รีเซต

ทริปล่า นางพญาเสือโคร่ง ภูลมโล ตะลุยเที่ยวเพชรบูรณ์-พิษณุโลก 3 วัน 2 คืน

ทริปล่า นางพญาเสือโคร่ง ภูลมโล ตะลุยเที่ยวเพชรบูรณ์-พิษณุโลก 3 วัน 2 คืน
aichan
22 มกราคม 2559 ( 16:45 )
21.3K

ช่วงต้นปีอากาศหนาวๆ แบบนี้ ออกไปสัมผัสความหนาวเย็น กางเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติกันดีกว่า! ทริปครั้งนี้เราจะออกไปตามล่านางพญาเสือโคร่งที่จะบานในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ค่ะ และจุดหมายปลายทางของเราก็คือ ภูลมโล ซึ่งมีต้นนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งกว่า 1,000 ไร่เลยทีเดียว จะรอช้าอยู่ไย เก็บกระเป๋าตามไปเลยค่ะ

 

วันที่ 1

ออกเดินทางจาก กทม. เวลาประมาณ 06.00 น. ด้วยรถตู้ มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ระหว่างอยู่บนรถก็งีบเอาแรงกันหน่อย ถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ตอนเที่ยงวันพอดี แวะเติมพลังด้วยมื้ออร่อยๆ กันที่ร้านลาบเป็ดสักหลง(เฮียตี๋) กันค่ะ ร้านอาหารพื้นบ้านไม่หรูหรา แต่รสชาติไม่เป็นรองใคร แต่ละเมนูนี่อร่อยเด็ดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ลาบเป็ด ผัดกะเพราเป็ด ต้มยำเป็ด เป็ดพะโล้ ไปเพชรบูรณ์เมื่อไหร่ต้องห้ามพลาดเลยค่

 

หลังจากมื้ออร่อยเราเดินทางกันต่อไปยังภูทับเบิก แวะไปสำรวจกันหน่อยว่าต้นพญาเสือโคร่งที่นี่บานหรือยัง ผ่านเส้นทางขึ้นเขาแม้จะโค้งชันชวนคลื่นไส้ แต่เมื่อถึงยอดภูเราก็ลืมเรื่องเมารถไปจนหมดสิ้น เพราะว่าอากาศเย็นสบายแถมวิวยังสวยมากๆ ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูทับเบิก (16 ม.ค. 59) ยังบานไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ จึงเห็นวิวภูเขาเบื้องหน้าเป็นสีเขียวสลับสีชมพู สวยไปอีกแบบนะเออ

 

มาภูทับเบิกทั้งทีนอกจากไร่กะหล่ำปลีแล้ว ต้องห้ามพลาดไปชิมสตรอว์เบอร์รี่หวานๆ ค่ะ เราแวะไปกันที่ไร่สตรอว์เบอร์รี่บ่อแก้ว ในบ้านทับเบิก ช่วงหน้าหนาวนี้มีสตรอว์เบอร์รี่ให้เลือกชิมมากมาย สามารถเก็บสดๆ จากต้นกินได้เลย ส่วนใครที่อยากซื้อกลับไป เค้าขายกิโลกรัมละ 300 – 350 บาทเท่านั้นค่ะ สตรอว์เบอร์รี่ที่นี่ทั้งหวานและลูกใหญ่สุดๆ ค่ะ

 

 

ฟินกับสตรอว์เบอร์รี่กันไปแล้ว เราออกเดินทางกันต่อไปยังภูลมโลค่ะ ภูลมโลนั้นตั้งอยู่ใน ต.กกสะทอน จ.เลย อ.ด่านซ้าย จ.เลย ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เราใช้เส้นทางจากบ้านร่องกล้า โดยเปลี่ยนจากรถตู้ไปนั่งรถกระบะที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในหมู่บ้าน เพราะทางขึ้นภูลมโลนั้นค่อนข้างลำบาก เป็นดินแดงมีหลุมเยอะ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถมาเอง แนะนำว่าให้ใช้บริการรถนำเที่ยว ซึ่งคิดคันละ 800-1200 บาทเท่านั้นค่ะ

