สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ เราอยากมาแชร์ทริปฮีลใจล่าสุดของเรา นั่นก็คือ "เกาะเสม็ด" ทำไมเราถึงเลือกเกาะเสม็ด? เหตุผลง่ายๆเลย คือใกล้กรุงเทพ และเราต้องการฮีลใจแบบด่วนจี๋ โอ้ยยย ร้อนๆๆ.. อันที่จริงทริปนี้เราไปแบบไม่ค่อยวางแผนเท่าไร เครียดๆหลายๆเรื่อง ตอนแรกจะลาออก แต่พอมีเรื่องที่ทำให้เรายังตัดสินใจลาออกไม่ได้ เราเลยตัดสินใจอยากออกไปเที่ยว เราจึงหาที่เที่ยว อยากออกมาพักจากวังวน ความรู้สึกที่ไม่สบายใจที่เราเจอ เลยเป็นทริปที่เกิดค่อยข้างเร็วเฉียบพลันมาก ก็เลยตัดสินใจลองไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรก แล้วก็อยากจะลองถ่ายคลิปลงยูทูป เก็บไว้เป็นความทรงจำเล่นๆบ้าง แต่พอถือกล้อง ก็แทบไม่กล้าพูด 555 ปกติเราจะขี้อายมาก ยกกล้อง พอคนเยอะๆ ก็เขิน เอากล้องลง ทริปนี้เลยได้รูปมาฝากให้เห็นน้อยมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เราทำอะไรแบบนี้ ทริปนี้เลยได้เป็นคลิปมาทั้งนั้น พอมาดูคลิป ก็กลายเป็นว่า ถ่ายอะไรมาไม่รู้ ไม่มีความปะติดปะต่อ ไม่มีความหามุมกล้องใดใดทั้งสิ้น 55+ แต่ก็เอาเถอะ มันก็สนุกดี ฮาๆตัวเองดีนะรีบเข้าเรื่อง!!เราทำงานอยู่แถวศรีนครินทร์ เตรียมกระเป๋าตั้งแต่พฤหัสเย็น และศุกร์เราก็มานั่งทำงานจนถึง 15.00 น. (ลางาน 2 ชม.) ขยันไหมล่ะ มาดูก๋ากั่นของเรากัน!!เริ่มเลอออ.....ออกเดินทางวันศุกร์ที่ 25 ส.ค.2566 เวลา 15.00 น. เรากลัวนั่งรถตู้ไม่ทัน เลยนั่งแกรปไปโลดด ราคา 120 บาท เปลืองตั้งแต่วันแรก 555 ถึงสถานีเอกมัย 15.40 ได้รอบรถ 16.00 พอดีค่ะ **สู้ชีวิตสุดๆ ไปทั้งชุดทำงาน เตรียมใจไว้แล้วแหละ ฉันถึงดึกแน่ อย่างน้อยนั่งรถตู้ก็ 3 ชม. เราหาข้อมูลมาก่อนแล้ว**ท่าเรือจะเปิด 08.00 - 18.00 น. ราคา 100 ไป-กลับ แต่เราก็หาข้อมูลว่ามันมีเรือตอนดึกไหม? เพราะเราไม่อยากเหนื่อยเดินทางเสาร์ นอนค้างอาทิตย์แลัวกลับ เดี๋ยวเที่ยวไม่อิ่ม เราก็เสริชหลายๆที่ ข้อความเป็นกลางๆว่า มีเรือ 24 ชม. แต่!!!!!!!!!!! เป็นเรือเร็ว สปีดโบ๊ท แบบเหมานะคะ ก็คือรอคนครบ 20 คนถึงจะออกจากฝั่ง ลำนึงมันก็ตก 2500-3000 ก็ตกคนละ 125-150 ประมาณนี้ ไปกลับ ก็ประมาณ 300 รถออก 4.00 น. ณ สถานีเอกมัย ลงทีบ้านเพ บอกเขาแค่ว่าไปเกาะเสม็ด ราคา ไปกลับ 400 ละแกจินตนาการออกใช่ไหมว่า กว่าเอกมัยออกบางนา แล้วดันเป็นเวลาเลิกงาน กับเลิกเรียนอ่ะ 5555 ฉันก็ใช้เวลาเดินทาง ตั้งแต่ 4 PM. - 8.30 PM. (4.30 ชม. ไปเล้ยยย) ฉันนั่งรถจนเหี่ยวว ฟังเพลงจนหมด playlistตอนใกล้ถึงท่าเรือ จู่ๆเราก็เกิดความกลัว และกังวลขึ้นมา เพราะคนทยอยลงๆรถ และยิ่งดึก คนที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกับเราก็ยิ่งน้อย และเวลานั้นฉันก็เร่งหาข้อมูลใน Pantip และที่คนเคยลงรีวิวอีกรอบ ด้วยคีร์เวิร์ดที่ว่า "ไปเกาะเสม็ดตอน 2 ทุ่ม อันตรายไหม?/น่ากลัวไหม?/ มีเรือไหม?/ ราคาเท่าไร" และเวลามันก็สองทุ่มแล้ว จวนจะถึง ฉันก็เห็นคนไทยคู่นึง กับคนไทยกับสามีฝรั่งอีก 1 คู่ เราก็เลยหันไปถามคนที่นั่งข้างหลังเรา พี่ผู้หญิงคนไทย เพราะเขามากับสามีเขาที่เป็นชาวต่างชาติ เราค่อนข้างมั่นใจว่าพี่แกต้องไปจุดหมายเดียวกับเราแน่นอน เราจึงหาเพื่อนร่วมทริปเพื่อความสบายใจ เรา: พี่คะ พี่ไปที่เกาะเสม็ดเหมือนกันใช่ไหมคะ พี่ผู้หญิง: ใช่ค่ะ พี่จะไปเกาะเสม็ด แต่ไม่รู้เลยว่าจะมีเรือรึเปล่า น้องได้จองไว้ไหมคะ?