หลังจากที่ลังเลอยู่นานสองนาน ก็ได้ฤกษ์สักทีกับการเขียนบทความในคอนเซ็ป “เรื่องเล่าจากเจ้าถิ่น” ซึ่งถิ่นของเราก็คือจังหวัดปราจีนบุรีนั่นเอง ที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเราเป็นเจ้าถิ่นตัวจริง นั่นก็เพราะว่าเราเกิดที่นี่ เรียนที่นี่ตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัย พอเรียนจบแล้วก็ยังอุตส่าห์ได้งานทำที่ปราจีนบุรีไปอี๊ก เรียกง่ายๆว่าทั้งชีวิตนี้แทบไม่ได้ออกจากจังหวัดปราจีนไปไหนเลยจ้า เกริ่นมาซะขนาดนี้แล้วก็อย่ารอช้าเลย ไปทำความรู้จักกับบ้านเกิดเรากันเถอะ เริ่มจากของมูลพื้นฐานๆ อย่างคำขวัญประจำจังหวัดกันก่อนเลย "ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี" ซึ่งแต่ละประโยคในคำขวัญ ล้วนแต่มีที่มาที่ไปทั้งนั้น อย่างประโยคที่ว่า “ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน” ก็มีตำนานเล่าว่าท่านผู้ครองเมืองศรีมโหสถในสมัยขอม ท่านมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก จึงส่งทูตเดินทางไปถึงประเทศอินเดีย เพื่อขอหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ใต้ต้นในตอนที่ตรัสรู้ แล้วนำมาปลูกไว้ที่เมืองศรีมโหสถ จากวันนั้นนับจนถึงปัจจุบันนี้ก็ 2,000 กว่าปีมาแล้ว ถือว่าเป็นต้นโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย Unseenขนาดนี้ “ต้นศรีมหาโพธิ์” ก็เลยได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดปราจีนบุรีกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่สนใจมาสักการะ ก็สามารถแวะเวียนกันมาได้ที่"วัดต้นโพธิ์"ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถนะคะ เอาล่ะเราไปต่อกันที่ประโยคที่2 และ 3 นั่นก็คือ "ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง" อันนี้ก็ตรงตัวอยู่แล้วว่าหน่อไม้ไผ่ตรงจากจังหวัดปราจีนบุรี จะมีรสชาติหวานเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนอกจากจะเอามาต้มยำทำแกงแล้ว ชาวจังหวัดปราจีนบุรียังชอบเอามาทำขนมที่เรียกกันว่าขนม “หน่อไม้”อีกด้วยนะ ส่วนผลไม้นั้นก็ขึ้นชื่อหลายอย่างโดยเฉพาะ”ทุเรียนปราจีนบุรี” ที่ชาวสวนบอกว่ารสชาติที่หวานและเนื้อทุเรียนที่ไม่ช่ำน้ำจนเกินไปนั้น เกิดจากการที่จังหวัดปราจีนบุรีไม่ได้มีแหล่งน้ำมากนัก ชาวสวนจะใช้วิธีการรดน้ำต้นทุเรียนอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ผลทุเรียนที่ได้ไม่แห้งไม่ช่ำจนเกินไปนั่นเอง สำหรับประโยคสุดท้ายในคำขวัญนั่นก็คือ “เขตเมืองทวารวดี” มาจากการค้นพบแหล่งโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ ที่เชื่อกันว่าเป็นเมืองในสมัยทวารวดี มีเนื้อที่กว่า 700 ไร่ มีบ่อน้ำโบราณขนาดต่างๆกระจายกันทั่วทั้งบริเวณ นอกจากนั้นยังมีคูดินลักษณะคล้ายกับกำแพง ล้อมรอบบริเวณโบราณสถานเอาไว้อีกด้วย เอาล่ะอธิบายกันมาพอหอมปากหอมคอแล้ว สำหรับข้อมูลพื้นฐานและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ในคำขวัญของจังหวัดปราจีนบุรี คราวนี้เราจะพาไปดูแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนัก ผ่านมุมมองของเจ้าถิ่นอย่างเรากันบ้าง 1.“ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบรศ” ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบรศตั้งอยู่ในรั้วเดียวกันกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เราแนะนำเลยว่า ถ้าใครที่มาถึงจังหวัดปราจีนแล้ว ควรไปสักครั้งหนึ่ง เพราะนอกจากความสวยงามของตึกเก่าอายุกว่ารอยปี ที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีแล้ว ที่ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบรศนี้ยังมีสวนสมุนไพรที่ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ แล้วยังมีน้สมุนไพรเย็นๆให้ชื่นใจกันด้วยนะ แล้วถ้าหากใครที่ปวดเมื่อยเหนื่อยล้าจากการทำงานมา เค้าก็มีบริการนวดคลายเส้นโดยผู้เชี่ยวชาญในราคาย่อมเยาว์ ส่วนใครที่เคยไปเยือนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบรศมาแล้ว คงจะเห็นไก่ปูนปั้นน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ นั่นเกิดจากคนที่บนบานเอาไว้แล้วสำเร็จ จึงเอาไก่เหล่านั้นมาแก้บน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะบนให้หายป่วยบ้าง ขอให้การรักษาราบรื่นบ้าง ถ้าอยากรู้ว่าศักดิ์สิทธิแค่ไหนก็ให้ลองไปนับไก่ดู 2.น้ำตกต่างๆในอำเภอประจันตคาม รู้กันหรือไม่ว่าอำเภอประจันตคามนั้นได้ชื่อว่าเป็นอำเภอที่มีน้ำตกเยอะที่สุดในประเทศไทย โดยมีน้ำตกน้อยใหญ่กระจายๆกันอยู่ถึง 17 แห่งด้วยกัน มีทั้งแบบที่ขับรถขึ้นไปได้อย่างชิวๆเช่น น้ำตกธารทิพย์ น้ำตกสาวน้อย เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กเด็กแดง เพราะการเดินทางสะดวกสบาย น้ำไม่ลึก และไม่แรง แต่สำหรับสายลุยก็ไม่ต้องน้อยใจเพราะเรามีน้ำตกเหวอีอ่ำ น้ำตกฟองสบู่ ที่ต้องเดินเท้าบุกป่าฝ่าดงขึ้นไปประมาณ 4-5 กิโลเมตร แต่ถ้าขึ้นไปถึงแล้วรับรองว่ามีหายเหนื่อยกันแน่นอน 3.อ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง อ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ในตำบลเนินหอม อำเภอเมือง มีความสวยงามและความเงียบสงบที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว สำหรับใครที่ชอบความเขียวขจีแบบ 360 องศาแบบนี้ ก็อยากลองให้แวะมาสักครั้งนึง 4.ย่าน 304 ที่ไม่ได้แปลว่าถนนสาย 304 แต่หมายถึงย่านนิคมอุตสาหกรรม 304 ที่ตั้งอยู่ในตำบลท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ ที่มีโรงงานต่างๆตั้งอยู่มากกว่า 100 โรงงาน จึงกลายเป็นเขตชุมชนขนาดใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวสำหรับ สายช๊อป สายชิมอย่างเช่นตลาด 304 พลาซ่า คาเฟ่ chic chic ร้านอาหารเก๋ๆ หรือจะเป็นร้านชิวๆให้มานั่งดริ้งกับเพื่อนๆหรือจะมากับหวานใจก็ได้นะ สุดท้ายก่อนจากอยากจะบอกว่าที่เขียนไปทั้งหมดเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของเสน่ห์ที่น่าค้นหาของจังหวัดปราจีนบุรีเท่านั้น ลองมาสัมผัสกับความลงตัวของการผสมผสานกันระหว่างป่าและเมืองที่ ปราจีนบุรี กันสักครั้งนะคะ ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดปราจีนบุรีค่่่่่่่่ะ