"ระยะทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์คน" อยากพิชิตใจชาย ก็เลยไปขึ้นภูกระดึงจ้า ฮิ้ววว''' การเดินทางเที่ยวภูกระดึงฤดูฝน กับเส้นทางสุดหฤโหด (ใครบอกให้มาฤดูฝนเนี้ยะ - - !) การจองเข้าอุทยานผ่านแอพพิเคชั่น Que-Q บนมือถือ และจองเต็นท์ผ่านเว๊บไซต์อุทยานค่ะ (แอบจองยากเพราะคนเข้าพร้อมกัน เว๊บไซต์ล่ม เราก็ให้เพื่อนจองให้ค่ะ ถ้าช่วงคนเยอะจะจองยากนิดนึงค่ะ) ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท และประกันอุบัติเหตุ 10 บาทค่ะ เผื่อลื่นล้มหัวแตก จะได้มีคนแบกไป รพ.ค่ะ 555+ เราจะต้องเดินผ่านฐานทั้งหมด 9 ฐานค่ะ แต่ละซำ ก็จะมีความลาดชัน แตกต่างกันไป คิดว่าไปเข้าค่ายลูกเสือแล้วกัน อย่าลืมพกไม้ไผ่ ที่อุทยานวางเตรียมไว้นะคะ เพราะว่าไม้จะช่วยพยุงตัวเราได้ดีมากเวลาเดินค่ะ ช่วงที่เราไปคือฤดูฝนประกอบกับมีพายุเข้าพอดี ฝนจึงตกตลอด มีหมอกตลอดค่ะ ทางเลยเป็นขี้โคลนเละมากๆ หินก็ลื่นมากๆ มีนักท่องเที่ยวลื่นล้มด้วยนะคะ ยังไงก็ควรหารองเท้าในการเดิน Trekking โดยเฉพาะ แต่ข้างบนซำ ก็จะมีรองเท้า เค้าเรียกว่า สตั๊ดดอย ขายค่ะ มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ ถอดรองเท้าฝากไว้ที่ร้านค้าตามซำ แล้วซื้อรองเท้าเปลี่ยนเลยค่ะ กระเป๋าสัมภาระ จะแบกไปเองก็ได้ค่ะ หรือว่าจะจ้างลูกหาบก็กิโลละ 30 บาทค่ะ แต่เราแบกขึ้นไปเองค่ะ ก็ไม่ได้ยากนะคะ ชิวๆ กันไปค่ะ แวะพักผ่อนในทุกซำ จะมีแตงโม หวานเย็น ผลไม้ ไอติม ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ให้ทานตลอดทางค่ะ ไม่ต้องแบกอาหารไปเลยค่ะ ข้างบนก็มีร้านอาหารรองรับนักท่องเที่ยวค่ะ ร้านอาหาร ผลไม้ หน้าซำแคร่ ระหว่างทางเราก็จะพบเพื่อนนักท่องเที่ยวที่เดินสวนกัน ต่างให้กำลังใจกันให้ไปถึงจุดหมายให้ได้ เราว่าพิสูจน์ตนเอง ความเพียรพยายาม และความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง มันสุดจริงๆ ณ จุดนั้น ซำแรก จะเหนื่อยสุดๆ 1,200 เมตร หรือ 1 กิโลเมตรแรกๆ คือ เหนื่อยๆ สุดๆ ค่ะ แต่ถ้าพี่ cardio ออกกำลังกาย ฟิตเนสประจำ คงจะไม่ยากค่ะ หลังจากนั้นร่างกายเราจะเริ่มชินกับสภาพอากาศและการเดินป่า ไปเรื่อยๆ จากนั้นเดินรวดเดียวได้ ซำกกกอก ซำกอซาง ไปจนถึง พรานพานแปร แล้วก็พัก ระหว่างทางก็ชมธรรมชาติ ชมดอกไม้ริมทางไปเรื่อยๆค่ะ ดอกกระเจียวสีขาว อยู่ใต้ธารน้ำตก มีน้ำชุ่มชื่น สดชื่นปอดดีจริง เห็ดก็มีนะคะ เห็นว่าสวยดีเลยถ่ายรูปมาชมค่ะ ภูกระดึง คือ ป่า ค่ะ จะต้องเตรียมใจว่าเข้าป่าค่ะ ยุงและ ทากดูดเลือด เตรียมถุงเท้ากันทากไปด้วยนะคะ ไปซื้อตามซำ ก็มี ราคา 30 บาทค่ะ ข้างบนร้านอาหาร 60 บาทค่ะ ผงขาวโรยกันทากถุงละ 20 บาท ก็แล้วแต่จะเลือกนะคะ หรือ เราจะเตรียมที่ฉีดยุงซอฟเทลไปเองก็สามารถช่วยได้ค่ะ ซำกอไผ่ หมอกลงจัดแทบมองไม่เห็นป้ายเลย อากาศชื้น ฝนตก คือ แบบนี้ตลอดการเดินทาง แต่ในบางช่วง ซำท้ายๆ ก็จะเริ่มมีบันไดบ้างค่ะ แต่ว่ามีความชัน ควรระวังลื่นด้วยค่ะ และจาก ซำแคร่ ขึ้นไปหลังแปร 1,300 กิโลเมตร ก็จะมีความลาดชันระดับเหวค่ะ หวาดเสียวสุดๆ บันได้อันสูงชัน ถ้าเราเดินขึ้นไปแล้วอย่ามองกลับหลังค่ะ เดี๋ยวจะวึด แต่ขาลงก็แอบขาสั่นนิดๆค่ะ ให้เราค่อยๆจับราวบันได้ แล้วก้าวถอยหลังลงทีละขึ้น เหมือนไต่บันได้มากกว่าขึ้นบันได้ค่ะ 555+ พอขึ้นมาถึงหลังแปร เราก็จะเจอทางราบค่ะ แต่จะต้องเดินประมาณ 4 กิโลเมตร กว่าจะถึงลานกางเต็นท์ที่ทางอุทยานเตรียมไว้ รูปนี้เราว่าธรรมดาไป ทุกๆคนมาถึงหลังแปร ก็จะแวะถ่ายที่ป้ายนี้ว่ามาพิชิตภูกระดึง แต่เราว่าระหว่างทางที่เป็นก้อนหิน หน้าผา และต้นไม้ใบหญ้านั้น น่าถ่ายรูปมากๆ แต่ด้วยความที่จะเดินอย่างไรให้ปลอดภัยจึงไม่ค่อยได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเท่าไรนัก อันนี้หรือเปล่าที่เรียกกันว่า แม่คะนิ้ง ดอกหญ้าริมทางค่ะ ธรรมชาติ คือ ธรรมชาติ เป็นความสวยงามที่ไม่ต้องปรุงแต่ง แค่เดินไปเฉยๆ ก็สามารถรับรู้และสัมผัสได้ถึง หมอกไอเย็น ที่ทำให้เราสดชื่นอย่างชุ่มปอด เปรียบเสมือน ผู้หญิงตื่นเช้ามาหน้าสดก็สวยธรรมชาติโดยไม่แต่งหน้า 555+ เอ๊ะ! นั่น ต้นอะไรคะ หม้อข้าวหม้อแกงลิง ใช่มั้ยคะ รูปต้นสนสีเขียว ฝั่งที่ไม่โดนไฟไหม้ค่ะ ร่องรอยของไฟไหม้ป่าเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาค่ะ ไฟมาป่าหมด จริงๆนะคะ ทางเดินราบก็จริง แต่ระหว่างทางฝนตกตลอดทาง จึงทำให้ทางเดินมีแต่โคลนค่ะ จะเดินยากลำบากมากๆค่ะ ระหว่างลื่นในการลุยโคลนด้วยนะคะ บริเวณที่กลางเต็นท์จะมีทากดูดเลือด Land Leech ซึ่งเราจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะจะมีเชื้อแบคทีเรียที่มากับทากค่ะ ควรไปเที่ยวฤดูหนาวค่ะ (ไม่ควรไปฤดูฝนหรือช่วงพายุแบบนี้นะคะ) เนื่องจากพายุโมลาเบเข้าติดต่อกันหลายวัน เราจึงเปลี่ยนแผนค่ะ เรานอนที่ภูกระดึง 1 คืนค่ะ หลังจากนั้นเรานั่งรถ ไปที่ บขส.