รถเมล์สายนครฯ – ปากพนัง เป็นสายหนึ่งที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของแม่ แต่ในช่วงระยะเวลาเกือบ 15 ปีที่ผ่าน ผมไม่เคยได้นั่งรถเมล์สายนี้เลย เพราะมัวแต่พึ่งพารถจักรยานยนต์ รถยนต์ หรือยานพาหนะอื่น ๆ ที่มิใช่รถสาธารณะ ดังนั้นจึงลองนั่งคิดทบทวนถึงเสน่ห์ของการเดินทางรูปแบบนี้ จนมีความคิดที่จะออกเดินทางโดยรถเมล์สายนครฯ – ปากพนัง จากต้นทาง-ปลายทาง พร้อมถ่ายทำวิดีโอลงช่อง Youtube ผมเริ่มต้นออกเดินทางเพื่อไปขึ้นรถเมล์ ณ ต้นทาง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารนครศรีธรรมราช ในช่วงเช้า และจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ถ่ายทำวิดีโอตามกำลังทรัพย์ของตนเอง จากนั้นจึงเดินมานั่งรถเมล์ พร้อมทั้งพูดคุยกับลุงวุฒิถึงเรื่องราวของผู้คนซึ่งใช้รถสาธารณะตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน คุยไปคุยมารถเมล์ก็เริ่มแล่นออกจากสถานีต้นทาง และแวะจอดรอผู้โดยสารบริเวณริมกำแพงวัดวังตะวันตกทางด้านทิศใต้ ก่อนจะขับเข้าสู่ถนนราชดำเนิน เพื่อมุ่งไปยังหัวถนน หัวถนนนับว่าเป็นชุมทางแห่งการสัญจรของผู้คนทั่วสารทิศ เพราะหากเลี้ยวซ้ายก็จะมุ่งไปยังอำเภอปากพนัง หากต้องการไปอำเภอทุ่งสง (สุราษฎร์-กรุงเทพ) พัทลุง หาดใหญ่ ก็ให้เลี้ยวขวา และหากขับตรงไปก็จะมุ่งไปยังอำเภอเชียรใหญ่ หัวไทร สงขลา เป็นต้น เมื่อลุงวุฒิเห็นว่าผมกำลังถ่ายทำวิดีโอเพื่อเผยแพร่การเดินทางในครั้งนี้ลงในช่อง Youtube ผนวกกับเงินในกระเป๋าของผมดันมีแต่แบงค์ห้าร้อย ยากที่จะทอน จึงอนุญาตให้ผมนั่งฟรี (ด้วยความเต็มใจ) แม้ผมจะพยายามวิ่งลงไปแลกเงินมาให้ก็ตาม และนี้คือน้ำใจของคนในสังคมที่ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ รถเมล์ขับมาได้ไม่ถึง 30 นาที ก็ถึงปลายทาง คือ จุดจอดรถของเทศบาลริมฝั่งแม่น้ำปากพนังทางด้านทิศตะวันตก สำหรับการเดินข้ามไปยังปากพนังฝั่งตะวันออกนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ คือ วิธีแรกให้ขับรถข้ามสะพานซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร ส่วนวิธีที่สองให้นั่งเรือข้ามฟากในราคาเพียงคนละ 1 บาท ซึ่งผมตัดสินใจเลือกเดินทางด้วยวิธีที่สอง เรือแล่นผ่านแม่น้ำปากพนัง ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงผู้คนลุ่มแม่น้ำปากพนังมานานนับหลายร้อยปี ไม่ถึง 3 นาที เรือก็แล่นมาถึงท่าเทียบเรือปากพนังฝั่งตะวันออก ซึ่งได้ยินเสียงแม่ค้าในตลาดขายของสดริมแม่น้ำปากพนัง ใกล้ ๆ กับตลาดร้อยปีกำลังสงเสียงเรียกลูกค้าเป็นระยะ ๆ ผมเดินเวียนไปเวียนมาเพื่อชมของในตลาดแต่ก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือสักอย่าง จึงเดินออกมาชมอาคารเก่า ๆ ร้านค้าเก่า ๆ เจ้าดั้งเจ้าเดิมริมสองฝั่งถนน และหากเดินลงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือก็สามารถเข้าไปชมอาคารลักษณาซึ่งเป็นอาคารเรียนเก่าของโรงเรียนปากพนังอายุกว่าร้อยปีได้ สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ผมเลือกเดินเท้าลงมาทางด้านทิศใต้เพื่อไปชมอุโบสถและพระพุทธรูปเก่าภายในวัดประดิษฐานราม อีกทั้งยังถือโอกาสนั่งพักผ่อนริมแม่น้ำปากพนังบนแพและศาลาที่ถูกสร้างไว้อย่างมั่นคงแข็งแรง เมื่อพักผ่อนหายเหนื่อยพอสมควร จึงปรารถนาอยากจะเดินทางกลับ แต่ทว่าฝนเจ้ากรรมดันตกลงมาห่าใหญ่ เล่นเอาผมต้องวิ่งหลบเข้ามาตรงกลางศาลา ซึ่งนั่นก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นและประสบการณ์ของการเดินทางให้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น และเมื่อฝนเริ่มซ่าผมก็ต้องรีบเดินร่ากลับมาขึ้นเรือขึ้นรถเมล์เพื่อกลับสู่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราชดังเดิม การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์อีกครั้งหนึ่งของชีวิต(วัยหนุ่ม)ของผม ที่ทำให้รู้ว่าการเดินทางโดยรถเมล์สาธารณะยังคงมีมนต์เสน่ห์อยู่เสมอและไม่เคยจางหายไปจากวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมไทย โดยหวังว่าครั้งหน้าคงได้มีโอกาสนั่งรถเมล์สายอื่น และเขียนบันทึกเรื่องราวการเดินทางเช่นนี้มาให้ทุกท่านได้อ่านอีกครับผม