มาแอ่วเมืองน่านนอกจากมาสัมผัสธรรมชาติ ตามดอย ลำห้วย น้ำตก ทุ่งนา มาผ่อมากอยวิถีชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อิ้วเมี่ยน ลัวะ ถิ่น ไทลื้อ เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจสายนักบุญ นักประวัติศาสตร์ นักสถาปัตยกรรม หรือเป็นแหล่งวัฒนธรรมอันเป็นของเมืองน่านตั้งแต่โบราณ เมืองปัวหรืออำเภอปัวมีสถานที่สำคัญต่อประวัติศาสตร์อยู่หลายแห่ง วัดพระธาตุเบ็งสกัดเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งเมืองน่าน เพราะตามประวัติเป็นวัดแห่งแรกของเมืองน่าน วัดพระธาตุเบ็งสกัด ตั้งอยู่ที่บ้านแก้ม หมู่ที่ 5 ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งชาวบ้านแถวนี้เรียกว่าวัดบ้านแก้มนั่นเอง โดยสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเจ้าหลวงพญาภูคา ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองย่างต้นราชวงค์เจ้าผู้ครองนครน่าน และเป็นต้นราชวงค์ภูคา ได้ให้เจ้าขุนฟองผู้เป็นราชบุตรให้ไปสร้างเมืองใหม่ชื่อว่าเมืองวรนคร และพระองค์ท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอยากที่จะสร้างวัดอยู่ใกล้เมืองหรืออยู่บริเวณเมืองวรนครนั้น จึงให้ข้าหลวงในคุ้มหลวงออกเสาะหาบริเวณที่เหมาะสม จึงออกสำรวจพบที่บริเวณหนึ่งซึ่งอยู่บนดอยสูงห่างจากตัวเมืองประมาณ 200 เมตร เป็นลานกว้าง พื้นดินเกลี้ยงเกลารอบเป็นป่าละเมาะ ด้านหลังเป็นเนินเขา เหมาะสมแก่การสร้างวัด และในบริเวณนั้นพบบ่อน้ำอยู่ 1 บ่อ มีความกว้างประมาณ 1.5 เมตร พอสังเกตพบว่าบริเวณปากบ่อไม่พบต้นหญ้าอยู่ที่บริเวณปากบ่อเลย จึงกลับมารายงานแก่เจ้าหลวงให้ทราบถึงความดังกล่าว เจ้าหลวงจึงเสด็จไปทอดพระเนตรพบว่าเป็นจริงตามข้าหลวงกล่าวไว้ จึงสั่งให้ข้าหลวงไปตัวไม้ไผ่มาเพื่อทำการวัดความลึกของบ่อน้ำนั้น แต่พอแหย่ลงไปเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นคือไม้รวกที่ใช้วัดความลึกนั้นเกิดหักเป็นท่อน ๆ 3 - 4 ท่อน เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ ๆ กันถึง 4 ครั้ง ด้วยกัน พอครั้งที่ 5 เจ้าหลวงภูคาก็ตั้งใจอธิษฐานตั้งใจภาวนาว่า ถ้าบริเวณนี้อยากให้เป็นวัดวาอารามที่นับถือของเมืองวรนคร แล้วให้ข้าหลวงตัดไม้ไผ่รวกมาต่อกันให้ยาวแล้วแหย่ลงไปอีกทีก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดิม ไม้ไผ่หักเป็นท่อน ๆ แถมยังมีเสียงดังเกิดขึ้น เจ้าหลวงพญาภูคาจึงได้สร้างพระธาตุครอบบ่อน้ำนี้ไว้ พร้อมทั้งสร้างวิหารไว้ใกล้กันนี้ด้วย เจดีย์เป็นรูปทรงฐานระฆังคว่ำ ขนาดกว้าง 7 เมตร สูง 20 เมตร เป็นมุมแปดเหลี่ยมลดหลั่น กัน เป็นชั้น ๆ ไม่มีลวดลายเป็นศิลปะแบบพะเยา หรือที่เรียกว่าเจดีย์ ทรงพะเยา ซึ่งมีมากที่พะเยา เชียงราย และบริเวณแถบภาคเหนือ ตอนบน ภายในองค์พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะวิหารเป็นทรงสูงแต่หลังคาจะกดต่ำ 2 ชั้น 2 ตับ มุงด้วยแป้นเกล็ด (ทำจากไม้สักทอง) เป็นศิลปะไทลื้อแบบช่างล้านนาเดิม มีลาดบัวที่ฐานตอนล่างของพระวิหาร ด้านข้างของวิหารเจาะหน้าต่างเป็นบานเล็ก ๆ แคบ ๆ หน้าวิหารมีลักษณะเป็น มุขโถงโล่ง ๆ ภายในวิหาร ซึ่งภายในประกอบด้วยเสา เรียงสองแถว ตรงสู่แท่นฐานชุกชี ประตูด้านหน้าวิหาร เป็นประตูใหญ่กว้างและสูงประกอบด้วยลวดลายปูนปั้น วัดพระธาตุเบ็งสกัดเป็นหนึ่งในเก้าวัดที่มาที่เมืองปัวแล้วต้องมาแวะนมัสการพระพุทธรูปพระประทานของวัดซึ่งสร้างขึ้นพร้อมการสร้างวัด คือ พุทธศักราช 1826 และเจ้านายในราชวงค์ภูคา และราชวงค์น่านหลายพระองค์มาบูรณะ การเดินทางจากอำเภอเมืองน่าน ผ่านธนาคารกสิกรไทย กลับรถตรงเกาะกลางเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง 1256 ทางเข้าตรงข้าม โรงเรียนวรนครเข้าไป ประมาณ 200 เมตร และแยกซ้ายอีก 200 เมตร ปัจจุบันมีการจัดงานนมัสการสรงน้ำพระธาตุเบ็งสกัดทุกปีในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 เหนือ (ขึ้น 15 ค่ำเดือน 3) ทางเข้าประตูหน้าวัด ทางขึ้นบันไดบริเวณข้างวัด เดิมใช้เป็นทางเข้า หอระฆัง สร้างแบบศิลปะล้านนา กุฏิสงฆ์หลังใหม่ สร้างแบบศิลปะล้านนาร่วมสมัย กำแพงเมือง สร้างบริเวณตีนดอยทางขึ้นบันได ภาพหน้าปก และภาพประกอบ Photo by บ่าวไตยลื้อเมิงโป