รีเซต

รับพลังจากท้องมังกร รับปีมะเส็งแก้ชง-เสริมมงคล ที่วัดเล่งฮกยี่

รับพลังจากท้องมังกร รับปีมะเส็งแก้ชง-เสริมมงคล ที่วัดเล่งฮกยี่
8 มกราคม 2556 ( 10:07 )
62.4K

                



รูปถ่ายเดินเท้า

เรื่องเล่าเดินทาง

โดย…อักษรจรจัด

 

 

 

 

 ผมเป็นคนหนึ่งที่จัดอยู่ในจำพวก “ชง” กับเขาในปีนี้ด้วย แถมเพื่อนในก๊วนก็อายุเท่าๆ  กันหมด มหกรรมเดินสายแก้ชงของพวกเราจึงเริ่มขึ้น ระหว่างทางอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพและเก็บประสบการณ์กลับมาฝากทุกท่านด้วย ฉะนี้แล้วผมจึงใคร่ขอเชิญท่านผู้อ่านที่รักของผมทุกท่าน เดินทางตัวอักษรไปแก้ชงกับ “อักษรจรจัด” กันเลยครับ

 

 

 

 

    สำหรับคนท่านใดที่ไม่ชง ตำราเขากล่าวว่า ก็สามารถไปได้เพื่อเสริมดวงที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีกครับ

 

    เนื่องจากชาวคณะสุมหัวปรึกษากันว่า จะให้เข้าไปที่ “วัดมังกรกมลาวาส” หรือวัดเล่งเน่ยยี่ วัดจีนที่ทั้งคนไทยและชาวไทยเชื้อสายจีน เคารพศรัทธาและนิยมไปไหว้ขอพรจนแทบจะนึกภาพได้ว่าช่วงปีใหม่นี้คงจะมองอะไรไม่เห็นนอกจาก คน คน คน และคน เห็นทีจะไม่ไหว สุดท้ายได้มติว่าเราจะไปวัดจีนอีกวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กัน แต่เชื่อว่าคนน่าจะเบาบางกว่า เพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ มาหน่อยหนึ่ง คือที่ “วัดจีนประชาสโมสร” หรือที่คนรู้จักกันในนามของ “วัดเล่งฮกยี่” ที่จังหวัดฉะเชิงเทราครับ

 

    


วัดเล่งฮกยี่นี้อ ถ้าดูตามหลักฮวงจุ้ยของสถานที่ตั้ง เชื่อกันว่าเป็นจุดของ “ท้องมังกร” ในขณะที่ วัดเล่งเน่ยยี่ที่เยาวราช กรุงเทพฯ ถือเป็น “หัวมังกร” ส่วน “วัดเล่งฮัวยี่” ที่อยู่ในจังหวัดจันทบุรี ถือเป็น “หางมังกร” ครับ

    
    วัดจีนประชาสโมสร หรือ วัดเล่งฮกยี่  ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ ตำบลบ้านใหม่ ห่างจากศาลากลางจังหวัด 1 กิโลเมตร เป็นวัดจีนในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานะ วัดเล่งฮกยี่  สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2449 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โดย “หลวงจีนชกเอ็ง” ผู้เป็นศิลย์วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) ที่กรุงเทพฯ วัดแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนวัดที่ขยายมาจากวัดมังกรกมลาวาส โดยชื่อภาษาจีนของวัดเล่งฮกยี่นั้นแปลว่า มังกรแห่งวาสนาหรือมังกรแห่งโชค จึงมีผู้นิยมมาสักการะวัดนี้เพื่อขอให้โลคลาภวาสนา เมื่อครั้งที่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี เพื่อเปิดทางรถไฟกรุงเทพฯ – ฉะเชิงเทรา นั้นได้พระราชทานจนให้ชื่อวัดนี้ว่าวัดจีนประชาสโมสร โดยยังมีป้ายชื่อพระราชทานติดอยู่เป็นมงคลอยู่ที่วัดจนทุกวันนี้

 

    

        ภายในวัดจีนประชาสโมสรมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย  นับตั้งแต่ ทางเข้าพระอุโบสถเพื่อนๆจะเห็นรูปปั้นขององค์จตุโลกบาลองค์ใหญ่และเทวารูปจีนอ้วยโห้ ในชุดนักรบน่าเกรงขาม โดยภายในพระอุโบสถนั้นประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะแบบมหายาน 3 องค์ คือ พระยูไล พระโอนิโทธุด ทำจากกระดาษซึ่งอันเชิญมาพร้อมด้วยองค์ 18 อรหันต์ที่ทำจากกระดาษที่ทำมาจากเมืองจีน และมีเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยอยู่ทางด้านขวาของพระประทานและยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ตามคติจีน แถมยังมีระฆังใบใหญ่น้ำหนักกว่า 1 ตัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ใบในโลกที่รอบระฆังมีการจารอักษรมหาปรัชญาปารมิตราสูตร ที่ถือกันว่าผู้ได้ใดตีระฆังก็เหมือนกับการสวดมนต์ซึ่งได้บุญกุศล นอกจากนี้ยังมีวิหารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น วิหารบูรพาจารย์ วิหารเจ้าแม่กวนอิม วิหารตี่จั๊งอ๊วงและสระนทีสวรรค์ เป็นต้น

 

 

  

 
    บรรยากาศภายในวัด มีผู้มีจิตศรัทธาทยอยมาทำบุญและแก้ชงเรื่อยๆ ถึงขั้นค่อนข้างหนาแน่น แต่ด้วยระบบการจัดการที่ดี ทำให้ไม่มีการกระจุกตัว เมื่อเข้าไปแล้ว จะต้องไปซื้อธูปเทียนกำใหญ่ที่จัดไว้แล้ว พร้อมน้ำมันเติมตะเกียง 1 ขวด ทั้งหมดนี้ชุดละ 40 บาท การไหว้พระและเทพเจ้าทั้งหลายที่วัดนี้แบ่งเป็นจุดๆ มีกว่า 20 จุด แต่ละจุดจะต้องปักธูปจำนวนต่างกัน ซึ่งมีป้ายบอกชัดเจน เช่นเดียวกับพระนามของพระ พระโพธิสัตว์ และองค์เทพเจ้าต่างๆ แม้การเดินไปไหว้ตามจุดต่างๆ ค่อนข้างซับซ้อนอยู่สักหน่อย แต่ด้วยการมีป้ายบอกชัดเจน และการมีวิทยากรเป็นระยะๆ ของวัดที่จัดไว้บริการตามจัดต่างๆ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากๆ จนต้องชื่นชมครับ

 

 

 

 

    ในส่วนของการ “แก้ชง” ปีมะเส็งปีนี้ ทราบกันดีว่าผู้ที่ชงคือผู้ที่เกิดในปีมะเส็ง,ปีวอก,ปีขาลและปีกุน โดยแบ่งชนิดการชงเป็นดังนี้

 

 


         


1.ปีกุน(หมู)ชง(ปะทะ)โดยตรงกับเทพเจ้า “ไท้ส่วยเอี๊ย” และเป็นอริกับปีมะเส็งโดยตรง

2.ปีมะเส็ง(งูเล็ก) ทับไท้ส่วย และยัง “คัก” กับปีมะเส็งเองด้วย

3.ปีขาล(เสือ) ปีร่วมชงไท้ส่วย และยัง “ไห่(ให้ร้าย)” พร้อม “เฮ้ง(เบียดเบียน)” กับปีมะเส็งด้วย

4.ปีวอก(ลิง) ปีร่วมชงไท้ส่วย และยัง “ผั่ว(แตกแยก)” พร้อม “เฮ้ง(เบียดเบียน)” กับปีมะเส็งด้วย

 


   





 ตามความเชื่อของโหราศาสตร์จีนถือว่าคนที่เกิดในปีชงทั้งหมดต้องไปรายงานตัวกับเทพเจ้า “ไท้ส่วยเอี๊ย” ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้เคร่งครัดประจำดาวพฤหัส และเป็นเทพเจ้าผู้ดูแลดวงชะตาด้วย โดยที่ผู้ที่ชง จะต้องไปรายงานตัวกับท่านไท้ส่วยเอี๊ย เพื่อให้ช่วยปัดเป่าหากร้ายแบบเบาๆ เคราะห์จะได้หายไป แต่ถ้าเป็นหนัก ก็จะปัดเป่าให้กลายเป็นเบาได้ครับ

 

 

 

    


ที่วัดเล่งฮกยี่แห่งนี้ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการแก้ชงมานาน และมีรูปปั้นเทพเจ้าไท้ส่วนเอี๊ยให้สักการะบูชาพร้อมบริการแก้ชงของวัด ซึ่งก็คือกระดาษรายงานที่จะใส่ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด พร้อมปีนักกษัตร พร้อมเหรียญศักดิ์สิทธิ์ที่ปลุกเสกแล้วที่เรียกว่า “เหรียญกันชง” โดยปีนี้หน้าเหรียญเป็นรูปมังกร และด้านหลังเป็นยันต์อักษรจีน ทั้งหมดนี้ราคา 150 บาทต่อชุด



 

 

 

 

 

    วิธีการแก้ชงของวัดนี้คือกรอกชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปี เวลา และปีนักกษัตรที่เกิด จากนั้นไปยืนอ่านคำรายงานตัวต่อหน้าเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย เมื่ออ่านเสร็จ นำกระดาษรายงาน ทำลักษณะการโบกโชคร้ายออกจากตัวตั้งแต่หัวจรดแล้ว 12 ครั้ง แล้วนำกระดาษรายงานไปใส่ไว้ในกล่องใต้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย โดยทางวัดจะแยกเป็นช่องๆ สำหรับปีชง ส่วนผู้ที่ไม่ชงแต่มาเสริมดวงก็จะแยกรวมกันไว้อีกช่องหนึ่ง จากนั้นเราก็เก็บเหรียญกันชงที่ได้มาใส่กระเป๋าเงินไว้ นัยว่าจะปกป้องคุ้มครองและอำนวยโชคลาภให้ดีตลอดปี






 

    นอกจากนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดที่คนนิยมไหว้เป็นพิเศษ ได้แก่ เทพเจ้าไฉ่ชิงเอี๊ย อันเป็นเทพเจ้าจีนที่ดูเหมือนจะมีคนรู้จักมากที่สุดองค์หนึ่ง เพราะเป็นเทพแห่งโชคลาภและความร่ำรวย จริงๆ แล้ว จุดอันเป็นที่ประดิษฐานของเทพองค์นี้ก็เป็นจุดที่ต้องไหว้และปักธูปอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะมาไหว้อีกครั้งเป็นพิเศษ และมักจะเอาเงินหรือกระเป๋าเงินลูบองค์ท่าน แต่ที่ได้รับคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากวิทยากรประจำวัดก็คือ ให้เอาปากกระเป๋าเงินเปิดที่ปากถุงเงินของรูปปั้นของเทพไฉ่ชิงเอี๊ย และเอาอีกมือหนึ่งเคาะก้นถุง นัยว่าขอเทโชคลาภเงินทองจากถุงของท่านใส่กระเป๋าของเรา และเมื่อเสร็จพิธีการ ทางวัดจะให้เหรียญนำโชคหนึ่งเหรียญ เป็นเหรียญสลึง ให้เก็บเป็นขวัญถุงครับ

 


 

 


    จุดที่เป็นจุดที่พลาดไม่ได้จุดที่สองก็คือ จุดอันเป็นที่ประดิษฐาน เจ้าแม่กวนอิม จากประเทศจีน แกะสลักจากรากไม้ทั้งต้นอายุประมาณ 100 ปี มีพญามังกรวนอยู่รอบองค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งการสักการะจะมีวิธีการที่เฉพาะมากๆ ครับ เริ่มจากให้ลูบหัวมังกรขึ้น 3 ครั้ง  อธิษฐานเรื่องสติปัญญา ถัดมาเป็นลูบลำตัวมังกรแบบย้อนเกล็ด 3 ครั้ง อธิษฐานเรื่องสุขภาพ และปิดท้ายที่รูปหางตามเกล็ดของมังกร 3 ครั้ง แล้วอธิฐานเกี่ยวกับอนาคต  ที่สำคัญคือห้ามจับหรือแตะต้องหนวดมังกรโดยเด็ดขาด เพราะคนจีนเชื่อกันว่าจะหมดอิทธิฤทธิ์และถ้าขออะไรจะไม่สมหวัง  

 


  


 อีกจุดหนึ่งคือระฆังใบใหญ่น้ำหนักกว่า 1 ตัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ใบในโลกที่รอบระฆังมีการจารอักษรมหาปรัชญาปารมิตราสูตร ที่ถือกันว่าผู้ได้ใดตีระฆังก็เหมือนกับการสวดมนต์ซึ่งได้บุญกุศล อันนี้ก็ต้องตีสามครั้งเหมือนกันครับ

    พิธีการเยอะแบบนี้ แต่จริงๆ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองครับ คนก็ไม่เบียด การบริการของทางวัดก็ดี เรียกว่าประทับใจจริงๆ ครับ ฝากเอาไว้เป็นอีกวัดหนึ่งสำหรับผู้ที่หาที่แก้ชงนะครับ

    ขอให้ทำบุญไหว้พระไหว้เทพด้วยจิตใจผ่องใส ท่านใดที่ชงก็ขอให้ร้ายกลายเป็นดีครับ