เมื่อพูดถึงจังหวัดพิจิตร หลายคนอาจจะนึกถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบในภาคเหนือตอนล่าง เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม และวิถีชีวิตเรียบง่าย แต่หากถามว่าจุดแลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดของจังหวัดพิจิตรคือที่ไหน คำตอบที่ไม่ว่าใครก็ต้องเอ่ยถึงก็คือ “บึงสีไฟ” แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่เป็นเหมือนหัวใจของชาวเมืองพิจิตร และเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดที่ไม่ว่าใครมาเยือนก็ไม่ควรพลาด บึงสีไฟถือเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดพิจิตร และยังถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ของภาคเหนือตอนล่าง ด้วยพื้นที่ครอบคลุมกว่า 5,000 ไร่ ความกว้างใหญ่ของบึงสีไฟทำให้กลายเป็นศูนย์รวมกิจกรรมต่าง ๆ ของคนในจังหวัด ทั้งการพักผ่อนหย่อนใจ การประมง การจัดงานเทศกาล ตลอดจนการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนรอบข้าง ความเป็นมาและความสำคัญของบึงสีไฟ บึงสีไฟมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นจากการยุบตัวของแผ่นดินตามธรรมชาติเมื่อหลายร้อยปีก่อน จนเกิดเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ สายน้ำจากแม่น้ำต่าง ๆ ในพื้นที่ไหลมารวมกัน ทำให้บึงสีไฟมีความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ชื่อ “บึงสีไฟ” นั้นก็มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ บ้างว่ามาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้แสงอาทิตย์ตกกระทบกับผิวน้ำในยามเย็นจนเกิดเป็นสีแดงเพลิงราวกับเปลวไฟ บ้างก็เล่าว่าในอดีตเคยมีเหตุการณ์ไฟป่าใหญ่ลุกลามมาถึงบริเวณบึง ทำให้ถูกขนานนามว่า “บึงสีไฟ” ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตำนานแบบไหนก็ล้วนสะท้อนถึงความงดงามและความน่าค้นหาของสถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้ บึงสีไฟยังถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชุมชนรอบ ๆ ทั้งด้านเกษตรกรรมและประมง สร้างวิถีชีวิตให้แก่ชาวพิจิตรมาอย่างยาวนาน ไฮไลต์สำคัญของบึงสีไฟ 1. รูปปั้นพญาชาละวัน สัญลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดของบึงสีไฟคือ รูปปั้นพญาชาละวัน จระเข้ยักษ์ในตำนานที่ชาวพิจิตรเล่าขานกันมายาวนาน เชื่อกันว่าเคยอาศัยอยู่ในบึงสีไฟ และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนิทานพื้นบ้าน “ไกรทอง” เรื่องราวของชายผู้กล้าหาญที่เข้ามาปราบจระเข้ร้ายเพื่อปกป้องชาวบ้าน ปัจจุบัน รูปปั้นพญาชาละวันขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นอย่างอลังการริมบึงสีไฟ กลายเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ใครมาถึงบึงสีไฟแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับพญาชาละวันเหมือนยังมาไม่ถึง 2. สวนสาธารณะรอบบึง บึงสีไฟไม่ได้มีเพียงแค่น้ำกว้างใหญ่เท่านั้น แต่ยังถูกพัฒนาเป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ มีทั้งสนามหญ้า ทางเดินริมบึง สนามเด็กเล่น และศาลาพักผ่อน เหมาะสำหรับการมานั่งเล่น มาวิ่งออกกำลังกาย หรือพาครอบครัวมาใช้เวลาร่วมกันในวันหยุด 3. จุดชมพระอาทิตย์ตก อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้บึงสีไฟได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวคือ “พระอาทิตย์ตก” ยามเย็นที่นี่งดงามเป็นพิเศษ แสงสีส้มที่สะท้อนลงบนผิวน้ำกว้างใหญ่ พร้อมฝูงนกที่บินกลับรัง