เที่ยวญี่ปุ่น รวมมิตร 7 จุดน่าเที่ยว ชิซูโอกะ จังหวัดบ้านเกิดภูเขาไฟฟูจิ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปดู ฟูจิซัง หรือ ภูเขาไฟฟูจิ นั้น ก็คงจะนึกถึง ทะเลสาบคาวากูจิโกะ ก่อนเป็นที่แรกๆ แต่คราวนี้เราจะพาไปเจอภูเขาไฟฟูจิ กันที่ ชิซูโอกะ (Shizuoka) กันบ้างค่ะ ซึ่งที่นี่เป็นจังหวัดที่เรียกได้ว่าเป็นบ้านเกิดของภูเขาไฟฟูจิกันเลยทีเดียว ไม่น้อยหน้าไปกว่าจังหวัดยอดฮิตอย่างยามานาชิแน่นอน
มาถึง Shizuoka เที่ยวไหนดี ?
ชิซูโอกะ เป็นเมืองบ้านเกิดของภูเขาไฟฟูจิ ไม่ว่าจะมองไปที่ไหนในเมืองนี้ก็สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ค่ะ (ถ้าวันที่ฟ้าสดใสนะ) ซึ่งนอกจากภูเขาไฟฟูจิในชิซูโอกะแล้ว ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ ในชิซูโอกะที่น่าสนใจอีก ลองตามมาดูกันได้เลย
1. Mishima Skywalk
Mishima Skywalk ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่ควรค่าแก่การเดินทางไปที่หนึ่งเลยค่ะ เพราะนอกจากจะมองเห็นฟูจิซังได้อย่างเต็มตาแล้ว ยังได้วิวสวยงามที่แปลกตาจากสะพานแห่งนี้อีกด้วยค่ะ
ถ้าเป็นคนชอบความท้าทาย เราอยากให้มาลองเดินสะพานนี้สักครั้ง เพราะการมองเห็นวิวฟูจิซังและฟ้ากว้างๆ จากสะพานสูงๆ เดินรับอากาศดีๆ ยาวๆ 400 เมตร มันให้ความรู้สึกแบบที่อยากตะโกนออกมาว่าสุโก้ยเลยล่ะค่ะ :)
===================
2. เมือง Izu
เมือง Izu ที่เมืองนี้มีกิจกรรมน่าสนุกให้ลองทำเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นการชมวิวฟูจิซังแบบเต็มตาที่ Izu Panorama Park ไปชมศิลปะและชิมขนมหวานที่ทำจากสตรอเบอรี่สวยๆ และที่พลาดไม่ได้ก็คือไปเปิดประสบการณ์วาซาบิสดๆ ที่วาซาบิมิวเซียมกันค่ะ
นอกจากนี้ ถ้าใครแวะมาที่แหลมอิซุแล้ว อยากให้ลองกินปูที่มีชื่อว่า Takaashi กันดูนะคะ ว่ากันว่าเป็นปูทะเลน้ำลึกที่หากินได้แค่ที่นี่เท่านั้น
===================
3. Shuzenji
Shuzenji บอกเลยว่าเป็นเมืองที่น่ารักมากสุดๆ ไปเลยค่ะ สำหรับใครที่ชอบความเป็นเมืองเก่า ได้กลิ่นอายแบบเกียวโต รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
ที่นี่เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องของออนเซ็น นอกจากนี้ยังเหมาะมากๆ กับสาวๆ ทั้งสาวโสดและสาวมีคู่ในเรื่องการขอพรเรื่องความรัก แนะนำให้มาไหว้ที่วัดชูเซ็นจิ จากนั้นให้เดินข้ามสะพานขอพรความรัก ส่วนสาวๆ คนไหนที่อยากแต่งตัวให้เข้ากับเมืองเก่าญี่ปุ่นดูบ้าน ที่นี่ก็มีร้านเช่ากิโมโนไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะ ลองมาเที่ยว Shuzenji กันดูนะคะ
ShopBack Tips : ใครแวะไป Shuzenji อย่าลืมซื้อเครื่องรางนำโชคมาด้วยนะคะ คนท้องถิ่นบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ แถมออฟฟิศที่เปิดขายเครื่องรางของวัดยังเปิดๆ ปิดๆ ต้องใช้ด้วยอย่างมากในการซื้อ ใครดวงดี ก็คือได้ซื้อค่ะ
===================
4. Nishiizu
สำหรับสายชิลที่ชอบธรรมชาติเป็นที่สุด เราขอแนะนำให้มาเที่ยว Nishiizu ค่ะ เพราะว่าที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยจนเก็บไปนอนฝันยาวๆ ได้เลย
จุดชมพระอาทิตย์ตกดินของที่นี่มีทั้งหมด 6 จุดด้วยกัน แถมมีกิจกรรมให้นั่งเรือชมความงามทั้งพระอาทิตย์และหินตามธรรมชาติอีกด้วย เรียกได้ว่า มาที่นี่แล้วได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แน่นอนค่ะ
สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวที่นี่ก็คือการแวะไปซื้อ หรือไปเรียนรู้กระบวนการทำ katsuobushi หรือว่าปลาโอแห้งที่เอาไว้โรยบนทาโกะยากินั่นหล่ะค่ะ เพราะที่นี่เป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่ใช้วิธีการผลิตแบบโบราณและยังคงสืบสานอยู่ น่าสนใจและน่าประทับใจมากๆ
===================
5. Shimoda
Shimoda เมืองเล็กๆ น่ารักที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มาที่นี่จะได้ท่องเที่ยวตามรอยนายพลเพอร์รี่ ผู้ที่เปิดประเทศญี่ปุ่นหลังจากปิดประเทศนานกว่า 200 ปี
