สะพานมอญ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ยาวราว 850 เมตร ข้ามแม่น้ำศรีสุวรรณ เชื่อมระหว่างตัวเมืองสังขละบุรีกับชุมชนชาวมอญที่ชื่อบ้านวังกะ ซึ่งคนมอญกลุ่มนี้อพยพมาจากประเทศพม่าเมื่อกว่า 60 ปีมาแล้ว สะพานนี้ไม่ได้เป็นแค่สะพานเดินข้ามธรรมดา แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีระหว่างวัฒนธรรมมอญ กะเหรี่ยง ไทย และพม่า ที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในพื้นที่ชายแดนนี้ พอเดินมาถึงสะพาน สิ่งแรกที่ผู้เขียนรู้สึกคือความเก่าแก่ของไม้ที่รองเท้าของเราสัมผัส และบรรยากาศโบราณ ๆ ที่ทำให้เหมือนย้อนเวลากลับไปอดีต สะพานนี้ทำจากไม้ที่ช่างฝีมือท้องถิ่นประกอบขึ้นด้วยความตั้งใจ แม้ว่าจะโดนน้ำท่วมและลมฝนมาหลายครั้งก็ยังคงยืนหยัดแข็งแรง การเดินข้ามสะพานรู้สึกได้ถึงความโอนเอนเล็ก ๆ ของไม้ และวิวรอบด้านที่เปิดกว้างเห็นภูเขา ทะเลสาบ และธรรมชาติที่เงียบสงบ ช่วงที่สวยที่สุดคือเช้า ๆ หรือช่วงเย็นตอนพระอาทิตย์ตก แสงสีทองที่สาดส่องเข้ามาทำให้รูปที่ถ่ายออกมามีเสน่ห์สุด ๆ ประสบการณ์ที่ไม่ลืมคือการได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า แสงแรกของวันค่อย ๆ ส่องผ่านหมอกที่ลอยเหนือน้ำ เหมือนชีวิตเริ่มต้นใหม่อย่างเงียบสงบ บรรยากาศเย็นสบายและเงียบสงบทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการนั่งคิด หรือทำจิตใจให้สงบ เช้า ๆ ยังได้เห็นประเพณีตักบาตรพระสงฆ์ที่เดินข้ามสะพานมาเพื่อรับบิณฑบาต แม้ตอนนี้จะมีเด็กในชุมชนบางคนเดินเข้าหานักท่องเที่ยวเพื่อขอทิป แต่บรรยากาศและความหมายของพิธีกรรมนี้ยังสัมผัสได้ถึงความศรัทธาและการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณของชุมชน เมื่อผู้เขียนเดินข้ามสะพานไปฝั่งชุมชนชาวมอญจะเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ที่นี่มีตลาดเล็ก ๆ ขายอาหารพื้นเมืองของมอญ ของที่ระลึก และดอกไม้ คนในชุมชนเป็นมิตรและเปิดใจให้นักท่องเที่ยว บางครั้งเด็กในชุมชนจะยอมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสะพานและวิถีชีวิตท้องถิ่น เพื่อแลกกับทิปเล็กน้อย นั่นทำให้การเที่ยวครั้งนี้ได้ความรู้สึกส่วนตัวและอบอุ่นขึ้นมาก อีกหนึ่งไฮไลต์ของการเที่ยวคือการนั่งเรือชมวัดจมน้ำ หรือวัดสามประสบ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นวัดที่อยู่ในเมืองเก่าสังขละบุรี แต่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณที่ทำให้น้ำท่วมเมืองเก่า เรือจะล่องไปรอบ ๆ ซากวัดที่โผล่พ้นน้ำออกมา บรรยากาศแปลกตาและน่าหลงใหล บางฤดูสามารถขึ้นไปเดินชมโบราณสถานใต้น้ำได้ด้วย ทำให้เรารู้สึกได้ถึงประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่ประชิดตัว นอกจากนี้ใกล้ ๆ ก็ยังมีเจดีย์โพธิ์กัลยาที่สงบร่มรื่น เหมาะแก่การสักการะและพักใจ ตัวเมืองสังขละบุรีเองค่อนข้างเงียบสงบ เหมือนการหนีความวุ่นวายออกมาอยู่ในบรรยากาศที่ช้าลง การพักที่เกสต์เฮาส์แถวสะพานมอญก็ดีมาก ราคาย่อมเยา และสามารถชมวิวสะพานในตอนกลางคืนได้ ก่อนไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า อาหารในสังขละบุรีก็เป็นอีกความประทับใจที่ต้องลอง ชิมอาหารชาวมอญแท้ ๆ ที่ใช้เครื่องแกงและเครื่องเทศต่าง ๆ สด ใหม่ และกลิ่นหอม ผสมกับผลไม้อร่อย ๆ และขนมพื้นถิ่น ที่ช่วยเติมเต็มความทรงจำในการเดินทางครั้งนี้ สรุปแล้ว การไปสะพานมอญและสังขละบุรีเหมือนการเดินทางผ่านกาลเวลา ธรรมชาติและวัฒนธรรม จากสะพานไม้เก่าแก่ที่ก้าวผ่านมาหลายรุ่น ไปจนถึงรอยยิ้มของคนมอญ ที่นี่ให้ทั้งความสงบ ความอบอุ่น และความทรงจำที่ติดตัวเรากลับไป ยิ่งถ้าได้แวะชมวิถีชีวิตชุมชนอย่างจริงใจ เป็นทริปที่มีเรื่องเล่าให้เล่าซ้ำ ๆ ได้หลายครั้งเลยค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาส อย่าลังเลที่จะไปเยี่ยมเยือนที่นี่ พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า พิธีกรรมทางศาสนา การล่องเรือชมวัดจมน้ำ และมิตรภาพของคนท้องถิ่นจะทำให้ความทรงจำที่สังขละบุรีและสะพานมอญ อยู่กับเรานานแสนนาน ไม่ใช่แค่ทริป แต่คือประสบการณ์ที่สัมผัสใจจริง ๆ ค่ะ ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน พิกัด : สะพานมอญ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !