วันนี้เราจะมาเล่าถึงการเดินทางมาที่ "บ้านอีต่อง ปิล็อก" จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นแพลนที่เราวางแผนไว้ในรอบหลายเดือน เลื่อนไปเลื่อนมา จนในที่สุด ก็ได้มาจนได้ ดีใจสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ.... ลองอ่านเรื่องราวการเดินทางของเราดูนะคะ วันที่ 25 สิงหาคม 2565 เราออกเดินทางจากจังหวัดชัยนาท ในเวลา 06.50 น. มุ่งหน้าเข้าสู่กาญจนบุรี ถึงช่วงประมาณ 10 โมงกว่าๆ ทริปนี้ไปพร้อมกับสายฝนที่โปร่ยปรายเกือบตลอดทางเลยล่ะค่ะ เมื่อถึงกาญเราก็มุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอทองผาภูมิ ปิล็อก ถึงหมู่บ้านอีต่องประมาณบ่ายสองกว่าๆ ค่ะขอเล่าถึงเส้นทางไปหมู่บ้านอีต่อง จากป้ายทางเข้าเลยนะคะ ถนนค่อนข้างแคบ แต่ไม่ชันเท่าทางไปสะพานมอญ สังขละบุรี โค้งที่หลายคนบอกว่ามี 399 โค้ง ทีแรกก็พยายามจะนับอยู่นะคะ แต่ไม่ไหวค่ะ แค่ดูในแผนที่บอกทาง...เราก็เวียนหัวแล้ว 555 เส้นทางที่นี่ออกแนวธรรมชาติ ถนนถือว่าดี แต่จะมีช่วงใกล้ๆ ก่อนถึงหมู่บ้าน ถ้าเราจำไม่ผิดคงเป็นช่วงแถวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเป็นต้นมา ที่เริ่มปรับปรุงบดทำถนนใหม่ ช่วงนี้ก็จะขับลำบากหน่อยค่ะ อาจเจอหลุมเจอบ่อบ้างและแล้วก็ถึงตัวหมู่บ้านประมาณช่วงบ่ายสองโมงกว่าๆ ติดต่อเข้าที่พัก (ซึ่งเราพักที่ปิล๊อกพอเพลิน โฮมสเตย์) หลังจากขนของขึ้นที่พักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาเดินเล่นในหมู่บ้าน ฝนเริ่มโปร่ยปรายลงมาพร้อมกับกับสายหมอกจางๆ ที่เที่ยวหรือจุดเช็คอินในหมู่บ้านอีต่อง ถ้าพูดถึงในหมู่บ้านอีต่องจุดถ่ายภาพต่างๆ จะอยู่ไม่ไกลกันเลย เริ่มตั้งแต่ป้ายหมู่บ้านอีต่องเลยนะคะ ไม่ถ่ายภาพเก็บไว้ก็เหมือนมาไม่ถึงและจุดถ่ายภาพอื่นๆ ก็จะได้แก่ สระน้ำหน้าหมู่บ้าน เหมืองปิล็อกเก่า บ่อปลาคราฟ สะพานเหมืองแร่ สะพานป้ายไม้ วัดพระธาตุเหมืองปิล็อก ตัวตลาดในหมู่บ้าน และศาลเจ้าพ่อสะด่อง ส่วนรอบนอกหมู่บ้านเราวางแผนไว้ในวันถัดไปค่ะวันที่ 26 สิงหาคม 2565 วันนี้ฝนตกลงมาหนักมากค่ะ หมอกฟุ้งปกคลุมมองไม่เห็นอะไรเลย เกือบจะเศร้าแล้วค่ะ.....เพราะวางแผนว่าจะไปจุดชมวิวเนินช้างศึก และน้ำตกจ๊อกกระดิ่น รอจนถึงเกือบจะเที่ยงจนฝนเบา เราเลยเหมารถชาวบ้านไป ซึ่งพี่เขาแนะนำให้เราไปจุดชมวิวเนินช้างศึกก่อน เพราะกลัวว่าฝนจะลงมาอีกรอบแล้วมองอะไรไม่เห็น นี่คือจุดชมวิวเนินช้างศึกค่ะ ถ้าวันที่ฝนไม่ตกวิวที่นี่น่าจะสวยน่าดูเลย แต่เรามองไม่เห็นอะไรเลย 5555 ซึ่งเรารออยู่จุดนี้นานมากเผื่อว่าฟ้าจะเปิดให้ แต่ก็ยังเจอแต่หมอกปกคลุมไปหมด (นี่แหละนะ ที่เขาบอกว่าอย่าคาดหวังอะไรกับธรรมชาติ แต่จงยินดีกับสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้เรา)หลายคนที่มาจุดนี้คงได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างใช่ไหมคะ.....สำหรับเรา วันนี้ก็มาสัมผัสหมอกเย็นๆ ณ ที่นี่ ได้เห็นความน่ารักของเจ้าถิ่นที่นี่ น้องหมานั้นเองค่ะ(ขอเล่าถึงทางขึ้นเนินช้างศึก ทางโหดเลยล่ะค่ะ หลุมใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่รู้หลุมไหนลึกบ้าง แถมชันอีก ใครจะเอารถมาเองคิดดีๆ นะคะ เราว่ามารถชาวบ้านปลอดภัยกว่าค่ะ ไม่ใช่อะไรนะคะ สงสารรถ)จุดที่สอง น้ำตกจ๊อกกระดิ่น ซึ่งน้ำตกจะอยู่ก่อนถึงหมู่บ้าน จุดนี้สามารถเอารถมาเองได้ค่ะ แต่ทางจะแคบและชันหน่อย สำหรับค่าเข้าชมน้ำตก ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท เด็กคนละ 20 บาท ส่วนชาวต่างชาติ คนละ 200 บาท เด็ก 100 บาท ซึ่งสามารถนำบัตรเข้าชมนี้ ไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อเข้าชมจุดชมวิวของภายในอุทยานช่วงนี้ใครที่มาเที่ยวน้ำตกสามารถลงเล่นได้นะคะ ซึ่งเจ้าหน้าเพิ่งจะเปิดให้เล่นได้เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าน้ำใสมากและไม่ลึกด้วยค่ะ แต่จะมีบางจุดที่อันตรายลองสังเกตสีของน้ำดูนะคะ ถ้าใสออกสีฟ้าตรงนั้นน่าจะลึกค่ะ นี่เราลองลงไปแช่เล่น...