด์
รู้กันไหมว่าเมืองแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของเซนต์นิโคลัส หรือซานตาคลอสนั่นเอง โดยในทุกปีจะมีพาเหรดซานตาคลอสเพื่อระลึกถึงนักบุญขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลกท่านนี้
นอกจากนั้นก็จะได้ชมไฟประดับเมืองยุโรปโบราณอันสวยงาม เทศกาลไฟประดับ (Light Festival) ที่จะจัดขึ้น ณ สะพานหลักของเมือง ที่จะมีทั้งการประดับไฟเทศกาลและการแสดงผลงานศิลปะด้านการจัดไฟ รวมไปถึงการประกวดศิลปะการจัดไฟให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างเพลินตา
=================
Lapland
ฟินแลนด์
ดินแดนมหัศจรรย์ที่เชื่อกันว่าเป็นบ้านของคุณลุงซานตาใจดีและชาวเอลฟ์ ผู้ผลิตของขวัญ ฉลองคริสต์มาสกันให้ได้บรรยากาศเต็มๆ ก็ต้องไปให้ถึงถิ่นของเทศกาลคริสต์มาส
พลาดไม่ได้กับการไปเยือน หมู่บ้านซานตาครอส (Santa Clause Village) หมู่บ้านน่ารักๆ ที่คุณจะได้พูดคุยกับซานตาคลอส ชิมขนมและอาหารประจำเทศกาลแห่งความสุข รวมไปถึงซื้อของฝากที่ระลึกประจำเทศกาลติดไม้ติดมือกลับบ้าน
=================
London
อังกฤษ
เป็นเมืองที่สามารถพบซานตาคลอสได้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่การฉลองคริสต์มาสในลอนดอนจะสั้นกว่าที่อื่นๆ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 24 ธันวาคม หรือวันคริสต์มาสอีฟ
แต่เราก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศด้วยชมเมืองในตอนกลางคืนที่ยังคงมีการประดับไฟอย่างสวยงามให้เห็นกันอยู่
====================
Nuremberg
เยอรมัน
เมืองต้นตำรับแห่งขนมผิง เครื่องประดับงานฝีมือชั้นดีของเทศกาล ตลาดคริสต์มาสและเมืองแห่งเทศกาลคริสต์มาสของเยอรมัน ซึ่งในปีนี้ตลาดจะเปิดตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน ไปจนถึง 24 ธันวาคม ให้นักช้อปปิ้งได้เลือกซื้อสินค้าประจำเทศกาลกันจนวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว
ที่สำคัญตลาดคริสต์มาสที่มีร้านค้าเกือบสองร้อยร้านแห่งนี้ ไม่ได้มีแค่สินค้าประดับต้นคริสต์มาสและของชำร่วยทั่วไป แต่จะเป็นของชำร่วยประจำเทศกาลนี้เท่านั้น และยังมีร้านขนมและร้านอาหารประจำเทศกาลที่หนึ่งปีจะได้ชิมแค่ครั้งเดียว ที่สำคัญที่สุดสินค้าทุกชิ้นที่ขายล้วนแล้วแต่เป็นงานฝีมือและงานศิลปะชั้นดี
=================
Quebec
แคนาดา
อีกหนึ่งเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีบรรยากาศคริสต์มาสกันอย่างเกินร้อย เดินลุยหิมะในถนนเล็กๆ ตามผังเมืองแบบยุโรปเก่าที่สร้างกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 คริสต์มาสในควิเบกได้รับอิทธิพลมาจากชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในเมืองกว่าครึ่ง ถือเป็นลิตเติ้ลยุโรปในแถบอเมริกาเหนือเลยก็ว่าได้
ในช่วงเวลานี้นอกจากจะได้ชมการประดับตกแต่งเมืองกันอย่างสวยงาม คุณก็ยังจะได้ชิมลิ้มลองขนมต่างๆ อาหารและเครื่องดื่มประจำเทศกาลสไตล์ยุโรปเก่า
รับประกันได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และเป็นเมืองที่ดีที่สุดเมืองหนึ่งในการไปร้องเพลงคริสต์มาสกลางถนนกับฝูงชนและจิบโกโก้ร้อนข้างเตาผิงแน่นอน
====================
เมืองเรคาวิก
ไอซ์แลนด์
จะมีการจำลองเมืองทั้งเมืองให้เป็นเมืองเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาส ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟและจุดดอกไม้ไฟในช่วงปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม
ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพจาก tourkrub.co
และแฟนเพจ https://www.facebook.com/tourkrub.co