สวัสดีครับ นักเที่ยวสายบุญทั้งหลาย วันนี้ผู้เขียนมีเรื่องวัด ๆ มานำเสนออีกแล้วครับท่าน...วัดที่ว่านี้เป็นวัดที่อยู่ตำบล ขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง เชียงใหม่ เป็นวัดเล็ก ๆ ในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 107 เชียงใหม่-ฝาง เป็นวัดที่ผู้เขียนขับรถผ่านไป ผ่านมาเป็นประจำ และวันนี้ได้มีโอกาสแวะเข้าไปกราบพระเจดีย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด จึงนำภาพมาฝากท่านนักเที่ยวทั้งหลาย มาดูกันครับว่าวัดแห่งนี้มีอะไรดี ๆ บ้าง จุดแรก เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปในวัด จะพบกับพระวิหารหลังใหญ่ประจำวัด โดยทางขึ้นจะเป็นบันไดนาคขดสองตัวอยู่ฝั่งซ้าย-ขวาทางขึ้นพระวิหารเหตุที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยแปลกใจหรือไม่ครับว่าทำไมไม่ว่าวัดไหน ๆ เรามักจะพบเห็นพญานาคอยู่เป็นประจำ นาคมีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างไร ทำไมพระวิหาร อุโบสถถึงมักจะมีพญานาคเฝ้าอยู่ตรงบันไดทางขึ้นหรือแม้แต่บนหลังคาพระวิหารก็มักจะมีพญานาคปั้นประดับตกแต่งอยู่ ผู้เขียนเห็นว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างนี้ครับ ชาวพุทธมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของพญานาคว่าเป็นสัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์ โดยเห็นได้จากตำนานเมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์ได้ทรงเสวยวิมุติสุขเป็นเวลา 7 วัน ก็มีพญานาคแผ่พังพานป้องกันอันตรายหรือสิ่งที่จะมารบกวนแก่พระพุทธองค์ นอกจากนี้ยังพบในพุทธประวัติ เช่น ตำนานของการบวชนาค ( ปฐมเหตุเกิดจากก่อนเมื่อครั้งมีพุทธบัญญัติห้ามสัตว์เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาจึงเป็นที่มาของการขอให้จารึกชื่อว่าก่อนจะมีการบวชขอให้มีการบวชนาคเป็นหมุดหมายสัญลักษณ์ก่อน เป็นต้น ) จึงน่าจะถือว่านาคมีความเกี่ยวข้อง และอยู่คู่กับพระพุทธศาสนามาเนิ่นนาน เมื่อท่านมาถึงแล้วก็สามารถเข้าไปกราบขอพระพระประธานในพระวิหารได้นะครับ จุดที่สอง พระอุโบสถลายไทยมีการประดับตกแต่งเสาพระอุโบสถ ด้วยลวดลายปูนปั้นประดับเกร็ดแก้ว ( แก้วสี ) สวยงามมาก มีการกำหนดเขตสีมาอย่างชัดเจนล้อมรอบบอกอาณาเขตว่าเป็นเขตพระอุโบสถ สำหรับอุโบสถนี้จะใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานอุปสมบท ( บวชพระ ) สวดปาฏิโมกข์ เป็นต้น ก็จะใช้พื้นที่ภายในพระอุโบสถ ซึ่งทางภาคเหนือถือว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ( บางแห่งห้ามผู้หญิงเข้า ) จุดที่สาม พระพุทธรูปปางประทานพร เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรยืนประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระวิหาร เป็นพระพุทธรูปองค์สีทองประทับยืนอยู่บนฐานดอกบัวสีทองสวยงามมาก หากมาแล้วอย่าลืมเข้ามากราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองด้วยนะครับ ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ... จุดที่สี่ พระเจดีย์ 12 นักษัตรพระเจดีย์นี้จะเป็นเจดีย์ทรงยกสูง มีบันไดขึ้นไปด้านบนเพื่อขึ้นไปกราบพระเจดีย์ด้านบนพระเจดีย์นี้จะมีสีขาวด้านบนเป็นสีทองทรงระฆังคว่ำ มียอดฉัตรสีทองอยู่ด้านบนสุด ที่สำคัญมีรูปปั้นพระเกจิอาจารย์อยู่สี่มุมพระเจดีย์ เท่าที่ผู้เขียนรู้จักจะมีหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง สมเด็จพุฒาจารย์โต วัดระฆัง เป็นต้น นอกจากนี้ด้านล่างพระเจดีย์จะมีการประดับตกแต่งลวดลายเป็นรูปนักษัตรแต่ละปีสวยงามมาก อยู่บริเวณด้านข้างพระเจดีย์ ( เป็นการตอกลาย คือ การฉลุแผ่นโลหะ ) เมื่อมาแล้วก็อย่าพลาดกับการที่ต้องกราบขอพรให้ได้นะครับ จุดที่ห้า หอพระไตรปิฎกสองชั้นไม้ลายไทย ท่านทราบหรือไม่ครับว่าหอพระไตรปิฎกนี้มีไว้ทำไม....คืออย่างนี้ครับแต่เดิมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชายไทยมักจะได้รับการศึกษา หรือแสวงหาความรู้จากครูบาอาจารย์ที่เป็นเจ้าวัด เจ้าสมภาร คือ ความรู้ที่ได้ต่าง ๆ จะได้จากพระครับ เห็นหรือไม่ว่าเด็กวัดหลายคนอ่านออก เขียนได้ เป็นใหญ่เป็นโตในสมัยก่อน ๆ ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากวัดทั้งนั้น และวัดจึงเป็นที่มาของแหล่งสะสมความรู้ แหล่งถ่ายทอดความรู้ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ ตำรา ปั๊บสา ( คัมภีร์ใบลาน/กระดาษสาของทางล้านนา ) มีเยอะแยะมากมายซึ่งคัมภีร์เหล่านี้จะเก็บรวบรวมยอดวิชา ( ประมาณว่าเคล็ดลับวิชาต่าง ๆ ) ไว้มากมายผู้เขียนเข้าใจว่า จึงมีการสร้างหอพระไตรปิฎกขึ้นมาเพื่อเก็บคัมภีร์เหล่านี้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งน่าจะใช้เก็บพระไตรปิฎกจริง ๆ ( เท่าที่ผู้เขียนเห็น ) พระไตรปิฎกของคนล้านนา ( คนทางภาคเหนือ ) ส่วนมากจะมีทั้งที่บันทึกลงในปั๊บสา ( กระดาษสา ) หรือใบลานก็พบบ้างในบางวัด เห็นไหมหละครับว่าวัดเล็ก ๆ แต่มีหลายสิ่งที่น่าสนใจจริง ๆ หากท่านมีโอกาส หรือผ่านไปผ่านมาอย่าลืมนะครับแวะมาให้ได้ รับรองเลยว่าสิ่งที่ได้กลับไปแน่นอนความสุขใจ และความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง แก่ครอบครัวครับ...เอาหละครับสำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ...แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ... เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้เขียน ดร.อาบแสงจันทร์ ต.