เรา: ไม่ได้จองเลยพี่ พี่ผู้หญิง: ถ้าเรือไม่มีพี่ก็อาจจะหาที่พักบนฝั่ง แล้วนั่งเรือไปพรุ่งนี้ ฟังแล้วใจแป้วเลย และบนรถ มีคนนั่งข้างหน้าเราหนึ่งคู่ ซึ่งก็ไปเกาะเสม็ดเหมือนกัน เท่ากับว่า เวลานี้มีเรา 5 คน รวมฉันด้วย ไปที่เดียวกัน และเวลาที่เราไปถึงท่าเรือ ท่าเรือก็จวนเจียนจะปิดแล้ว ท่าเรือปิด 21.00 น. ฉันก็ภาวนาสุดใจขอให้มีเรือ 24 ชม. ขอให้มีคนรอออกอยู่ท่าเหมือนกัน (ที่เขาว่า มีเรือ 24 ชม. ต้องรอคนครบ 20 คน ถึงจะออก)พอลงรถเวลา 20.30 เท่านั้น บรรยากาศรอบๆมันเงียบมาก มืดมาก คนไม่มีเลย มีแต่เราบนรถตู้ รวมเราด้วย 5 คน พอลงรถ พี่อีกคู่คนที่นั่งหน้าฉันเขาก็ถามฉันว่า พี่อีกคู่: น้องมาคนเดียวเหรอ ถ้าไม่มีเรือทำไงเนี่ย?เรา: หนูก็คงต้องหาที่พักแถวนี้พักพี่ แฮะๆๆ ในละแวกนั้น ก็มีคนงานนั่งดริ้งค์กัน สองสามคน คงจะเป็นคนพื้นที่ บวกกับบรรยากาศรอบๆมืดไปหมด ตรงจุดที่ขายตั๋ว แทบจะดูอะไรไม่ออกว่าเขาขายตั๋วกันตรงไหน คุณลุงโชเฟอร์ขับรถตู้มีเบอร์ติดต่อท่าเรือ เขาเลยโทรเรียกให้ พี่อีกสองคู่เขาก็เสวนาหารือกัน และฉันถึงจะดูไม่สนใจ แต่หูฉันนี่แทบจะไปร่วมวงสนทนากับเขา จิตใจของฉันแทบอ้อนวอนพวกเขา ไปเถอะนะ พี่ๆที่น่ารัก ขอความรักความเมตตา จนคนขายตั๋วเรือเร็วมา เขาก็บอกว่าต้องเหมาเรือนะเวลานี้ ไม่มีเรือแล้ว ลำละ 3000 ก็ถ้า 5 คน ก็ตกคนละ 600 ฉันก็ช็อคไปเลย ฉันเลยถามเขาไปว่า "ลดอีกได้ไหมคะ" ด้วยแววตาเหมือนลูกแมว ซึ่งส่งผลให้เขาตอบว่า... "ไม่ได้แล้วค่ะ" เห่อๆๆๆ เอาล่ะ แล้วอีก 2 คู่ก็เจรจากันใหม่ แต่ดีที่คนขายตั๋วเสนอตัวเลือกให้ว่า 600 นี่ให้รวมขากลับด้วยเลย พี่ๆเขาก็มองหน้าฉัน เขาก็คงสงสารฉันด้วยแหละ 555 เราก็เลยตกลงกันว่าจะไปคืนนี้ ใจฉันและกระเป๋าตังค์ฉันก็เบาไปเป็นกอง (ร้องไห้) 555 จากนั้นฉันก็รอคนขับเรือประมาณ 10 นาทีได้ ระหว่างนั้นเราก็ถามพวกพี่ๆเขาว่าพักที่ไหนกันคะ? คืนละเท่าไร? พี่คู่คนไทยเขาก็จองไว้ประมาณ 2700+/คืน ที่หาดทับทิม อีกคู่จองไว้ 4000+/คืน เขาจองที่หาดพร้าว ฉันนี่เงิบ 555 ของพี่เขาจะต้องเป็น Full Service แน่ๆ แบบ 5 ดาว ฉันเลยไม่อายที่จะบอกราคาที่ฉันจองที่อ่าวไผ่ไว้ ที่พักของเรา 3 ดาวนะคะ ราคา 1,882.2 บาท กับส่วนลด agoda 10% ที่ฉันภูมิใจนักหนา เหลือ 1722.10/2 ตกคืนละ 861.05 เป๊ะมะตัวเลข 555 พวกพี่เขาก็อึ้ง ถามฉันกันใหญ่ที่ไหน ซึ่ง ณ ตอนนั้น ฉันก็ไม่เห็นที่พัก รู้แค่ในรีวิวว่า ใกล้กับอ่าวไผ่แค่ 300 m แค่เดินก็ถึง แต่ไม่มีอาหารเช้าให้ และฉันก็รู้ว่าไม่อาจไปเทียบกับที่พักพวกพี่ๆเขาได้ ซึ่งมันก็คืองบที่ฉันมี!! ฉันขอแค่ที่ซุกหัวนอนพอ! ก่อนหน้านี้มีความคิดแวบนึงที่อยากจะลองพัก Hostel ก็คือมันจะถูก อยู่ที่ 500+ แต่ห้องน้ำรวม+ไม่แยกชาย/หญิง เราเลยรู้สึกว่า เอาแค่ทีละ step ก็พอ 555 ยังไม่กล้าออกจาก Comfort Zone ตัวเองขนาดนั้น1. ฉันไม่ชอบห้องน้ำรวม2. ฉันอยากมาพักผ่อนแบบส่วนตัว3.อยากนอนหลับลึก หลับลง4.ฉันอยากแก้ผ้า แต่งหน้า เปิดแอร์ฉ่ำๆตามใจตัวเองทริปนี้ฉันเลยขอมาพักผ่อนแบบสบายใจก่อนละกันนะพอถึงท่าเรือที่มีนางมหาสมุทรนั้น ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายไว้ แต่รูปที่ได้ ควรจะประมาณนี้ รูปที่ฉันได้คือความมืดมิด ละมืดมิดไปทุกแห่งหน รถสองแถวก็ต้องเหมาไปคนละ 100 ไปจุดอ่าวต่างๆ ของเราอ่าวไผ่ ซึ่งก็ต้องยินยอมขึ้น รีบไป Check in ให้สบายใจถึงละ ห้องพัก เวลา 21.40 น. ก็ถือว่าโอเค แบบธรรมด๊า ธรรมดาสำหรับเรามาก ราคาปกติสำหรับโรงแรม 3 ดาว ถ้าอยากเห็นสภาพจริง ให้ไปดูใน Youtube นะคะ ของเราพักเป็นบังกะโล มีคนเคยแชร์เขาบอกว่าถ้าพักในตึก ห้องจะดีกว่านี้ค่ะ แต่เรทราคา 800 ที่ดูๆมา มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้ถึงกับแย่เบอร์นั้น มีแอร์ มีทีวีให้ น้ำอุ่น ก็อยู่ได้แล้วออกมาหาข้าวทานมื้อแรกตอน 22.30 เป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดา ก็ใหญ่อยู่นะ ไม่มีคนเลย เงียบมาก อาจจะเป็นเพราะว่าดึกแล้วก็เป็นได้ข้าวผัดกระเพรา+ไข่ดาว มื้อแรกก็ปาเข้าไป 80 บาท รวมน้ำก็ 100 พอดี ยัง ถึงแม้ดึกแล้ว ขอไปสำรวจสักหน่อย พี่ร้านข้าวตามสั่งเขาแนะนำร้านนึงมา เดินไปประมาณ 200 เมตร อยู่ฝั่งตรงข้ามทะเล เลยจัด Cocktail มาเซิฟๆดู 1 แก้ว เอาบรรยากาศ เราก็ได้คอกเทลผลไม้รวม ติดเปรี้ยว ชื่นจายมา 1 แก้ว ราคา 150 บาท บรรยากาศร้านนี้ ชื่อร้าน GECKO BARรูปที่ควรจะถ่ายรูปที่ถ่ายแบบไม่คิด 5555 เพราะยังไม่คิดว่าจะมาทำคลิปจริงจังภายหลัง หัวจะปวดกับตัวเองจริงๆเพลงสากล ตื๊ดๆ Dance กันอย่างเมามันส์ มีแต่ต่างชาติจริงๆ แต่งตัว ซะเราดูเป็นเด็กเลย 555 แต่งตัวแซ่บๆกันทั้งนั้น ตอนแรกฉันนั่งตรงบาร์ที่บาร์เทนเดอร์เสิร์ฟ ดูบรรยากาศไป มันก็เขินๆอ่ะ เหงานิดๆ ถ้ามีเพื่อน ละเหล้าเข้าปาก มันคงสนุก กล้าเต้น เลยยกคอกเทลล์มากินโซนคนน้อยๆ มองไปริมทะเล ด้วยความที่เราจิบคอกเทลไม่เป็น หมดไว เหมือนหิวน้ำมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แกก็เวอร์ตลอดอ่ะ เลยกะว่าจะไปหาร้านนั่งต่อริมหาด ซึ่งหน้าที่พักเรามีอยู่ 2 ร้าน โดยบาร์ที่มีชื่อเสียงมากของอ่าวไผ่คือ ซิลเวอร์แซนด์บาร์ (Silver Sand Bar) คนไม่มีเลย ดูเหงามาก ก็นั่นแหละ เราอาจจะมาผิดเวลามั้ง ปกติ บาร์นี้เขาจะโชว์กระบอกไฟ ประมาณ 3-4 ทุ่มได้ (Silver Sand Bar)รูปที่ควรจะถ่ายรูปที่เราถ่าย 555+โซนในร้านคือ Dance กระจาย ใจเราอยากนั่งร้านที่เปิดเพลงชิวๆ สากล ริมทะเล แต่อ่าวไผ่ที่เราอยู่มีอยู่ 3 ร้าน และเรายังไม่มีมอไซต์+ดึกแล้ว อยากกินกรึ่มๆ ละนอน แต่ดีที่ร้านนี้ยังทำพื้นที่ริมหาด ให้เท้าเราได้เหยียบทราย ดื่มด่ำบรรยากาศเสียงคลื่น และลมยามจันทรา ซื้อเบียร์ขวดใหญ่ 150 บาท กรึ่มจริงๆ มาถึงห้องก็ชวนให้นอนหลับสบาย อ้อ ไม่ลืมที่จะสวดมนต์ต่างที่ เห็นแบบนี้ ฉันก็กลัวอยู่นาา 555 เอาล่ะ Goodnight (ความเหนื่อยทำงาน+เดินทาง+ความวิตกกังวลก่อนมาถึงเกาะ ได้มลายหายไปในตอนที่ เท้าเหยียบทราย+เบียร์เข้าปาก+บรรยากาศ เฮ้อออออออออออ... หลับลึกของจริง) ปล. ฉันเปิด TV เป็นเพื่อนทิ้งไว้ทั้งคืน เช้ามาก็ดูหนังจักรๆวงษ์ พอดี เริ่มต้นวันเสาร์ที่ 26 ส.ค.66 เวลา 9.00น. ซึ่งฉันไม่ได้ออกจากห้อง แต่ฉันพึ่งตื่น 555 ออกจากห้อง 10.00 น. เช่ารถมอร์ไซต์หน้าที่พัก วันละ 300 บาท/ ถ้า ชม. คิด ชม ละ 100 ใช้บัตรประชาชนเป็นหลักประกัน เช่ารถตอน 10.30 ก็คือวันอาทิตย์ 10.30เราได้รถ Honda Scoopy คันนี้มา ชอบมากก เราไม่เคยขับรถแบบนี้มาก่อนอ่ะ อยู่บ้านก็ขับแต่สับเกียร์ รถHonda รุ่นเก่า และฉันสตาร์ทไม่ได้ ป้าก็มีทีท่าไม่ไว้วางใจ 5555 หนูขับเป็นไหมลูก เพราะฉันเงอะงะอยู่นาน เคยขับของเพื่อนอยู่ แต่เราแค่กดแบรกไม่ลึกพอให้รถสตาร์ท พอรู้ทริคปุ๊ป ฉันก็เบิ้ลโชว์ป้าไป 1 กรุป พร้อมแว๊นจุดที่ 1 อ่าวไผ่ เราเลยสำรวจอ่าวไผ่หาดหน้าที่พักเราเป็นหาดแรก อยู่ห่างจากท่าหน้าด่านประมาณ 1.2 กิโลเมตร ซึ่งอ่าวไผ่จะอยู่ติดกับ หาดทรายแก้ว และหาดทับทิม หาดทรายแก้วจะเป็นหาดที่มีความยาวที่สุด น้ำใส และทรายขาวมาก พอมาพัก ก็รู้สึกว่า อ่าวไผ่ตอบโจทย์เรามาก เพราะอ่าวนี้มีแต่ต่างชาติ คนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่านเท่าไร หรืออาจจะช่วงนี้ ส.