 

ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเราก็ขึ้นไปถึงภูลมโลค่ะ ร่วมงาน “หนาวลมห่มฟ้า ริมผาสีชมพู @ภูลมโล” ซึ่งปกติแล้วบนภูลมโลจะไม่อนุญาตให้กางเต็นท์ เพื่อรักษาความสะอาดและความสวยงามของธรรมชาติ แต่งานนี้เค้าอนุญาตให้เราสามารถกางเต็นท์นอนได้เพียงครั้งเดียวของปี ถือเป็นโอกาสที่พิเศษสุดๆ ที่คืนนี้เราจะได้สัมผัสความหนาวเย็น กางเต็นท์นอนนับดาว ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามของต้นไม้ใบหญ้าและแน่นอนที่สุด นางพญาเสือโคร่งที่กำลังบานสะพรั่ง!

 

สำหรับงานหนาวลมห่มฟ้า ริมผาสีชมพู @ภูลมโล จัดขึ้นเพื่อเปิดเทศกาลท่องเที่ยวภูลมโล ให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามของของดอกนางพญาเสือโคร่ง ภายในงานมีอาหารบริการและมีการแสดงดนตรีให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนาน ฟังเพลงชิลล์ๆ รับลมหนาว บอกเลยว่าใครไม่ทันปีนี้ ปีหน้าห้ามพลาดเลยล่ะค่ะ

 

วันที่ 2

เรารีบตื่นกันแต่เช้าประมาณตี 5 ครึ่ง เพื่อมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ อากาศหนาวหน็บจนไม่อยากตื่น แต่จะให้พลาดความงดงามยามเช้าแบบนี้ได้ยังไงจริงไหมคะ

 

หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันไปแล้ว เราขึ้นรถกระบะไปชมนางพญาเสือโคร่งกันค่ะ ภูลมโลนั้นถือเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ เราจะได้ยลภูเขาสีชมพูสดใส ดอกนางพญาเสือโคร่งบนภูลมโลนั้นมีให้ชมหลายแปลง แต่ละแปลงจะบานไม่พร้อมกัน จึ่งคาดว่าจะบานให้ได้ชมกันไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์เลยค่ะ (คลิก-เที่ยว ภูลมโล ชมซากุระเมืองไทย ดอกนางพญาเสือโคร่งสะพรั่งสีชมพูทั้งขุนเขา)

 

ชมความงามของนางพญาเสือโร่งกันแบบใกล้ๆ แล้ว เราขึ้นไปยังยอดภูลมโลกันต่อค่ะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เลย และเพชรบูรณ์ จากข้างบนนี้สามารถมองเห็นวิวภูเขาสีเขียวขจีที่สลับซับซ้อน ซ่อนอยู่ภายใต้เมฆหมอก รวมถึงทางขึ้นภูที่ประดับประดาไปด้วยสีชมพูของดอกนางพญาเสือโคร่ง เป็นทิวทัศน์ที่งดงามจนไม่อาจละสายตา

 

แล้วมิชชั่นของทริปเราก็สำเร็จไปด้วยดี เพราะได้ชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งสมใจ เราลงจากภูเพื่อไปตะลุยเที่ยวกันต่อ โดยใช้เส้นทางเดิมคือบ้านร่องกล้า แต่ก่อนจะออกเดินทางแวะเดินตลาดกันสักหน่อยที่ ตลาดนัดเด็กดอย บริเวณโรงเรียนบ้านร่องกล้าวิทยา ทางขึ้นภูลมโล ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เปิดทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 06.30-18.00 น.