กลายเป็นบรรยากาศโรแมนติกที่หลายคู่รักนิยมมานั่งชม 4. ตลาดอาหารและร้านค้า บริเวณรอบบึงสีไฟมีร้านอาหารและตลาดเล็ก ๆ ที่ขายอาหารพื้นบ้าน ของฝาก และผลิตภัณฑ์ชุมชนมากมาย โดยเฉพาะเมนูเด็ดจากปลา เช่น แกงคั่วหอยขม แกงส้มปลา ปลานิลทอดกระเทียม และปลาแดดเดียวที่ถือเป็นของฝากยอดนิยม กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนบึงสีไฟ 1. นั่งเรือชมบึง – นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือหางยาวเพื่อล่องชมบึงได้ ทำให้เห็นความกว้างใหญ่และความงดงามของธรรมชาติรอบ ๆ 2. ตกปลา – บึงสีไฟเต็มไปด้วยปลาหลากหลายชนิด จึงเป็นสวรรค์ของนักตกปลา 3. วิ่งออกกำลังกายรอบบึง – ด้วยบรรยากาศสดชื่นและเส้นทางที่ร่มรื่น จึงเหมาะสำหรับการออกกำลังกายทั้งตอนเช้าและเย็น 4. ถ่ายภาพกับพญาชาละวัน – ไฮไลต์หลักที่ทุกคนต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก 5. ปั่นจักรยานชมวิว – รอบบึงมีเส้นทางปั่นจักรยานที่สวยงาม ช่วยให้ได้สัมผัสบรรยากาศอย่างใกล้ชิด มุมมองการท่องเที่ยวปัจจุบัน ปัจจุบัน บึงสีไฟถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวก มีการจัดโซนถ่ายรูป จัดสวนดอกไม้ และติดตั้งไฟส่องสว่างเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเยือนได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพล บึงสีไฟก็กลายเป็นจุดเช็กอินยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นที่ชอบถ่ายภาพสวย ๆ ครอบครัวที่พาเด็ก ๆ มาพักผ่อน หรือคู่รักที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศโรแมนติก ร้านอาหารและที่พักใกล้บึงสีไฟ รอบบึงสีไฟมีร้านอาหารหลากหลายประเภท ทั้งอาหารพื้นบ้าน อาหารไทย-อีสาน และคาเฟ่บรรยากาศดี เช่น ร้านอาหารริมน้ำที่เสิร์ฟปลาสด ๆ จากบึง รวมถึงคาเฟ่ที่ตกแต่งทันสมัยเหมาะแก่การนั่งจิบกาแฟและชมวิว ส่วนที่พักก็มีให้เลือกทั้งรีสอร์ทเล็ก ๆ ริมบึง โรงแรมในตัวเมืองพิจิตร และโฮมสเตย์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชน เหตุผลที่ควรมาเยือนบึงสีไฟ 1. ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก – ใช้เวลาเพียง 3–4 ชั่วโมงก็ถึง 2. ธรรมชาติสวยงาม – ได้สัมผัสบรรยากาศบึงน้ำกว้างใหญ่และพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก 3. มีตำนานและวัฒนธรรม – เรื่องราวของพญาชาละวันและงานแข่งเรือยาวเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร 4. เหมาะกับทุกวัย – ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคู่รักก็สนุกได้ทุกกิจกรรม 5. มีอาหารอร่อยและของฝากขึ้นชื่อ – โดยเฉพาะปลาแดดเดียวและผลิตภัณฑ์ชุมชน สรุป บึงสีไฟไม่ใช่แค่บึงน้ำธรรมดา แต่คือหัวใจของจังหวัดพิจิตร สถานที่ที่รวมเอาความงดงามของธรรมชาติ ความเชื่อทางวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชนไว้ด้วยกัน ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การถ่ายรูปสวย ๆ การลิ้มรสอาหารท้องถิ่น หรือการเรียนรู้เรื่องราวพื้นบ้าน ตรงนี้คือจุดหมายที่ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง หากมีโอกาสผ่านมาจังหวัดพิจิตร อย่าลืมแวะมาเยือนบึงสีไฟ สัมผัสความงดงามและความยิ่งใหญ่ของตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมคนพิจิตรถึงภูมิใจในบึงสีไฟเสมอมา #️⃣ #บึงสีไฟ #พิจิตร #ที่เที่ยวธรรมชาติ #แลนด์มาร์กพิจิตร #พญาชาละวัน #ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ #ท่องเที่ยวไทย #รีวิวที่เที่ยว #ที่เที่ยวถ่ายรูปสวย ----- เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !