ปู๊น ปู๊น กระฉึกกระฉัก สวัสดีครับ วันนี้ Boo Planet พาทุกท่านออกเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีกรุงเทพ หัวลำโพง จุดหมายปลายทาง อำเภอบางปะอิน จังหวัดอยุธยา (พยายามอ่านให้เป็นเสียงแบบที่เขาประกาศบนเครื่องบินหรือรถทัวร์นะครับ 555) ใช้เวลาในการเดินทางเท่าไหร่ เอ่อ จำไม่ได้ หลับไปสักชั่วโมงได้ เพราะออกจากหัวลำโพงมาก็ 8 โมงเช้า แต่ถ้าตั้งแต่ออกจากบ้านก็ ตี 5 กลัวรถติด การใช้ชีวิตในเมืองกรุงช่างโหดร้ายจัง เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ชิลๆ สโลว์ลี่ อะไรมาก เพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และก็ยังเป็นทางค่อนข้างตรง แถมยังเป็นทางคู่ ไม่มีจอดรอทิศทางตรงข้ามสับราง ทีใครทีมัน ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง จะอย่างไรรถไฟไทยก็พัฒนาไปเยอะทีเดียว ลงรถไฟก็ว้าวแล้ว สำหรับสายถ่ายรูป หรือสายเซลฟี่ สถานีรถไฟบางปะอินนั้นเป็นอาคารคลาสสิค ที่ยังคงเดิมซึ่งรูปแบบสีสันอาคาร เสน่ห์อย่างนึงของสายนั่งรถไฟเที่ยว ก็คือ ความคลาสสิค วินเทจ ของสถานีรถไฟนี่แหละ หลายแห่งเห็นปุ๊บมันมีสตอรี่เล่าเรื่องราวได้มากมาย แต่บางที่ก็รื้อสร้างแบบใหม่ไปแล้วเหมือนกัน ที่ยังเป็นอาคารเก่าสมัยรัชกาลที่ 5-6 ก็มีบางปะอิน และหัวหิน นี่แหละ ถ่ายรูปสถานีรถไฟกันจนหนำใจหรือไม่หนำใจแต่กลัวหน้าจะมืดกันซะก่อน เพราะอากาศร้อน เราจะไปถ่ายรูปที่พระราชวังบางปะอินกัน สไตล์ของ Boo Planet ก็เดินไป เอ๊ย ไม่ไหวหรอก ใช้บริการพี่วิน หรือ จะเป็นรถสกายแลป ก็ได้ ไม่ไกลเลย การเข้าชมพระราชวัง หรือ วัดวาอาราม ต่างๆ ควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยมิดชิด เคารพสถานที่ ไม่มีต่อรองนะครับ เห็นบ่อยๆ บางคนชอบบ่นหรือขอร้องเจ้าหน้าที่อะไรแบบนี้ ถามเจ้าหน้าที่เขาจะจัดการให้ว่าต้องทำอย่างไร มีให้เช่าให้เปลี่ยน ต่างประเทศก็มีนะครับ ต่างประเทศต่างวัฒนธรรม อันไหนเขาบอกไม่สุภาพเข้าไม่ได้ก็ต้องปฏิบัติตาม พระราชวังบางปะอิน มีพระที่นั่งสวยๆมากมายเลยนะครับ รูปหน้าปก ถือว่าเป็นรูปที่คนส่วนใหญ่เห็นปุ๊บตอบได้ปั๊บว่า คือพระราชวังบางปะอิน พระที่นั่งกลางน้ำจตุรมุขทรงปราสาท มีชื่อว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้จำลองมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จำกันได้มั้ยครับ อยู่ตรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในมีพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ขนาดเท่าของจริงของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สะพานตุ๊กตา ที่มีปูนปั้นรูปเทพหลายองค์ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สร้างเลียนแบบสะพานข้ามแม่น้ำไทเบอร์ กรุงโรม อิตาลี ที่เห็นในรูปคือ เทพธิดาดิมิเทอร์/เซเลส ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว ด้านขวาเห็นศาลาริมน้ำคือ กระโจมแตร แบบ Gazebo (ศาลาในสวนหรือริมน้ำ เอาไว้พักผ่อน บางทีก็มีนักดนตรี 3-4 ชิ้นมาเล่นเพื่อบันเทิงและผ่อนคลาย เป็นที่นิยมปลายศตวรรษที่ 19 ในกลุ่มชนชั้นสูงในยุโรป) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวให้สร้างขึ้น ได้ทรง ทรงงานที่กระโจมแตรนี้บ่อยครั้ง พระราชวังบางปะอินมีมาแต่สมัยอยุธยา รัชกาลที่ 4 มาบูรณะใหม่ และมีการบูรณะสร้างอาคารตำหนักต่างๆมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนใหญ่ก็สร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ประวัติคร่าวๆแล้วกันนะครับ สายชิล แต่ก็ควรรู้ไว้บ้างก็ดี พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดปรานที่จะเสด็จมาประทับที่นี่ และสร้างพระราชวังไว้นอกกรุงเทพฯ หลายพระราชวัง เคยอ่านเจอ พระองค์ท่านทรงปรารถเรื่องอากาศร้อนและความหนาแน่นแออัดของพระบรมมหาราชวัง อย่าลืมว่ายุคนั้นยังไม่่มีแอร์นะ ไฟฟ้าเพิ่งจะเริ่มเอง ในรูปคือ ประตูเทวราชครรไล อาคารโค้งครึ่งวงกลม แต่ก่อน มีขายเครื่องดื่ม ขนมปังเลี้ยงปลาตะเพียน เลี้ยงเต่า ปัจจุบัน ใช้แสดง รถม้า สมัยรัชกาลที่ 5 พระที่นั่งวโรภาษพิมาน สวยงามด้วยหน้าจั่วแบบกรีก (จะป้านๆเตี้ยๆไม่แหลมสูงแบบไทย) เสาเซาะร่อง บัวหัวเสาแบบโครินเธียน เป็นอาคารนีโอคลาสสิคที่สวยงามมาก ถึงจะซ่อมแซมปรับปรุงมาหลายครั้งแล้ว พระที่นั่งวโรภาษพิมาน ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ มีส่ิ่งของคลาสสิคหลายอย่าง ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปด้านในครับ มาถึงอาคารที่น่ารักมาก เก๋งบุปผาประพาส อาคารขนมปังขิง มีฐานก่ออิฐถือปูน สีชมพูพาสเทลตัดขาว ใช้เป็นที่พักผ่อนพระอริยะบทในพระราชอุทยาน จะเซลฟี่หรือจะถ่ายแนวไหนพลาดไม่ได้ทั้งปวง จุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่ "ห้ามพลาด"เลย บนสะพานถ่ายออกมาเห็น หอวิฑูรทัศนา และพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ และเห็นเงาที่ผิวน้ำ หอวิฑูรทัศนา อาคารที่เป็นหอสูง 3 ชั้น สีเหลืองสลับแดง ใช้เป็นที่เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรฝูงช้างป่าและภูมิประเทศแทบนั้น (สมัยก่อนรอบๆพระราชวังยังเป็นป่า) ปัจจุบันเปิดให้ขึ้นไปได้แค่ระเบียงชั้นที่ 2 พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ หรือที่เรียกกันติดปาก ว่าพระตำหนักเก๋งจีน สถาปัตยกรรมจีน 2 ชั้น ชาวจีนในสยามสร้างน้อมถวายพระพุทธเจ้าหลวง เป็นอาคารที่สร้างหลังสุดท้าย จะมีป้ายตัวอักษรไทยแต่เขียนเลียนแบบตัวหนังสือจีน เวหาศน์จำรูญ เทียนหมิงเต้ย เป็นอาคารที่มีกระจกรอบ เลยใช้เป็นที่ประทับสำหรับฤดูหนาว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้ที่นี่เป็นห้องทรงอักษรพระราชนิพนธ์"ตำนานรักดอกกุหลาบ หรือ มัทนะพารา ที่นี่มีลิฟท์ที่ใช้แรงงานคนใช้เป็นแห่งแรก สามารถเข้าชมได้ด้านหน้าและด้านข้างของพระที่นั่ง แต่ห้ามถ่ายรูป ห้องด้านซ้ายมองจากด้านนอกจะสามารถเห็น มังกรแบบจีนซึ่งแกะสลักจากกระดูกอูฐ พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ ยังใช้ประกอบพิธีสังเวยพระป้าย ตามประเพณีแบบจีน เป็นประจำทุกปี จริงๆ ยังเหลือพระที่นั่งอีกเยอะแยะเลย แต่วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปสถาปัตยกรรมคลาสสิคไม่ผิดหวังแน่นอน ขอขอบคุณสำหรับการติดตามและอ่านมาถึงตรงนี้นะครับ เรื่องราวและภาพทั้งหมด โดย Boo Planet