 

เมื่อเดินเข้าไปบริเวณแผงขายของ เราก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ชาวเขากล่าวทักทายสวัสดีพร้อมๆ กัน น่ารักเชียวค่ะ ตลาดแห่งนี้มีแต่เด็กๆ เป็นพ่อค้าแม่ค้าสมกับชื่อตลาดเด็กดอยเลย สำหรับสินค้าที่ขายนั้นมีทั้งผักผลไม้เมืองหนาว ดอกกระดาษ และของฝากของที่ระลึกเก๋ๆ ค่ะ (คลิก-เดินเที่ยว ตลาดนัดเด็กดอย บ้านร่องกล้า พิษณุโลก)

 

มื้อเที่ยงวันนี้เราฝากท้องที่ร้านรังทองกันค่ะ ตั้งอยู่ทางเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้านี่เอง เมนูที่ไม่สั่งไม่ได้เลยก็คือ ไก่ทอดกรอบรังทอง เพราะเป็นของขึ้นชื่อของร้าน ทานกรุบๆ กรอบๆ พร้อมกันส้มตำปูปลาร้า กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ปลาทอดสามรส มื้อนี้อิ่มแปลสุดๆ เลยค่ะ (คลิก-ร้านรังทอง ไก่ทอดกรอบ แห่งภูหินร่องกล้า พิษณุโลก)

 

ช่วงบ่ายเราเดินทางไปยังโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า ที่นี่มีลานดอกกระดาษสีสวยให้เราได้ชมค่ะ โดยจะบานตั้งแต่เดือนมกราคมไปถึงประมาณเดือนมีนาคมเลยทีเดียว นอกจากนี้เรายังได้ชมวิวธรรมชาติกันแบบ 360 องศาบนผาชื่อเก๋ไก๋ เช่น ผาพบรัก ผาสลัดรัก ผาคู่รัก และผาไททานิค (คลิก-ทุ่งดอกกระดาษ สีสวยสะดุด เจอกันที่ ผาพบรัก โครงการพระราชดำริภูหินร่องกล้า)

 

ถ่ายรูปกับดอกไม้ ชมวิวธรรมชาติสวยๆ กันแล้ว แวะไปล่องแพชิลล์ๆ กับกิจกรรมล่องแพแก่งไฮ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยซำรู้ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ในพิษณุโลก ที่ให้เราได้สนุกสนานกับการล่องแพในอ่างเก็บน้ำ รับประทานอาหารกับแบบชิลล์ สามารถลงเล่นน้ำ ตกปลา หรือจะนอนชมวิวธรรมชาติกันแบบสบายๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ

 

ค่าเช่าแพวันจันทร์-ศุกร์ เหมาทั้งวัน 300 บาท ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ชั่วโมงแรก 300 บาท ชั่วโมงต่อไป ชั่วโมงละ 50 บาท เหมาทั้งวันราคา 500 บาท

 

ล่องแพชิลล์ๆ กันไปแล้ว เราแวะไปรับประทานมื้อเย็นที่ The Blue Sky Resort @Kao Kho ที่นี่เป็นรีสอร์ทสไตล์ชนบทแถบประเทศยุโรป ตัวอาคารและสวนดอกไม้ตกแต่งอย่างน่ารัก ซึ่งหากได้ยืนอยู่ในรีสอร์ทท่ามกลางภูเขาแห่งนี้ บอกได้เลยว่าเหมือนอยู่ต่างประเทศยังไงยังงั้น ห้องอาหารของโรงแรม ตั้งอยู่ทางด้านหลัง มีที่นั่งทั้งด้านในและตรงระเบียงที่มองออกไปเห็นทิวเขาตระหง่าน

 

สำหรับอาหารนั้นมีทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก อร่อยกันเบาๆ ด้วยสลัดบลูสกาย ผักสดๆ และน้ำสลัดสุดกลมกล่อม มันฝรั่งทอด ต่อด้วยผัดไทย สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล พิซซ่า หรือใครอยากจัดหนักสเต็กที่นี่เค้าก็อร่อยไม่เบา

 

มื้อเย็นวันนี้เราทานกันเร็วหน่อย เพราะว่าเราจะไปชมพระอาทิตย์ยามเย็นที่ผาซ่อนแก้วที่ เดอะ หลุยส์ คอฟฟี่ ร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่ริมผาซ่อนแก้ว นอกจากการจิบกาแฟชมวิวธรรมชาติแล้ว ยังมีลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว และยังโดดเด่นด้วยเหล่าตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ในสวนดอกไม้ ซึ่งจะรอต้อนรับนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปค่ะ (คลิก-เดอะ หลุยส์ คอฟฟี่ ร้านกาแฟเขาค้อ บรรยากาศดี ชิลล์กับหมีเท็ดดี้แบร์สุดน่ารักในสวนสวย)