เมืองเลย เพื่อที่จะไปเที่ยวเชียงคานค่ะ เพื่อนๆ สามารถที่จะต่อรถ ป.1 บอกว่าไปเชียงคาน ราคาเพียง 38 บาท หรือจะนั่งแท๊กซี่ไปหารกับเพื่อนก็ได้ประมาณ 500 บาทค่ะ บรรยากาศถนนคนเดินเชียงคานในวันเสาร์ค่ะ ก็จะมีร้านค้า ขายอาหารมากมาย ข้าวจี่ หรือข้าวเหนียวปิ้งชุบไข่ ไม้ละ 10 บาท อันนี้เราชอบมาก 555+ ที่จริงแล้วเราเคยมาเดินเชียงคานแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน แต่เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนไป เชียงคานในวันนี้ไม่เหมือนในวันก่อน มีโฮสเตลมากมาย หลายราคา ร้านขายของชำ ขายของที่ระลึก ร้านขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ผ้าขาวม้าเพียบเลยค่ะ รูปที่มีทุกบ้านค่ะ เป็นภาพวาดสีน้ำ สวยงามมากๆค่ะ จากการเดินถนนคนเดินตอนกลางคืนแล้ว จะปั่นจักรยานชมเชียงคานตอนกลางวันชิวๆ ก็จะเงียบไปอีกแบบค่ะ วัดพระศรีคุณเมือง: วัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงคานค่ะ ซึ่งถูกสร้างโดยกษัตริย์เมืองหลวงพระบางค่ะ ตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้างค่ะ แหนมคลุกป้าแห่ว : ร้านจะอยู่ซอยข้างๆ วัดพระศรีคุณเมือง แซ่บหลาย ขอบอก ที่พักโฮสเตล: บ้านลอยฟ้า ริเวอร์ไซส์ Bann Sky House Riverside จองจาก Booking.com คืนละ 900 บาทค่ะ ประตูบ้านใครไม่รู้ แต่ภาพวาดสวยดี เลยแชะมาซะหน่อย 55+ เป็นภาพที่บ่งบอกถึงความเรียบง่ายของเมืองเชียงคานในสมัยก่อน วิถีชีวิตริมแม่น้ำโขง สายน้ำเชื่อมสัมพันธ์ไทย ลาวนั้นตั้งแต่สมัยโบราณมา ภาพพระเดินบิณฑบาตร ตักบาตรข้าวเหนียวจึงเป็นเอกลักษณ์อย่างนึงของเมืองเชียงคานค่ะ ล่าสุดมีบริการรถรับส่ง เชียงคาน สนามบินเลย ของแอร์เอเชีย คนละ 250 บาทเท่านั้น สะดวกสบายมากๆ สามารถโทรให้มารับที่หน้าโฮสเตลได้เลย โทรจองได้ที่เบอร์ 097-320-6963 เราใช้เวลาในการท่องเที่ยวเลย 4 วัน 3 คืน ครบทุกรส โหด มัน ฮา สนุกสนาน ชิวสบายริมโขง ถ้าเพื่อนๆมีรถ และมีเวลา ก็สามารถแวะไปที่ แก่งคุดคู้ พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทดำ สกายวอคก์ ภูทอก ซึ่งไม่ไกลจากเชียงคานมากค่ะ "การเดินทาง ของฉันและเทอ คือ การเรียนรู้ และทั้งหมด ก็คือ เรื่อง มหัศจรรย์ ที่เราได้พบกัน ในกาลครั้งนึงที่เราจะจดจำไว้ในใจตลอดไปค่ะ" ดีใจนะที่เราได้รู้จักธรรมชาติมากขึ้น ดีใจนะที่เราได้พบกันค่ะ...หลง ฮัก เลย ^^ เครดิตภาพ Icecream_Sunday