ค. เป็นหน้าฝน คนเลยมาไม่เยอะ สำรวจไปพักนึก ก็คอลหาแม่ เพราะแม่ทักมาตอนเราลง Instagram เมื่อคืนนี้ว่าไปไหน เราเลยบอกว่ามาคนเดียว 5555 แม่เราก็งงเลย บอกว่าล้อเล่นเหรอ แล้วถามอีก ไปกับใคร? ยัง ยังจะไม่เชื่ออีก 5555 และในที่สุดก็เชื่อ พร้อมกับร่ายยาวด้วยความเป็นห่วง เราไม่กล้าบอกแม่ตอนขามาเลย เพราะรู้ว่าบ่น 100% ตอนแรกเราบอกเพื่อนสนิทว่าจะมา จนมาถึงแล้ว เพื่อนถามว่า ทำงานเสร็จรึยัง จะคอลหา เราเลยบอกนั่งรถ นางเลยบอกไปไหน นี่ก็เลยบอกไปเกาะเสม็ดไง ละเพื่อนก็นึกว่าพูดเล่นๆเฉยๆ แบบคิดว่าคงไม่ไปจริง ก็อย่างว่าละ ใจมันเรียกร้องอ่ะนะ 555 12.00 น. ละ หาอะไรกินดีกว่า บึ้นๆไป กินข้าวร้านริมหาดที่ Avatars Resort เราสั่งข้าว แกงกะทิทะเล+ น้ำสัปปะรดปั่น ข้าวคือดีย์ คือเริส คืออร่อย สมราคามันแหละ 555 น้ำสับปะรด สดชื่น ใช้ได้ แต่เคยกินที่อร่อยกว่านี้ มื้อนี้ปาไป 335 บาท แต่เราไม่สนหรอกนะ ค่อยไปเครียดหลังทริป อิอิ อิ่มท้องละ เราก็เดินสำรวจหาดต่อ ก็เห็นฝรั่งอาบแดด มีโต๊ะอาบแดดให้เช่า 80 บ้าง 50 บ้าง และเห็นบางคนเอาผ้ามาปูนอนใต้ร่มไม้ อ่านหนังสือไปด้วย ฟีลดีเวอร์ อยากนอนบ้างจัง เราแอบเห็นชิงช้าหน้าหาด ตรงที่เราไปกินข้าวเมื่อสักครู่ เลยแวะไปนั่ง บรรยากาศดีมาก ลมพัด คลื่น กลิ่นทะเล และมีคุณป้าเดินมาขายของ ขายอาหารที่พัก คอร์สนวด เราเลยยืนคุยกับป้าพรางๆ ว่าผ้าที่คุณลุงเขาปกติขายผืนเท่าไรคะ ลุงเขาขาย 250 บาท ป้าเลยบอก นู้นไปซื้อลุงแถวหาดทรายแก้วดีกว่า ขายผืนละ 150 เอง ลุงคนนี้ขายแพง ความที่เราไม่อยากมูฟจากตรงนี้ ฉันก็เดินไปถามคุณลุง ลุงก็ยังยืนยัน 250 ฉันเลยบอก 150 นะลุง ลุงขอ 200 ฉันก็ยืนยัน 150 ลุงคงรู้ไต๋ 555 ก็โอเค 150 ก็ 150 และป้าก็ยืนพอใจอยู่ข้างหลังฉัน ก็ขายคอร์สต่อ ไหนๆก็ซื้อผ้ามาแล้ว อุดหนุนป้าบ้าง แต่เราก็แอบอยากนวดแหละ แบบอยากมานาน ชั่งใจ เพราะนวด 350 บาท/ชั่วโมง ฉันเลยบอกป้าว่า 350 มันแพงเกินไป ป้าเลยให้ 300 เค ฉันเลยตกลงรับคอร์ส ถึงจะรู้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดป้าก็เถอะ ฉันเลยเล็งทำเลไว้ 1 ที่ ที่ฉันจะไปนอน นั่นก็คือตรงนี้ ให้ต้นไม้นี่ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าชื่อต้นอะไร ป้าบอกชื่ออยู่ แต่รู้ว่าเย็นมาก ใกล้คลื่นสุดๆ และป้าก็เดินตามมา Location ที่ฉันได้ปักหลักไหว้ ก่อนนวดก็ไหว้ 1 กรุป ฉันจะบอกว่า มัน Feel So Good มากกกก ชอบมาก ชิลล์มาก ป้านวดน้ำหนักพอดีเลย ฟินสุดๆ เฮ้อ ดีจุง จุดนี้อากาศดีมาก คลื่น ร่มเงาสุดๆ นวดเสร็จ ก็มีพอค้ามาขายน้ำมะพร้าวแท้ 100% มีหรือที่คนอย่างฉันจะไม่ซื้อ พ่อค้าก็เฉาะใช้ตรงนั้นไปเลย ลูกละ 50 บาท ดูวิวคลื่น บรรยากาศ+ฟังเพลงที่ชอบ และฉันเจอเพลงใหม่ คือ นึกภาพความฉลาดของ Spotify ออกใช่มะ มันจะรันเพลงที่เราชอบมาให้สักวันหนึ่ง ฉันได้มา 2 เพลง ณ โมเม้นส์นั้น นั่นก็คือ Heaven - Mitski และเพลง Monolithic - Cults จากปกติที่ฟัง Playlist ที่ชอบ + บรรยากาศให้เลย 100% ดันมาจากเพลงใหม่ที่เป็นแนวที่ฟัง เอาไปเลยความ Feel Good น้ำตารื้นๆ 120% ความสุขนี้ ฮือ.. ฉันนอนได้ 2 ชม. ตัวมันไม่ยอมมูฟจากที่นี่ แต่น้ำทะเลที่ขึ้นมาทำให้ฉันต้องเคลื่อนย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น 2 ชม.