รู้สึกสบายตัวมาก เพราะก่อนหน้านั้น โดนทั้งละอ่องฝน และหมอก สรุปว่าเราเล่นน้ำจนหายหนาวเลย จุดที่สาม อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ภายในของอุทยานจะมีจุดชมวิวให้เราได้เข้ามาชม ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวเนินช้างเผือก จุดชมวิวเนินช้างพลาย และ จุดชมวิวเนินกูดดอย ซึ่งวิวเขาแต่ละจุดก็จะสวยแตกต่างกันไปค่ะและแล้วเรื่องราวของวันนี้ก็สนุกดีค่ะ เจอฝน เจอหมอก ได้พูดคุยทักทายกับคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก ได้รอยยิ้ม มันแปลกดีนะคะ...เพราะในช่วงเช้าของวันนี้เราเจอฝนตกหนักเลย แทบไม่คิดจะหยุดตกให้กันเลย ซึ่งเกือบจะคิดว่าตัวเองโชคร้ายแล้ว อากาศยังไม่เป็นใจให้เราเลย ตกเย็นมากับยิ้มและหัวเราะให้กับเรื่องของวันนี้ซะงั้น ซึ่งเราว่ามันเป็นอีกเสน่ห์ของการเดินทาง ที่แม้แต่ตัวเราเองยังกำหนดอะไรไม่ได้เลย เช่น กำหนดธรรมชาติ ทุกวันนี้คิดว่า อะไรที่เราเกิดขึ้นกับเรามันดีสำหรับเราเสมอแล้วล่ะ คนอื่นเขาอาจจะได้เห็นวิวเนินช้างศึกกันแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น แต่เราอยู่ทามกลางหมอกฟุ่งๆ ไปเลย 555 สิ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะทำกันเมื่อมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ (เอกลักษณ์ของหมู่บ้าน)1. เขียนพวงกุญแจป้ายไม้ เพื่อบอกความรู้สึกในใจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเขียนชื่อของเจ้าของหรือกับคู่รัก เราลองยืนอ่านดูก็น่ารักดีค่ะ 2. การจุดตะเกียงพม่า เพื่อขอพรจากเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง เราเคยได้ยินมาว่า ถ้าเราจุดตะเกียงแล้วสามารถขอพรในสิ่งที่เราปรารถนา เทพพระเจ้าแห่งแสงสว่างจะประทานพรมาให้เรา ลองนำไปใช้ดูนะคะ (ตะเกียงพม่าจะมีความพิเศษตรงใช้เทียน และเทียนที่ใช้จะไม่มีน้ำตาเทียน)สำหรับใครที่ไม่ได้เดินทางด้วยรถส่วนตัว ที่นี่จะมีรถสองแถวสีเหลืองคอยให้บริการนักท่องเที่ยว สามารถขึ้นรถได้ที่ตลาดทองผาภูมิ ปลายทางบ้านอีต่อง ส่วนขาลงก็จะมีจุดให้บริการรถสองแถวอยู่ในหมู่บ้าน ลองสอบถามเวลาที่แน่นอนกับชาวบ้านอีกทีนะคะเช้าของ วันที่ 27 สิงหาคม 2565 วันนี้เป็นวันเสาร์ค่ะ ดูเหมือนเราจะหัวเราะกับสภาพอากาศในวันนี้อีกรอบ เพราะฝนไม่ตกเลย มีแต่หมอกจางๆ และเป็นวันที่เราต้องเดินทางกลับ เหมือนโดนแกล้งจากสภาพอากาศอีกครั้งในวันที่เราจะกลับ 555เสน่ห์ในหน้าฝนของบ้านอีต่อง คงทำให้ใครหลายๆ คน ที่ไม่ชอบฤดูนี้ หลงรักสายฝนของที่นี่แบบไม่รู้ตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ บ๊ายบายหมู่บ้านกลางสายหมอกแห่งนี้ เรากลับไปแล้วคงจะคิดถึงที่นี่น่าดู เพราะครั้งหนึ่งเราเคยเป็นคนแปลกหน้าที่เดินเล่นในหมู่บ้านนี้ ฝากติดตามบทความต่อๆ ไปของเราด้วยนะคะ "ไปเที่ยว มาเล่า"พิกัด : บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ภาพประกอบบทความจากเพจ : ไปเที่ยว มาเล่า (ภาพของตัวนักเขียนเองค่ะ)ข้อมูลเพิ่มเติมเพจไปเที่ยว มาเล่าบทความอื่นๆ ของไปเที่ยว มาเล่าอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !