"พาตัวเองไปในที่ที่ไม่มีคนรู้จัก เพื่อให้หัวใจทำความรู้จักกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆด้วยนะ" ในที่นี้เราหมายถึง ให้ตัวเองได้เจอบรรยากาศใหม่ๆ สถานที่ หรือแม้กระทั่งมลพิษที่ร่างกายเรายังไม่รู้จัก อย่างน้อยๆ มันจะได้สร้างเกราะให้เราเมื่อไปเจอในวันใดวันหนึ่งที่เราอาจตั้งตัวไม่ทันก็ได้น่าาาาา ง่ายๆ คือ บทความนี้อยากบันทึกการเดินทางของตัวเอง ซึ่งเป็นการออกไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรกด้วยจ้าาาา เพิ่งเข้าจิตเข้าใจเจ้าคำว่า ก้าวออกจาก comfort zone ก็วันนี้แหละจ้า !! อ่ะ ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามาเริ่มท่องเที่ยวกับผู้หญิงตัวเล็กๆ กับเป้ใบน้อยๆของเธอ ท่ามกลางรัฐปีนัง ที่เต็มไปด้วยวิวหลักล้านกันเถอะค่า ขอ present ภาพถ่ายในทริปด้วยภาพฟิล์มทั้งหมดน่า >< การเดินทางครั้งนี้ ขอเล่าสั้นๆ ก่อนที่จะไปถึงฝั่งปีนัง จ้าาา!! เราเริ่มจากการนั่งรถไฟจากหาดใหญ่-ปาดังเบซา (ลงฝั่งมาเลเซียนะคะ) ละเราก็ต่อด้วยการนั่งรถไฟไปลงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ จากนั้นพอลงจากขบวนรถไฟก็ให้เดินๆๆๆ ตามป้ายเพื่อไปยังท่าเรือ อ๊ะๆๆ... ต้องเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อคืนตั๋วรถไฟให้เจ้าหน้าที่ก่อนน่า แล้วค่อยเดินตามป้ายกันต่อ เพื่อไปซื้อตั๋วและเดินไปยังเรือ ferry เพื่อนั่งข้ามไปฝั่งปีนังกันจ้าาาาา งื้อออออ..วิวโคตรดี อากาศร้อนๆในตอนนั้นถูกกลบไปด้วยกลิ่นอายความฟ้าครามของแม่น้ำได้อย่างลงตัว ลมที่พัดเข้ามาตีใบหน้าก็ช่างห๊อมมมม หอม ด้วยความเป็นธรรมชาติที่แท้ทรู มัน...ดี....มากกกก!!! ฮาวทูธิ๊งค์ (think) ทิ้งอย่างไรไม่ให้คิดเรื่องงาน โอยยย..ความเจ็บจี๊ด กับภาพๆนี้ เราตั้งใจกดภาพนี้มากแต่ด้วยความใช้แฟลชมั้ง บวกกับแดดแรงๆ เลยได้มาแบบนี้ แง่! มันสื่อถึงความเป็นวิถีชีวิตของคนที่นี่มากเลยเธอววววววว์ ภาพนี้เราถ่ายเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เดินๆ หาร้านอาหารสำหรับมื้อเช้า อากาศกำลังดีมากกกก >< หลังจากได้เจอร้านอาหาร ปรากฎว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเหมือนฟิล์มม้วนแรกหมดม้วนละ ที่สำคัญคือไม่แน่ใจว่ามันกรอเองหรือยัง อ้าว! เอ้ะ! ยังไง มึนๆ ได้สักพัก เลยรีบคอลไปหาผู้รู้เพื่อปรึกษาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นม้วนที่สองกันจ้าาาาา :O หึหึ..บอกเลย มัวแต่หงุดหงิดกับกล้องไม่ได้ถ่ายรูปอาหารจานเด็ดของเราเลยยยยยยย (ข้าจะไม่กินมันอี๊กกกกกก) สารภาพเลย ไม่ถูกปากเราเลยยยยยย มันเป็นข้าวธรรมดา แล้วราดด้วยน้ำแกงนั่นนี่ ทั้งๆที่ไม่ได้สั่งน้ำแกงนั่นด้วย งื้อ .. (มันคงจะเป็นสูตรของเขานะ) และนี่ก็น่าจะเป็นรูปสุดท้ายของม้วนแรกของเราเองแหละ งื้อ..ภาพสวยกำลังดี (ถ่ายเอง ชมเองจ้าาาา) แล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆ กดถ่ายไปเรื่อยๆตามประสาคนเที่ยวคนเดียว 5555+ ไม่ได้เหงานะ .. ก็จะลอยๆ หน่อยๆ >< ความรู้สึกพิเศษ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อความธรรมดานั้นมีพลัง เราเชื่อเสมอว่า ต่อให้สภาวการณ์นึงเราจะเจออุปสรรค แต่มันก็ต้องมีสิ่งพิเศษซ่อนอยู่เสมอ การไปเที่ยวคนเดียวครั้งนี้ ทำให้เราแอบทำใจก่อนเลยว่าต้องไม่มีรูปตัวเองแน่ๆ แต่แล้วเราบังเอิญเจอคุณลุงท่านนึง แกขายของอยู่บริเวณ street art เห็นเราเดินถ่ายแต่รูปวิว รูปฝาผนัง เลยยื่นมือมาช่วยถ่ายรูปให้เรา (เลยมีรูปตัวเองอยู่รูปนึงนะคะ) มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น และลึกซึ้งนะ สำหรับเรา .... เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรบ้างระหว่างทาง แต่ต้องเชื่อก่อนเสมอว่า มันจะไม่เป็นเรื่องร้ายๆแน่นอนเพราะใจเรามีแต่เรื่องดีๆ อย่างน้อยๆมันจะส่งผลให้คนรอบข้างเอ็นดูเราเองแหละ อิอิ จริงๆแล้วในทริปเราเจออุปสรรคอีกหลายเรื่องแหละ ทั้งเรื่องรถเมล์หมด ต้องตามหา grab กลับที่พักตอนห้าทุ่ม และเรื่องเพาวเวอร์ แบงค์ ดับจนต้องหาร้านอาหารเพื่อเข้าไปชาร์จ แต่ดันนนนนน...เจอว่าปลั๊กในร้านเป็นปลั๊กสามขา ต้องนั่งหงอยอยู่สักพัก จนเจ้าของร้านเอ็นดู(มั้งนะคะ) เลยเดินมาปลดรูปลั๊กให้ คิคิ สิ่งสำคัญในการเดินทางคนเดียว คือ สติ ดังนั้น ทริปนี้สอนเราง่ายๆ สั้นๆเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องมี สติ เจอคนแปลกหน้า ก็ยิ้มไว้ก่อน พ่อไม่ได้สอนไว้ อยากทำอะไรก็ทำ อยากเดินไปไหนก็ไป แต่อย่าลืมกลับไปดูข้อแรก ภาพถ่ายในทริปนี้เราถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม canon prima junior s macro film: kodak color plus200 และ fuji color c200 - กล้องฟิล์มครั้งแรกกับฟิล์มสองม้วน -