ก็อิ่มละ เลยตัดสินใจไปตะลุยอ่าวอื่นบ้าง ไหนๆก็เช่ารถมาละ 1 วัน เดี๋ยวจะพลาดอะไรไปแล้วก็แว้นไต่ตามทางมาที่ อ่าวทับทิมนะคะ จุดที่ 2 อ่าวทับทิม เราถ่ายแต่คลิปจริงๆ รูปที่ได้เลยแคปมาอีกที จัดว่าอ่าวนี้เป็นอ่าวส่วนตัวเลยก็ว่าได้ เล็กๆ อบอุ่น คนไม่ได้เยอะมาก เหมือนหาดส่วนตัว คนส่วนใหญ่อาบแดด ที่นี่มีบังกะโลติดทะเลเลย ที่พักเรายังได้เดินออกมา ที่นี่ฟีลดีสุดๆ คนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย จองเลยค่ะที่อ่าวทับทิบ แต่เราไม่แน่ใจเรื่องราคา แต่คิดว่าแพงแน่นอน น่าจะ 1500-3000 นะคะ ที่นี่มีบาร์ เรกเก้ด้วยนะ ชื่อ Happy Bar เห็นป้ายเขียน 2-6PM ดื่มเบียร์ชิวๆ ทั้งวัน ฟังเพลงโยกเบาๆ ต่อมา จะแวะอ่าวนวล เจอคู่รักรถมอไซต์ขับขึ้นมาไม่ได้ เขาบอกเราว่า อย่ามาเลย มันลำบาก 555 เลยเลยแว้นผ่านอ่าวนี้ไปเลยบึ้นๆมาต่อกับ อ่าววงเดือนจุดที่ 3 อ่าววงเดือนหาดนี้จะถ่ายเยอะหน่อย เด็กๆน่ารักมากๆเอาจริงๆ ที่นี่คล้ายกับอ่าวทับทิมมาก แต่เราแอบรู้สึกว่าที่นี่ทรายขาว กับน้ำใสกว่า ดริปกันไม่มาก เรามารู้สึกที่นี่จะสงบกว่าอ่าวทับทิมกว่าหน่อยนึงนะ แต่สำหรับเรา เรารู้สึกว่าเหงาเกินไป 555 แต่คนที่ชอบความสงบ ก็แนะนำเลย หาดนี้มีเน็ตวอลเลย์ริมหาดให้เล่นด้วยนะ น่าจะเป็นช่วงที่เรามา low season คนเลยน้อยรึเปล่า ไม่แน่ใจแฮะ ต่างชาติมาเป็น Family เยอะส่วนใหญ่ต่อไป อ่าวแสงเทียนจุดที่ 4 อ่าวแสงเทียน อันที่จริงหาดนี้เดินทะลุมาจากอ่าววงเดือนได้นะ เดือนต่อๆกันมา แต่ตรงนี้เขากั้นเขตเอาไว้ น่าจะเป็นรีสอร์ทส่วนตัว เพราะเขาไม่ให้นำมอร์ไซต์เข้าไป เป็นอ่าวเล็กๆ สั้นกว่า อ่าววงเดือนนะ ส่วนตัวมากๆ ที่พักตรงนี้ดูจะหรูหรา ส่วนตัวมากเลยล่ะ เรารู้สึกตรงนี้ส่วนตัวมากกว่าอ่าววงเดือน ถ้าเดือนไปอ่าววงเดือนก็จะมีคนพลุกพล่านบ้างในที่สุด เราก็มาอยู่จุดชมวิวHighlight.. จุดชมวิว จุดนี้คนมาถ่ายกันเยอะมาก เราไม่ได้ถ่ายจุดนี้เลย โมเม้นต์นี้ ถ้ามากับเพื่อนคงดี เพื่อนจะได้ถ่ายรูปสวยๆให้ และเราก็เจอจุดไฮไลต์ ถ้าดูทางดูๆ ทางขวามือจะมีโพรงหญ้าให้เดินทะเลเข้าไป ความรู้สึกที่เจอวิวตรงนั้นคือ เหมือนหลุดไปเจอนาเนียร์ แกก็เวอร์เกินอีกละ แต่มันสวยมาก สวยจริงๆ ร้องคำว่าสวยออกมาไม่หยุดปาก แบบ เฮ้ออ นี่แหละที่ต้องการ มันจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกวะ ตอนแรกอยากจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่อ่าวพร้าว ป้าคนนวดแกแนะนำมา พอมาเจอจุดนี้ ร่างกายไม่มูฟเลย เรานั่งอยู่นี่นานมาก คนก็ถ่ายแต่อยู่จุดตรงกลางที่เขาฮิตกัน เราก็สงสัย คือเขาไม่รู้ว่ามีทางเดินนี้เหรอ เขาไม่สังเกตกันเหรอ เรานั่งจุดนั้นเป็น ชม. เป็น ชม.จริงๆนะ ก็ยังไม่มีคนหลงเข้ามา หรือว่าฉัน...ฉันน หลงมาอยู่ในอีกมิตินึง!! แกก็เวอร์เกินอีกละ 5555 พอเราเดินออกมา ก็มีคู่รักกำลังเดินลงมา เราเลยบอกเขาว่า ตรงนี้สวยมากเลยค่ะ ตรงนี้ไม่มีใครเดินมาเลย แต่สวยมากจริงๆ คืออยากแชร์อ่ะ มันจะดีแค่ไหนนะ ถ้าได้ดูพระอาทิตย์ตกดินมุมนั้นกับคนรัก ขนาดมาคนเดียวยังฟินขนาดนี้และมีทางให้ไปต่อจากจุดชมวิว ก็คือ อ่าวปะการัง ท้ายสุดละจุดที่ 6 อ่าวประการัง ข้างทางก่อนจะมาถึงอ่าวนี้ ก็เป็นป่ายาวพอสมควรเลย มีเนินลงสูงๆลงไป ตอนแรกหัวหัวรถกลับไม่กล้าลงอ่ะ กลัวหน้าทิ่ม แต่ก็เห็นคนขับลง เลย เอาวะ ไหนๆก็มาแล้ว ไม่น่ายาก และก็ยังมีชีวิตมาเล่าให้ทุกคนฟัง ณ ตอนนี้ 555 