สำหรับใครที่ชอบดอกไม้ สามารถแวะไปที่สวนชิโดะ ไปดูไฮเดรนเยียมากกว่า 50 สายพันธุ์กันได้ หรือใครอยากเห็นวิวแปลกตา แนะนำให้ไปที่ Ryugu Sea Cave แรงบันดาลใจของฉากหนึ่งใน Parco Rosso หนึ่งในอะนิเมะของสตูดิโอจิบลิอันโด่งดัง ที่จะได้เห็นแสงส่องลงมาในถ้ำหินที่สวยงามจากการกัดกร่อนทางธรรมชาติ เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ
ยังไม่หมดแค่นี้ ใครที่มาเที่ยว Shimoda ไม่ควรพลาดที่จะลองชิมเบอร์เกอร์ปลากินเมได ปลาทะเลน้ำลึกที่มีไขมันมากกว่าปลาทะเลทั่วไป เข้มข้น ชิ้นใหญ่ อิ่มแน่นอนค่ะ
===================
6. Numazu
แรงบันดาลใจแห่งฉากหลังของอะนิเมะเรื่อง Love Live! Sunshine! ใครที่อยากชมฟูจิซังในมุมสงบๆ ลองมาเที่ยว Numazu กันดูนะคะ มาที่นี่คุณจะได้สนุกกับตลาดปลานูมะซุ ที่คุณสามารถมาดูตอนเค้าประมูลปลากันได้
แวะไปดูประตูน้ำ "วิวโอ" ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น กินอาหารทะเลจากร้านอาหารสดใหม่เสมอของชาวประมงเอง เดินเล่นพิพิธภัณฑ์ปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งบอกเลยว่าที่นี่คุณจะได้เห็นปลาแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนแน่นอน สำหรับแฟนอะนิเมะเรื่องดัง ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะที่เมืองนี้มีเรื่องราวมากมายให้คุณได้ถ่ายรูปรัวๆ แน่นอน ♡
===================
7. Ito
มา Ito ต้องไปดูภูเขาไฟที่ดับแล้วที่มีชื่อว่าโอมุโระ ภูเขาไฟลูกนี้มีความสูงถึง 580 เมตร นอกจากทิวทัศน์จะงดงามแล้ว ยังสามารถชมดอกไม้ในฤดูกาลต่างๆ เช่น ซากุระ ในฤดูใบไม้ผลิ สีเขียวสดๆ ในฤดูร้อน หรือว่าใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย
เมื่อนั่งกระเช้าขึ้นชมภูเขาจนพอใจแล้ว อยากให้แวะไปที่ Saboten Zoo สวนสัตว์ที่มีจุดขายเรื่องต้นกระบองเพชรที่มีมากกว่า 1,500 สายพันธุ์ ไฮไลท์ของที่นี่คือเจ้าคาปิบาร่าที่มีช่วงเวลาในการแช่ออนเซ็นให้เราได้ชมกันแบบใกล้ชิดอีกด้วย
นอกจากสวนสัตว์แล้ว เราอยากให้ไปที่ Tokaikan เรียวกังเก่าแก่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนโรงอาบน้ำในเรื่อง Spirited Away ที่นี่เก่าแก่ แต่ยังคงสวยงาม ความน่าสนใจของเรียวกังที่นี่คือทำจากไม้ทั้งต้น เป็นงานไม้คุณภาพดี ที่ได้เห็นการตกแต่งและดีไซน์คุณภาพที่มาจากช่างฝีมือที่หาตัวจับยาก ความน่ารักของที่นี่คือให้เช่ายูกะตะเพื่อเที่ยวชมเมืองได้ด้วยนะคะ แถมทิ้งไว้ที่โรงแรมได้เลยไม่ต้องเอามาคืนค่ะ ใครสนใจลองไปเที่ยว Ito ดูนะคะ
การเดินทางไป Shizuoka
วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดก็คือการเช่ารถขับค่ะ แต่ถ้าหากไม่สะดวกก็สามารถใช้รถไฟเพื่อลงที่สถานีมิชิมะ แล้วต่อรถบัสเพื่อท่องเที่ยวได้ค่ะ สำหรับใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่น แนะนำให้ซื้อประกันเดินทางเพื่อความปลอดภัย และหากดูผ่าน ShopBack เพื่อรับและสะสมเงินคืนกันด้วยนะคะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับที่เที่ยวแนะนำในชิซูโอกะ บอกเลยว่าแต่ละเมืองนั้นน่าสนใจมากๆ อยากให้ใช้เวลาในแต่ละเมืองอย่างน้อยที่สุดคือ 1 วัน เพื่อให้เพลิดเพลินได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องเร่งรีบมากนั่นเองค่ะ สำหรับคนที่เที่ยวญี่ปุ่นมาหลายรอบแล้ว มา Shizuoka เที่ยวคราวนี้ ลองมาเปิดประสบการณ์เที่ยวแบบใกล้ชิดท้องถิ่นกันดูนะคะ ไม่ใช่ที่ฮิตแต่จะติดอยู่ในใจคุณแน่นอนค่ะ
ShopBack Tips : ภูเขาไฟฟูจิที่คาวากูจิโกะต่างจากที่ชิซูโอกะตรงไหนรู้มั้ยคะ...? คนญี่ปุ่นท้องถิ่นให้ข้อมูลว่าความต่างอยู่ตรงที่การสมมาตรของภูเขาไฟนั่นเองค่ะ
ถ้ามองฟูจิซังที่คาวากูจิโกะจะเห็นความภูเขาไฟที่เอียงๆ หน่อย แต่ถ้ามองฟูจิซังจากที่จังหวัดชิซูโอกะจะเห็นภูเขาไฟที่สมมาตรกันพอดี จริงหรือเปล่า ลองไปพิสูจน์กันดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพจาก ShopBack