วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ที่เราได้จากการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นปีแรก ๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยใหม่ ๆ เผื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นของเพื่อน ๆ ค่ะ ข้อแรกคือเป้าหมายหลัก ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการไปดูอะไรที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งเป้าหมายหลักไว้เลยค่ะ เช่นไปดูฟูจิซัง, ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะ, ไปเล่นสกี เป็นต้นค่ะ เมื่อเราได้เป้าหมายหลักแล้วเราจะได้รู้ว่าเราควรไปลงที่สนามบินไหน ที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่เราจะไปมากที่สุด ข้อสองคือ การจัดที่เที่ยวควรเที่ยวเป็นโซน เราวางแผนให้ชัดเจนว่าเราต้องการไปเมืองบ้าง เลือกแค่ไม่กี่เมืองที่ใกล้กัน ในภูมิภาคเดียวกัน และที่สำคัญไม่ควรข้ามเกาะค่ะ ญี่ปุ่นมีเกาะหลักอยู่ 4 เกาะ คือ เกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น เมืองที่เป็นที่รู้จักบนเกาะนี้เช่น ซัปโปโร่, ฟูราโน่, นิเซโกะ เป็นต้นค่ะ เกาะฮอนชู (Honshu) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญต่างๆ รวมถึงเมืองหลวงอย่างโตเกียว, โยโกฮาม่า, ฮิเมจิ, นารา, เกียวโต, นาโกน่า, ยามานาชิ เป็นต้นค่ะ เกาะชิโกกุ (Shikoku) เป็นเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดในสี่เกาะหลัก มีแค่สี่เมืองบนเกาะนี้คือ โทกูชิมะ, คางาวะ, เอฮิเมะ และโคจิ เกาะคิวชู (Kyushu) อยู่ทางใต้สุดของประเทศ เมืองสำคัญบนเกาะนี้เช่น ฟูกุโอกะ, คาโงชิมะ, โออิตะ, นางาซากิ เป็นต้นค่ะ การเดินทางไปข้ามเกาะหรือภูมิภาค แม้ว่าในปัจจุบันจะสะดวกด้วยรถไฟหัวกระสุนซึ่งมีความเร็วสูง แต่ก็ใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้เราต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางในแต่ละวันและเหนื่อยด้วยค่ะ ข้อสามคือ ช่วงเวลาเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งที่เราจะไป ควรไปในช่วงเวลาไหน เช่นหากเราต้องการไปชมซากุระ ควรไปในช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงกลางเดือนเมษายน และเราสามารถดูตารางพยากรณ์ซากุระล่วงหน้าได้หนึ่งหรือสองเดือน และเรายังสามารถ ติดตามซากุระบานแบบ real time ได้บนเว็ปไซด์ https://www.japan-guide.com ซึ่งจะมีอัพเดทเกือบทุกวัน ตามจุดชมซากุระที่สำคัญ ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือจะติดตามในหน้าเฟสบุ้คในเพจพวก japanfanclub ก็มีสมาชิกมาอัพเดทบ่อย ๆ ค่ะ ข้อที่สี่คือการเดินทาง เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างซื้อตั๋วเป็นเที่ยวและการซื้อพาส โดยเว็ปไซด์ที่ช่วยในการวางแผนการเดินทางได้ดีที่สุดคือเว็ป www.hyperdia.com ซึ่งคำนวณค่าตั๋วในแต่ละเส้นทาง และมีตัวเลือกเส้นทางให้เราเลือกได้ด้วยค่ะ ส่วนราคาพาสต่าง ๆ เราก็สามารถเช็คได้จากเว็ปทางการ https://japanrailpass.net/th/ ว่าเราควรซื้อพาสแบบครอบคลุมทั้งประเทศหรือแบบภูมิภาคก็พอ สำหรับทริปแรกเนื่องจากเราต้องเดินทางไปหลายเมือง เราจึงเลือกใช้ JR All Area แบบ 7 วัน ซึ่งราคาในปัจจุบันก็อยู่ที่ 38,880 เยน แต่ถ้าเป็นแบบภูมิภาคก็จะถูกกว่านี้ค่ะ เช่น Kansai Wide Area 5 วัน ราคาก็แค่ 9,200 เยนเท่านั้น และหากเราเที่ยวแค่ในเมืองใดเมืองหนึ่งเราไม่จำเป็นต้องใช้พาสก็ได้แต่ใช้เป็นตั๋ววันของแต่ละเมืองแทน ดังนั้นแล้วเราควรเที่ยวเป็นโซน ๆ เป็นภูมิภาคไปจะประหยัดกว่าค่ะ ข้อที่ห้าคือ การเลือกที่พัก หากเราใช้รถสาธารณะเราควรจะเลือกที่เดินทางสะดวก โดยเฉพาะใกล้สถานีรถไฟ แบบไม่ต้องเดินลากกระเป๋าไกล ๆ และเลือกตามงบประมาณที่เรามี และอ่านรีวิวประกอบจากเว็ปต่าง ๆ เช่น Tripadvisor เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ ข้อที่หกคือ อาหารการกิน ที่ญี่ปุ่นมีอาหารให้เลือกมาก และราคาไม่แพง ถ้าเราต้องการประหยัดเราสามารถซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จในร้านสะดวกซื้อที่มีให้เลือกหลายแบรนด์ทั้งเซเว่น, แฟมิลี่ มาร์ท หรือ ลอร์สัน ซึ่งเราชอบเป็นพิเศษคือขนมในลอร์สัน หน้าตาหน้าทานและราคาไม่แพงด้วย ในร้านสะดวกซื้อนี้ยังมีที่นั่งสำหรับรับประทานอาหาร และมีห้องน้ำไว้บริการด้วย ซึ่งถือว่าสะดวกมาก หลังจากทริปแรกที่เราเที่ยวข้ามเกาะเพราะมีโจทย์จากเพื่อนร่วมทริปที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากที่เราจองตั๋วเครื่องบินไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่เคยเที่ยวข้ามเกาะหรือข้ามภูมิภาคของญี่ปุ่นอีกเลย แต่จะเที่ยวเป็นโซน ๆ ไป เพราะญี่ปุ่นเที่ยวได้ทั้งปีและทุกฤดูกาล @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวญี่ปุ่น