เราเคยมีความตั้งใจว่า อยากจะไปสักการะ "พระบรมธาตุไชยา" มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี แบบจริงจังเสียที ได้แต่ผ่านไปผ่านมา จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เรามีทริปที่จะขับรถลงใต้ไปทำธุระที่ จ.พัทลุง เห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะ เลยออกเดินทางจาก กทม.ตั้งแต่เช้ามืด เพื่อที่จะได้มีเวลาแวะได้อย่างที่ใจคิด เราขับรถออกจาก กทม. ประมาณตี 5 กว่าจะไปถึงก็เกือบเที่ยง ขับไปตามเส้นทางหลักจนกระทั่งถึง อ.ไชยา จากทางหลวงหมายเลข 41 สังเกตป้ายใหญ่ ๆ มีบอกให้ทราบว่าถึงทางเข้าวัดพระบรมธาตุไชยาแล้ว เราเลี้ยวเข้าไปประมาณ 2-3 กิโลเมตรเท่านั้นเอง วัดพระบรมธาตุไชยา ราชวรวิหาร หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดพระบรมธาตุไชยา ตั้งอยู่ที่ ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเราเดินทางมาถึง เป็นช่วงที่ทางวัดกำลังทำการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์อยู่พอดี แต่เราก็ยังสามารถเข้าไปสักการะพระบรมธาตุได้ พระเจดีย์สีขาวสะอาดตา ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของศิลปกรรมสมัยศรีวิชัยไว้อย่างงดงาม ที่นี่เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน หากใครเดินทางมาจังหวัดนี้แล้วไม่มาสักการะ ถือว่ายังมาไม่ถึงกันเลยทีเดียว หลังจากนำดอกไม้ธูปเทียนไปสักการะพระบรมธาตุแล้ว บริเวณไม่ไกลกันนัก มีวิหารหลวงพ่อโต ซึ่งเมื่อเราเดินเข้าไปภายใน จะพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ศิลปะสมัยอยุธยาประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ บริเวณลานกลางแจ้ง มีพระพุทธรูปซึ่งสร้างในสมัยอยุธยาทำจากศิลาทรายแดง ประดิษฐานอยู่กลางลาน ซึ่งยังอยู่ในเขตกำแแพงวัด นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา ที่เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 09:00 -16:00น. สำหรับใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์สามารถแวะไปชมกันได้ หลังจากนั้นเราเลยถือโอกาส แวะชมทิวทัศน์ของแม่น้ำสายหลัก ที่ใคร ๆ ก็รู้จักดีในนามของ "แม่น้ำตาปี" โดยเราเดินทางไปบนเส้นทางหลวงหมายเลข 41 ตรงมายัง อ.พุนพิน โดยขับรถขึ้นไปชมวิวมุมสูงที่ภูเขาที่ชื่อว่า เขาหัวควาย โดยใช้ถนนข้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ลัดเลาะขึ้นมาด้านบน แม่น้ำตาปีเกิดจากเทือกเขาหลวงในอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านมายังอำเภอต่าง ๆ ของ จ.สุราษฎร์ธานี แล้วไหลออกสู่ทะเลที่อ่าวบ้านดอน โดยความยาวทั้งสายน่าจะประมาณ 232 กิโลเมตร เมื่อมองวิวจากภูเขาจะเห็นแม่น้ำ สวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน เป็นการพักสายตาจากความอ่อนล้า ที่เดินทางมาครึ่งวันได้ดี จากนั้นเลยถือโอกาสแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้าน "ครัวภูนิศา" ซึ่งตั้งอยู่ที่ภูเขาหัวควายนั่นเอง อาหารรสชาติอร่อยและบรรยากาศผ่อนคลายทีเดียว แม้จะใช้เวลาเพียงประมาณ 4-5 ชั่วโมง สำหรับการแวะท่องเที่ยวที่จังหวัดแห่งนี้ แต่ก็นับเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ภาพทั้งหมดโดย : ผู้เขียน