หากคุณได้มาเห็นสะพานเหล็กสีคล้ำทะมึนทึนที่ชื่อว่า “ยีลาปัน” ซึ่งพาดข้ามแม่น้ำปัตตานีที่ไหลมาจาก อ.เบตง จ.ยะลา มุ่งหน้าไปหล่อเลี้ยงชีวิตที่ จ.ปัตตานี ณ กิโลเมตรที่ 71 + 236 (ก่อนตัดถนนปัจจุบัน ตำแหน่ง คือ กม. 35 + 787) ของถนนหมายเลข 410 ยะลา – เบตง แล้วละก็ ต้องนึกถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นแน่ ใช่แล้วครับ สะพานยีลาปัน หรือชื่อเป็นทางการว่า สะพานหงสกุล คือสะพานแห่งประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ตำแหน่งนี้ มิได้มีเพียงเรื่องสงคราม และการยึดครองเพียงเท่านั้น ณ จุดสายน้ำไหลแห่งนี้ มีชีวิต และการเดินทางของผู้คนในสมัยก่อนปนอยู่ด้วย เนื่องจากตั้งอยู่บ้านยีลาปัน ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา จึงได้ชื่อสะพานยีลาปัน ตามตำแหน่ง เดิมเป็นจุดสัญจรข้ามแม่น้ำที่ไม่ใช่สะพาน แต่เป็นเส้นลวดสลิงขึงทั้งสองฝั่ง แล้วโยงผูกติดกับแพ ใช้สำหรับบังคับดึงแพข้ามฝั่ง ใครจะข้ามแม่น้ำก็ต้องนั่งแพ แล้วดึงสลิงไป แพนี้ไม่ได้ขึ้นกันฟรี ๆ มีนายประมุข เลขะกุล เป็นผู้ลงทุนเก็บผลประโยชน์ ต่อมาเมื่อโลกเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกทางภาคใต้ของไทยเมื่อประมาณ พ.ศ. 2485 ต้องการใช้ไทยเป็นทางผ่านในการขนยุทโธปกรณ์และกำลังพลไปโจมตีพม่าและเพื่อยึดครองอินเดีย จึงได้สร้างสะพานเหล็กแบบรวงผึ้ง โดยโครงสร้างเป็นเหล็กกล้า กว้าง 6 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร เมื่อสงครามสงบสะพานยีลาปันจึงกลายเป็นสะพานที่สำคัญ หลังสงครามจบ กรมทางหลวงเข้ามาสร้างต่อ แล้วเสร็จ พ.ศ. 2493 ในสมัยนายถวัลท์ หงสกุล เป็นนายช่างเขตสงขลา กระทั่ง พ.ศ. 2538 แขวงการทางยะลา ได้สร้างสะพานคอนกรีตขึ้นมาทดแทนใหม่ เนื่องจากสะพานเดิมแคบ ไม่สะดวกใช้สัญจร สะพานยีลาปันแบบเหล็กจึงกลายเป็นอนุสรณ์ และเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ ตลอดจนจุดท่องเที่ยว แวะซื้อสินค้าชุมชน จบไปสำหรับประวัติสังเขปของสะพานยีลาปันด้านสงคราม และคมนาคม มาถึงด้านการหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนในอดีตกันบ้าง แต่ก่อนที่การเดินทางยังไม่ทันสมัย ต้องใช้ม้า ใช้ช้าง ใช้เรือ และป่ายังรกทึบ ณ จุดแห่งนี้ ชาวบ้านใช้เป็นจุดข้าม และขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือมาตั้งแต่อดีต โดยพ่อค้าจากอินเดียมักจะมาพักและถ่ายสินค้าขึ้นเรือตรงตำแหน่งนี้ เพื่อลงเรือไปยังจังหวัดปัตตานี ข้อดีของการเดินเท้าจากเขตแดนไทยด้านอำเภอเบตงไปปัตตานี คือ ไม่ต้องล่องเรืออ้อมช่องแคบมะละกาให้ไกล เสียเวลา และอันตราย อดีตจากจุดนี้ไปเบตงเดินเท้าใช้เวลากว่า 3 วัน ปัจจุบัน นั่งหรือขับรถ 2 ชั่วโมง แต่ใครเมารถอาจอาเจียนเวียนหัวได้ เพราะโค้งแยะเหลือเกิน บ้านยีลาปันจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าจดจำ และศึกษาเรียนรู้ดังนี้เอง