 

คืนวันที่ 2 นี้ เราพักกันที่เนริสารีสอร์ท รีสอร์ทท่ามกลางธรรมชาติ ห้องพักหลากสไตล์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่สำคัญยังมีสวนดอกไม้สวยๆ เนริสา การ์เด้น ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอีกด้วย (คลิก-สวนดอกไม้สไตล์ยุโรป เนริสา การ์เด้น จุดชมดอกไม้สวยๆ บนเขาค้อ ที่ต้องไม่พลาด)

 

วันที่ 3

ตื่นเช้าๆ กันอีกหนึ่งวัน วันนี้เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่เขาตะเคียนโง๊ะค่ะ เขาตะเคียนโง๊ะเป็นจุดชมทะเลหมอกเขาค้อที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลย ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 2258 บนเขาเราสามารถชมวิวทะเลหมอกแบบ 360 องศา และจากจุดชมวิวมองไปเห็นเขาปู่ และเขาย่า ที่มีลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย (คลิก-เขาตะเคียนโง๊ะ จุดชมทะเลหมอกเขาค้อ 360 องศา สุดอลังการ จังหวัดเพชรบูรณ์)

 

ชมทะเลหมอกยามเช้ากันแล้ว เราแวะไปเที่ยวไร่กาแฟจ่านรินทร์กันค่ะ ไร่กาแฟแห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรปลอดภัยและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมสวนเกษตรผสมผสาน ซึ่งจ่านรินทร์ได้ทดลองปลูกและพัฒนาจนประสบความสำเร็จ และกาแฟของจ่านรินทร์ก็ได้รับความนิยมอย่างมากค่ะ ภายในสวนหลังบ้านที่มีขนาด 2 ไร่ ปลูกต้นกาแฟและพืชชนิดอื่นๆ มากมาย ทั้งกล้วย อะโวคาโด มะยงชิด ส้มโอ เป็นต้น ซึ่งใช้การปลูกแบบอินทรีย์ปลอดสารทั้งหมด

 

จากนั้นเราก็ได้เรียนรู้ขั้นตอนการผลิตเมล็ดกาแฟค่ะ ตั้งแต่การเก็บเมล็ดกาแฟจากต้น สีเปลือกกาแฟ สลัดเมือกกาแฟ ตากกาแฟ ไปจนถึงการนำเมล็ดกาแฟไปคั่ว ใครที่อยากศึกษาเรียนรู้การทำเกษตรแบบจ่านรินทร์ หรือชอบท่องเที่ยวเชิงเกษตร ต้องแวะไปที่ไร่กาแฟจ่านรินทร์เลยค่ะ (คลิกอ่าน-เที่ยว ไร่กาแฟจ่านรินทร์ เขาค้อ ไปดูขั้นตอนการผลิตเมล็ดกาแฟ ชมสวนเกษตรผสมผสาน)

และแล้วก็ถึงเวลากลับกรุงเทพฯ 3 วัน 2 คืน ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เพราะเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน ประทับใจ และได้ผ่อนคลายความเคร่งเครียดจากการงาน เพชรบูรณ์-พิษณุโลก ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเพียบให้เราไป หยุดยาวครั้งหน้า คงไม่พ้นเก็บกระเป๋าไปเที่ยว “เมืองต้องห้ามพลาด” ทั้ง 2 แห่งนี้กันอีกแน่นอน

 

 

ขอบคุณทริปดีๆ จาก ททท.สำนักงานพิษณุโลก

 

**บทความรีวิวร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และแนะนำวางแผนเที่ยว เป็นบทความที่ทางเว็บขอสงวนลิขสิทธิ์ผลงานการเขียน ห้ามทำซ้ำ หรือคัดลอกเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บอื่นๆ และสื่อตีพิมพ์ จนกว่าจะได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทีมงาน

 

 

ติดตาม travel.truelife.com อีกช่องทางที่

ทุกเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาหาร และที่พัก คลิกที่ http://travel.truelife.com