ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน ปู๊นๆฉึกๆฉักๆ พูดถึงรถไฟพอใครหลายๆคนได้ยินชื่อของพาหนะชนิดนี้ก็คงต้องต่อด้วยคำว่าฟ้าหรือรถไฟฟ้า น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่ารถไฟก็คือรถไฟที่วิ่งอยู่ตามรางเเละยังสามารถรับส่งผู้คนในทุกวันเเละทุกเวลาได้เฉกเช่นรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะลูกเด็กเล็กเเดงไปโรงเรียนหรือพ่อเเม่พี่น้องไปประกอบอาชีพชีวิตประจำวัน สมัยก่อนรถไฟเป็นที่นิยมกันมาก เนื่องจากช่วยลดปัญหาของการจราจรที่ติดขัด สามารถกำหนดเวลาขึ้น-ลงได้ เเต่ในสมัยนี้ที่เทคโนโลยีได้เปลี่ยนเเปลงไปสิ่งที่เคยดีเคยได้ใช้ในสมัยก่อนถูกบดบังด้วยความทันสมัยเเละความหรูหรามากขึ้น ซึ่งถึงเเม้รถไฟในสมัยนี้อาจจะไม่ได้รับความนิยมจากคนในบางคนบางคราวเเต่การมีอยู่ของมันก็เป็นสัญลักษณ์ที่เเสดงถึงความคลาสิค ความขลังเเละความเก่าเเก่ให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่ได้ใช้ได้สัมผัสจริงๆ ภาพโดยผู้เขียน สมัยก่อนตอนที่เรายังเรียนทั้งบ้านเเละโรงเรียนใกล้กับสถานีรถไฟมาก เช้าขึ้นมาก็จะได้ยินเสียงรถไฟปลุก ตอนเย็นก็นั่งรถไฟกลับไปเรียนหรือวันหยุดก็ได้นั่งรถไฟไปซื้อของที่ตลาดมหาชัย ไปทำธุระกับคุณพ่อที่วงเวียนใหญ่บ้าง ผ่านมาหลายปีหลังจากที่เราจบมหาลัยนับๆดูเเล้วก็เป็นเวลาเกือบจะ 5 ปีได้ที่เราไม่เคยได้กลับไปสัมผัสกับบรรยากาศนั้นอีกเลย วันนี้เราเลยมาย้อนความหลังเริ่มตั้งต้นเดินทางโดยนั่งรถไฟตั้งเเต่สถานีมหาชัยไปสู่สถานีวงเวียนใหญ่เพื่อซึมซับบรรยากาศเก่าๆนั้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เราเริ่มซื้อตั๋วที่สถานีมหาชัยในราคา 6 บาท ระหว่างที่รอขบวนรถออกตามเวลาก็ได้เวลาเดินเล่นที่ตลาดมหาชัย ตลาดนี้ขายทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล ของสด กุ้ง หอย ปู ปลา ที่ได้จากทะเลสดๆ หรือผักเขียวชะอุ่ม ผลไม้ลูกโตๆ ข้าวของเครื่องใช้ อยู่กันเป็นโซนๆ ส่วนมากก็จะเป็นเเม่ค้าตามร้านต่างๆมาซื้อเพื่อไปขายต่ออีกที เรียกได้ว่ามาทีเดียวได้ของครบไปเลย ภาพโดยผู้เขียน พอใกล้ถึงเวลารถออกเราก็มายืนเตรียมตัวรอในเส้นที่ๆกำหนดไว้ ตอนเด็กๆเเม่เราจะกำชับเสมอว่าเวลายืนให้ยืนหลังเส้น ห้ามล้ำเส้นเด็ดขาด เเค่วันไหนที่เราเหยียบเส้นเเม่ก็จะตีจนขาเเดงเลย เพราะช่วงนั้นข่าวเรื่องรถไฟชนคนมีเยอะมาก พอรถไฟจอดเข้าเทียบชานชาลาก็ได้เวลาของเเต่ละคนที่จะจับจองที่นั่งให้สบายกาย สำหรับเราๆจะชอบนั่งริมหน้าต่างหันหน้าออกมองวิวบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ รอไม่นานรถไฟก็เคลื่อนขบวนออกจากชานชาลา ผ่านสถานีเเล้วสถานีเล่าที่สองข้างทางจะเต็มไปด้วยทุ่งนาทุ่งหญ้า บ่อน้ำพร้อมกับลมที่ปะทะให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนกำลังเดินช้าๆอยู่ในทุ่งหญ้าที่สวยงาม ผ่านสถานีตคลองจากเข้าสู่สถานีบ้านขอมที่เต็มไปด้วยเเหล่งชุมชนมีตลาดนัดตั้งใหญ่โต เข้าสู่สถานีรางโพธิ์รถไฟก็จะจอดรอเพื่อรอสวนทางกับอีกหนึ่งขบวนด้านหน้าเนื่องจากสสถานีรางโพธิ์มีเเบ่งออกเป็น 2 ราง เช่นเดียวกับสถานีวัดสิงห์ ซึ่ง 2 สถานีนี้จะเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนที่เลิกเรียนเเล้วพากันกลับบ้านโดยใช้เส้นทางรถไฟ ตลอดสองข้างทางเราจะได้รับกลิ่นอายความหลังไม่ว่าจะเป็นลักษณะตัวบ้านริมทางรถไฟ หรือผู้คนที่อาศัยรายล้อมรอบทางเมื่อเราได้นั่งได้อยู่กับตนเองก็อดคิดถึงเรื่องเก่าในเวลานั้นไม่ได้ กลับไปคิดทีไรก็สุขหัวใจทุกที จนรถไฟเริ่มเข้าสู่สถานีตลาดพลูซึ่งเป้นตลาดเก่าเเก่มีข้าวของขายมากมาย หากเคยดูนั่งสมัยเก่ายังไงภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เรารู้สึกคล้ายกับนั่งอยู่ในหนังเรื่องนั้นยังไงยังงั้นเลย ภาพโดยผู้เขียน ใกล้สถานีปลายทางสถานีสุดท้ายทั้งสองข้างทางก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้า ไม่ว่าจะตั้งโต๊ะหรือหาบเร่ รอให้บริการกับผู้คนที่เดินทางมาพร้อมกับรถไฟนั่นเอง ภาพโดยผู้เขียน เมื่อก้าวเท้าลงจากรถไฟซึ่งที่เรารู้สึกคงไม่ใช่เรามาถึงจุดหมายหรือเวลาที่เรากำหนด หากเเต่เป็นเรื่องราวเเละความคิดระหว่างทางที่มันมีคุณค่าหาไม่ได้ในยุคที่ทุกคนเอาเเต่เร่งรีบ รีบร้อนอกร้อนใจ เเน่นอนว่าหากในวันไหนที่เราคิดถึงขึ้นมาอีก ก็จะกลับไปตรงที่เดิม เพื่อซึมซับบรรยากาศไว้ให้อยู่ในหัวใจตลอดไป