สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ สายบุญทุกคน วันนี้เราจะบินลัดฟ้าไปเที่ยวแสวงบุญกัน ณ ดินแดนที่พระพุทธเจ้าเคยทรงพระชนม์ชีพอยู่ ท่ามกลางบรรยากาศของนานาคุรุศาสดา ที่ล้วนเสนอหนทางสู่ความจริงและความพ้นทุกข์แก่มนุษย์ ประเทศที่เราจะสามารถตามรอยพุทธประวัติและรู้จักกับชนชาติที่ก่อกำเนิดปราชญ์คนสำคัญ ๆ มากมายในโลกโบราณ นั่นก็คือ อินเดีย-เนปาล ชมพูทวีปอันยิ่งใหญ่ของเอเชียนี่เองค่ะ การเดินทาง เริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ เรานั่งสายการบิน Thai Smile ไปเมืองคยา ราคาจะอยู่ที่ประมาณเที่ยวละ 5,000-7,000 บาท แล้วแต่ช่วงวันและโปรโมชั่น ใช้เวลาบินเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เป้าหมายของเราในทริปนี้คือ 4 สังเวชนียสถาน ได้แก่ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเรียกสถานที่สำคัญทั้ง 4 ว่า “ที่ทำให้เกิดความสังเวช” แบบนี้ สาเหตุเพราะคำว่าสังเวช นอกจากแปลว่าสลดใจ ยังมีอีกความหมายหนึ่งแปลว่า "เตือนใจให้ระลึกถึง ทำให้คิดถึงคุณงามความดีของผู้ที่ตนเคารพนับถือ ทำให้จิตใจแช่มชื่นเบิกบาน อยากทำประโยชน์เหมือนเช่นผู้ที่ตนระลึกถึง" ซึ่งนี่เองล่ะค่ะคือความหมายที่ชาวพุทธใช้เรียกสังเวชนียสถาน ด้วยความหวังว่าจะได้เจริญงอกงามทางจิตใจเหมือนพระศาสดา เริ่มกันที่เมืองคยานี้ มีตำบลพุทธคยา เป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุดในบรรดาสังเวชนี้สถานทั้ง 4 แห่ง ที่นี่มีพระมหาเจดีย์พุทธคยาที่บูรณะในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช สัตตมหาสถานบริเวณต้นศรีมหาโพธิ์ และบ้านนางสุชาดา อุบาสิกาคนแรก ที่เป็นถวายข้าวมธุปายาสแก่พระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ จากนั้นเรานั่งรถไปเมืองกุสินารากัน ที่นี่เป็นสถานที่ปรินิพพาน มีสถูปและพระปางปรินิพพานประดิษฐานอยู่ รวมถึงสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เรียกว่า มกุฏพันธเจดีย์ ทุกอย่างขนาดใหญ่มากจริง ๆ วันต่อมา เราเข้าสู่ประเทศเนปาลกันนะคะ ผ่านชายแดนโสเนาวลีของประเทศอินเดีย เข้าเมืองสิทธารัตถะของเนปาลสถาน เมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ กับกรุงเทวทหะ ตรงนี้มีพิธีตรวจคนเข้าเมืองค่ะ ซึ่งก็งง ๆ หน่อย เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยรู้เรื่องและพื้นที่กันดารทีเดียว เลยใช้เวลานานหลายชั่วโมง และในที่สุด ก็มาถึงเมืองลุมพินีค่ะ แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ถ้าตั้งใจเรียนวิชาพระพุทธศาสนามาคงจะจำได้ ว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ที่ตามตำนานว่าทรงพระดำเนินได้ 7 ก้าวและมีอภินิหารต่าง ๆ ของจริงอยู่ที่นี่เอง! มีการสร้างมหาสังฆารามอนุสรณ์ และเสาศิลาจารึกไว้ ปักว่าเป็นที่ประสูติ นอกจากนั้นมีมายาเทวีวิหาร กับสระสรงสนานโบกขรณี เฉลิมพระเกียรติพระพุทธมารดาคือ พระนางสิริมหามายา ซึ่งสวรรคตหลังประสูติพระศาสดา 7 วัน เพื่อน ๆ ผู้ศรัทธาก็สามารถทำบุญ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม และร่วมบริจาคสร้างศาสนสถานกับวัดไทยลุมพินีได้นะคะ เป็นคณะพระสงฆ์ไทยทั้งหมด ตั้งใจฟื้นฟูศาสนาพุทธที่ถือว่าตายไปแล้วในชมพูทวีป ให้กลับมามีชีวิตใหม่ วันสุดท้าย เราไปเมืองพาราณสี ล่องเรือในแม่น้ำคงคา เพื่อชมสถานที่ปฐมเทศนากันนะคะ ที่นี่เรียกว่า สารนาถ หรือคนไทยรู้จักในชื่อฉายาว่า อิสิปตนมฤคทายวัน สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาประกาศพระสัจธรรม สร้างอนุสรณ์ไว้ชื่อ ธรรมเมกขสถูป ส่วนบริเวณที่ปัญจวัคคีย์ ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานมะ และอัสสชิ ได้พบกับพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ปัจจุบันสร้างอนุสรณ์ไว้ชื่อว่า สถูปเจาคันธี เพื่อน ๆ ไปนมัสการและนั่งสมาธิได้ค่ะสงบเงียบดีมาก กลับกันด้วยสายการบินเดิม จากเมืองพาราณสีสู่กรุงเทพค่ะ ก็จบไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจสำหรับทริปแสวงบุญ ตามรอยพระพุทธประวัติในสองประเทศเอเชียใต้ เป็นอะไรที่เปิดหูเปิดตาดีนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการได้เห็นบ้านเมือง หรือพูดคุยกับผู้คนเรียนรู้วัฒนธรรมอินเดีย ตลอดจนการได้เห็นความศรัทธาและเพียรพยายามของชาวพุทธไทยและชาติอื่น ๆ ในอาเซียน ที่จะรื้อฟื้นศาสนาพุทธกลับมา ด้วยความที่เดิมบริเวณ 4 สังเวชนียสถานนั้นกันดารมาก ๆ ก็ใช้เม็ดเงินบริจาคไปมากมาย จนเกิดเป็นชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวที่คนอินเดียทำไว้เพื่อต้อนรับชาวพุทธอย่างเรา ๆ โดยเฉพาะ น่าสนใจค่ะว่าอนาคตพื้นที่จะเป็นอย่างไร หากใครสนใจทริปแสวงบุญแบบนี้บ้าง หรืออยากได้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ว่าลุมพินีของจริงในประวัติศาสตร์ ที่ไม่ใช่สวนลุมฯ กทม. นั้นเป็นอย่างไร ก็เชิญมาลองเที่ยวกันได้นะคะ พื้นที่อาจจะกันดารและเดินทางนานหน่อย แต่ชาวอินเดียแถบสังเวชนียสถานนี้น่ารักเป็นมิตรมาก ๆ แถมพูดไทยได้กันแทบทุกคนเลย! รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์การไหว้พระทำบุญที่ลืมไม่ลงแน่นอนค่ะ ภาพโดยผู้เขียนบทความ