ไม่ยากๆ เราผ่านได้ เธอก็ต้องผ่านได้!! ในใจว่าคิดว่า ฉันจะทันไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่อ่าวพร้าวไหมน้าา แต่ก็เอาเถอะไหนๆก็มาขนาดนี้ ขอชมให้ครบ กลัวจะพลาดสิ่งสวยงามไป และพอมาถึง เอกลักษณ์ของที่นี่ เราว่าน่าจะเป็นกองหินที่ถูกน้ำเซาะ น้ำประทะกับกองหิน แล้วสวยมากเลยค่ะ อ่าวนี้ลมแรงมาก อ่าวนี้คนมาตกหมึก ปีนเขา ดำน้ำกันนะคะ แต่เราสำรวจไม่ทั่ว เดินขึ้นมาบนเนิน แล้วพักหายใจตรงชิงช้าชั่วครู่ ก่อนจะบอกให้มูฟไปอ่าวพร้าวได้แล้วนะ สักทีแว๊นทางกลับมา ณ อ่าวพร้าวจุดที่ 7 อ่าวพร้าวแกดูสภาพฉันเล่นน้ำนะ 555 ฉันเลือกหาดเล่นผิดจริงๆ หาดนี้ขึ้นชื่อเล่นเสิร์ฟ โต้คลื่นด้วย ฉันโดนคลื่นซัดเข้าฝั่ง 3-4 ลูกอ่าวพร้าวตอน 17.00 ซึ่งดูไม่ออกว่าพระอาทิตย์ตกไปรึยังนะ อ้ะ ฉันว่าตกไปเรียบร้อยแล้วจ้าา 5555 อ่าวนี้ลมแรงมาก คลื่นก็แรงมากเช่นกัน อ่าวนี้มีเสิร์ฟให้เล่นโต้คลื่นด้วย เราเลยไปนอนตรงที่นอน ลมแรง บรรยากาศดี นอนจนน้ำขึ้น เลยขอไปเล่นน้ำนิสนึง ตั้งกล้องพร้อมถ่าย ละคลิปที่ได้คือ สภาพ..น่าสงสารชีวิตตัวเองมากนะ คลื่นแรงมากจริงๆ+ ช่วงตอนเย็นน้ำขึ้น ฉันเลือกเล่นผิดที่ผิดเวลาเองแหละ เห็นคลิปละขำ หิวข้าววก่อนมานี่ 16.30 ละ เราได้เติมพลัง เลยเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง แบบร้านธรรมดาเลย ไม่ได้สวยหรู ถ้าจำชื่อร้านไม่ผิด ตากับยาย ขายอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวไก่ เราเลยจัด มาม่าก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ราคา 70 บาท น้ำเป๊ปซี่ แก้ว 25 มื้อนี้หมดไป 95 บาท แต่รสชาติว่าไม่ได้น้าา อร่อยอูมามิมากๆ เข้มข้นจนไม่ต้องปรุง ให้เยอะมาก อิ่มท้องไปเลยมื้อนี้และแล้ว ฉันก็ถึงห้องตอน 18.00 น. ตกใจมาก คือวันนี้แว้นทั้งวัน ตัวไหม้เลยค่ะ OMG!! แนะนำ โบ๊ะกันแดด 10 ชั้น ทาทั้งวันไปเลย อาบมันไปเลยนะ ไม่งั้นเธอจะเจอแบบนี้!!! 55555555555555555 ขำแห้ง รักษาไปยาวๆ กว่าจะหาย แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยยย หาข้อมูลมา เขาจะมีเล่นกระบองไฟตรงหน้าร้าน พลอยทะเล ตอน 20.00-20.30 น. อาบน้ำเสร็จ เราก็ออกไปหาดทรายแก้วตอน 19.30 เดินเล่นๆ ริมหาด ไปดูโชว์ไฟร้านอื่น ด้วย สวยมาก กินเครปหน้าร้านพลอยทะเล ถ้าจำไม่ผิด 70 บาทนี่แหละเดินเล่นไป เดินเล่นมา คนเยอะมาก แบบมากๆๆ ยิ่งร้านพลอยทะเล เป็นร้านไฮไลค์ที่นี่นะ แน่นมาก แน่นจริงๆ เรากินก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว เลยอยู่ท้องยาวๆเลย การแสดงก็อลังการมาก เลยให้ทิป 20 (น้อยแหละ 555) ขอร่วมเฟลมกับเขา 1 วิ 5555 เอาคอนเทนต์ แต่แกเก่งจริงๆ ต้องซ้อมกี่รอบ ถึงจะเป๊ะขนาดนั้น สมการรอคอยจริงๆจบการแสดงไฟ เราก็มาดริ้งค์ร้าน... ที่เรามาวันแรก นั่งชิวริมหาดเหมือนเดิม เบียร์ 1 ขวด ก็เหลือเกินแล้ว 555พอละวันนี้ จบที่ 5 ทุ่ม กลับห้อง นอน / ตายสงบ ศพสีชมพูของจริง ไม่ฝันอะไรเลยจริงๆ หลับลึก แบบลึกมาก ลึกเกิ๊นนน--------------------------------------------------------------------------------------------------------วันสุดท้ายละ 27 ส.ค.66รีบตื่นมาตอน 6.00 น. เพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น ก็เปลี่ยนแค่ชุด ล้างหน้า แปรงฟัน ทากันแดดหนาๆ หน้าไม่ต้องแต่ง กลัวจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น เลยเดินออกมาหน้าหาดอ่าวไผ่ เดินไปมา มีคนมารอพระอาทิตย์ขึ้น รอถ่ายรูปแสงตอนเช้า มีฝรั่งมาเล่นโยคะด้วย สุดจริง เรานั่งรอ น้อง Sun ก็ยังไม่เกิด เลยเดินเลยเถิดไปหาดทรายแก้ว คนน้อยมาก รู้สึกหาดกว้างมาก แบบกว้างมากๆ แสงพระอาทิตย์กำลังออก แต่ถูกเมฆบดบัง สวยมากก แต่ก็ยังไม่เห็นน้องเป็นดวงๆ เขตแบ่งพรมแดน อย่างเห็นได้ชัด ดูจากทราย กำลังจะข้ามไปหาดทรายแก้วละน้าาาWelcome หาดทรายแก้ว ทรายละเอียดเกิ๊นนน ขาวจั๊วะสู่หาดทรายแก้วยาวเช้า ทอดยาวสวยมาก คนไม่ค่อยมี ทำให้วิวดูกว้าง สบายตาสุดๆและเราเลยตัดสินใจไปจุดชมวิว ใกล้หาดลุงดำ จุดที่เราชอบมากที่สุด อยากให้พระอาทิตย์ขึ้น ณ จุดนั้น มันคงสวยมากๆ แบบมากๆ สวยตะโกนสรุปน้องอาทิตย์ขึ้นฝั่งตรงข้ามกับเส้นขอบทะเลเลยจ้า ก็เผาหลังฉันไปเลย 555 พูดแล้วอยากจะร้องไห้ แต่จุดชมวิวตรงนี้ก็ยังคงตราตรึงใจเราอยู่ดีอ่ะ พอตอนเช้า สีน้ำทะเลก็เปลี่ยนเป็นสีครามสดใสขึ้น นั่งเหม่อไปหลายช๊อต เสพบรรยากาศนี้ไว้ให้ได้มากที่สุดก่อนกลับ (กลับไปทำงาน) อะฮือ พูดแล้วเศร้า ได้เวลากลับที่พักไป อาบน้ำ เก็บของ แล้วงงมากนะ คือตอนมาของพอดี ตอนกลับยัดไม่หมด 5555 เลยบอกพี่ค้ามอไซต์ว่าถ้าหนูขอขับไปซื้อกระเป๋าผ้าเพิ่ม 1 ใบได้ไหมคะ เดี๋ยวรีบเอารถมาคืน พี่เขาก็โอเค เขาก็บอกขับไปเลย ค่อยเอามาคืน พี่ ผช ใจดีมาก เลยได้แวะไปซื้อกระเป๋าผ้าสีครีม เสียไป 400 ใบนี้ไง 555 และเดินไปหาดที่คนไทยเยอะที่สุด และเป็นหาดที่ทรายขาวที่สุด คนเยอะที่สุด น้ำใสที่สุด ของกินเต็มข้างทาง"หาดทรายแก้ว" ไงล่ะแวะกินข้าวก่อนกลับที่ร้าน Chilli Hotel & Restaurantไปกินข้าวที่ร้าน Chilli Hotel & Restaurant สั่ง ต้มยำกุ้งน้ำข้น + ส้มตำปูปลาร้า + ข้าวเปล่า + น้ำสับปะรดปั่น ใกล้ท่าหน้าด่าน หมดไป 400 บาทต้มยำคือข้นของจริง 555 ข้นเกิ๊นน รสชาติโอเค แต่เราว่ามันข้นผิดปกติ 555 แต่ก็อร่อย งงไหม ต่อมา ตำปูปล้าร้า อร่อยมาก ให้ 9/10 ตัดไป 1 คะแนน เพราะเส้นมะละกอที่ยาวเกินไป ยาวเกินไปจริงๆ ยัดเข้าปากไม่หมด และมันเปื้อนอ่ะ แต่ก็ชอบ รสชาตินัวปลาร้า คือดีมาก ส่วนน้ำสัปปะรดปั่น ที่นี่ปั่นใส่นมด้วยอ่ะ เดิมที่ก็ไม่ค่อยได้ความเป็นธรรมชาติของสับปะรดอยู่แล้ว ใส่นมสดยิ่งเพี้ยนใหญ่ แต่ปั่นสมูทตี้ดี รวมๆ ให้ร้านนี้ 7/10 ละกัน ทานเสร็จ แล้วก็ขับมอไซต์กลับจะเอามอไซต์ไปคืน ละก็ผ่านกับ "รูปปั้นนางเงือก" ที่ หาดทรายแก้ว ก็แวบไปถ่ายสักหน่อย เดียวจะหาว่ามาไม่ถึง 555ถ่ายเสร็จก็กลับ ทางกลับก็เจอร้านสร้อย กำไร แฮนเมดอ่ะ สวยมากร้าน Makra Maeชอบอันนึง พอค้าบอก 550 ฉันก็ขอพ่อค้า 500 ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ถึง แต่ก็ยังจะสิ้นเปลือง Unlimit และฉันก็ได้สมใจ ก็ใส่ให้หน่อยจิพ่อค้า อิอิกลับได้แล้วค่าา ฉันเอามาไซต์พ่อค้ามาตะลอน ชม.กว่า เกือบจะไม่ทัน Check Out ถ้าอยู่เกินคุณป้าคิด ชม.ละ 200 ผมนี่รีบวิ่งขึ้นไปเอากระเป๋าไม่ทันอันที่จริงเราจองรถตู้ไว้ 17.00น. แต่เราลืมคิดไปว่า Check out 12.00 เลยเช็ครอบเรือมีแค่รอบ 13.00 กับ 15.00 ฉันเลยต้องเอาบ่ายโมง ละโทรไปเช็ครถตู้ มีตอน13.30 น. แม้ค้าบอกทัน เรือออก 13.00 นั่งเรือเร็ว 15 นาที Check Out ละ ตอนนี้รอรถเวียน ถ้ารถเวียนจะไม่เสียเงิน ถ้ารถสองแถวจะต้องเหมาคัน หรือต้องหาคนหาร ซึ่งรอรถเวียนนานมาก จวนจะ 12.30 ละ กลัวขึ้นเรือไม่ทัน เลยขอหาร กับนักท่องเที่ยวคนอื่น ซึ่งมีน้อยนักที่เขาจะเหมากลับ แต่ในที่สุดก็ได้หารกับเขา คนละ 50 บาท ฮืออ พวกพี่ๆที่ขับรถสองแถวคือใจดีมาก พยายามหาคนหารให้เรา บอกว่ารอรถเวียนก็ได้ ไม่เสียเงิน ถ้าไม่รีบถึงท่าเรือละทุกคน รอเรือออก 13.00 น.บ้ายบายเกาะเสม็ด Bye Byeมาถึงฝั่งก็ขึ้นรถตู้เลย ไม่ทันได้ซื้อของฝากใดๆ ถึงละ กทม. ณ 17.00 น.กลับบ้านนนนนน พน.ทำงาน ลาก่อน ฮืออ-------------------------------------------------------------------------------------------------ขอสรุปค่าใช้จ่ายง่ายๆ ทริปนี้ของเรา (จัดทำเพื่อ เพื่อให้เพื่อนๆประเมินงบค่าใช้จ่ายกันได้ง่ายๆ)ค่าที่พัก 1723 -. /ทั้งหมด 2 คืนค่าแกรปจากที่ทำงานมา เอกมัย 120 -.ค่า รถตู้ ไป-กลับ 400 -.ค่าเรือเร็ว ไป-กลับ 600 -.ค่ารถสองแถวส่งที่พัก 100 -.ค่าข้าวกระเพรา+ไข่ดาวมื้อแรก 100 -.ค่าคอกเทลล์ 1 แก้ว 140 -.ค่าเบียร์ 1 ขวด 150 -.ค่าเช่ามอไซต์ 300 -.อาหารมื้อแรกวันที่ 2 ราคา 335 -.ค่าผ้าปูนอนหาด 150 -..ค่านวด 300 -.น้ำมะพร้าว 50 -.ก๋วยเตียว+เป๊ปซี่ 95 -.เครป 70 -.ทิป 20 -.เบียร์ 150 -.กระเป๋า 400 -.อาหารมื้อแรกวันสุดท้าย 400 -.ค่ากำไล 500 -.รถสองแถวขากลับ 50 -.ค่าแกรปกลับหอ 87 -.สรุป รวมแล้วทริปนี้ 1723+120+400+600+100+100+140+150+300+335+150+300+50+95+70+20+150+400+400+500+50+87 = 6240555555 ทริปบานปลาย ถ้าตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก อันที่เราไฮไลค์ ก็คือเซฟไปได้เยอะเลยนะ ตีไปกับของไร้สาระ เรา ก็สัก 1500 บาทได้เราก็จัดว่ากินหรูอยู่นะ ตามใจตัวเองสุดๆ มาเที่ยวทั้งที ก็อยากมาพักผ่อนจริงๆ6240-1500 = 4740 ถ้าสมมติมา 2 คน ก็หาร2ทริปนี้มาแบบ กินหรู นอนไม่ลำบาก งบกับเพื่อนคนละ 2500 ยังได้เลย **ถ้ามีเพื่อน ทุุกอย่างก็จะหาร 2 หาร 3 มาเยอะยิ่งถูกมาก สนุกมาก คุ้มมาก มีคนถ่ายรูปสวยๆให้ด้วยนะ**(อ้อ ทริปนี้เราเสียดายที่ไม่ได้ไปดำน้ำ ถ้าจำไม่ผิดที่ถามมา ดำน้ำจะตกโปรแกรนมคนละ 600+)** เราขอบรรยายการมาทริปนี้คนเดียวของเรา เรารู้สึกว่าเราชอบมาก ชอบมากจริงๆ ชอบทั้งที่ตัวเองกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone คือเราเป็นคนอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้วโดยปกติ เราก็จะชินกับการที่ไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้ คือมีเพื่อนก็ดีนะ แต่เราอยู่กับตัวเองได้ดีเหมือนกัน แต่ถึงแม้เราจะอยู่กับตัวเองได้ดียังไง มันก็จะมีช่วง หรือโม้เม้นต์นึงที่แอบคิดถึงเพื่อน เช่น ตอนกินข้าว ตอนกินเหล้า ตอนเห็นวิวสวยๆ เรากับเพื่อนต้องร้อง กระโดด ดีใจเหมือนกันแน่ๆเลย คงจะคอมเม้นต์อะไรเยอะแยะไปหมด พอได้มาเที่ยวคนเดียวมันก็ดีไปอีกแบบ เราอยากจะนอนตรงไหนก็นอน อยากนั่งตรงไหนนานๆก็นั่ง อยากจะกินอะไร อยากจะแต่งตัวยังไง มันทำให้เราไม่ได้สนใจใครขนาดนั้น ปกติที่เคยถามเพื่อนว่า ใส่ชุดนี้ดีไหม แต่พอมาคนเดียว ก็แค่ใส่ แล้วก้าวออกมา คนอื่นเขาคงไม่ได้สนใจเราขนาดนั้น อยากจะใส่อะไรก็ใส่ เราก็เป็นตัวของเราในแบบที่ไม่เคยเป็นมากก่อน ได้ปล่อยให้หัวสมองมันไหลไปกับคลื่นทะเล ถึงแม้จะมาเที่ยวไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ว่าจะมาสัก 7 วันก็เถอะ 555 เรายังอยากที่จะเที่ยวต่ออีกเลย ยังอยากจะมี 1 วันที่นอนเฉยๆสักมุมหาดมุมใดมุมนึง อีก 1 วัน ดำน้ำ ชมปะการัง ปล่อยใจจอยๆ รู้สึกอยากหาทริปต่อไปเลย ทริปเที่ยวคนเดียว ชอบซะแล้วสิขอจบการบรรยาย จนแทบจะเป็นหนังสือนิยายเล่มนึง ใครอ่านจบบ้างละนี่ 555 ยอมใจ-- THE END-- เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !