ป้านวลชวนเที่ยว ตอน บุกเดี่ยวเที่ยวแดนมักกะโรนี ความกลัวกับความกล้าคือสิ่งที่แบ่งแยกเราให้ออกจากโลกแห่งความฝันและความเป็นจริง บ่อยครั้งที่“ป้านวล” หญิงสูงวัยร่างเล็ก วัย 65 ปี ผู้มีความปารถนาอันแรงกล้าที่จะออกเดินทางตามความฝัน เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนแปลกหน้าที่ไม่เธออาจไม่รู้จักตามลำพัง หลายครั้งที่เธอพบกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น สนุกสาน มิตรภาพดี ๆ บางทีก็พบกับความวิตกกังวลจากสถานการณ์อันยากจะรับมือในต่างแดน แต่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่ทำให้เธอหยุดเดินทางได้สักที (ยกเว้น โควิด 19) ก้าวแรกสู่อิตาลี หลังจากที่แยกย้ายกับพรรคพวกที่สวิสเซอร์แลนด์ ลำพังตัวป้าก็มุ่งหน้าเข้าสู่ดินแดนรองเท้าบูทด้วยรถบัสระหว่างเมืองจากซูริกมายังมิลานในรอบเวลา 16.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที สนนราคาประมาณ 15 ยูโร (ราคาในขณะนั้น ปี 2019) ขอแอบบ่นว่ารถบัสเดินทางมาช้ากว่ากำหนดเวลาจนทำให้ใจป้ารู้สึกตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวจะตกรถเที่ยวต่อไป ซึ่งมีโปรแกรมจะเดินทางจากมิลานไปยังกรุงโรมในคืนนี้นั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีเทพีแห่งโชคชะตายังเข้าข้างป้าบ้างเพราะสุดท้ายป้าก็ได้รถบัสออกจากมิลานในเวลา สองทุ่มกว่าๆจนถึงกรุงโรมโดยสวัสดิภาพในเวลาตีห้าตามเวลาท้องถิ่นนั่นเอง เมื่อเหยียบเท้าก้าวสู่กรุงโรม ปัญหาแรกของป้าก็เกิดขึ้นทันที เพราะสถานีรถบัสระหว่างเมืองของที่นี่อยู่ห่างจาก สถานีรถไฟ Rome Termini เกือบ ๆ สี่กิโลเมตรด้วยกัน ด้วยความที่อินเตอร์เน็ตมือถือก็ไม่มี เทคโนโลยีป้าก็ใช้ไม่เป็น จึงได้อาศัยถามไถ่เส้นทางจากคุณตำรวจ ซึ่งท่านเหล่านั้นก็ให้ความกรุณาป้าเป็นอย่างดี พาป้าไปส่งถึงสถานีรถไฟใต้ดินจนมาถึงจุดหมายปลายทางใจกลางกรุงโรมอย่างปลอดภัยไร้กังวล อย่างที่ได้บอกไว้ว่าป้าไม่ใช่คนรุ่นใหม่จึงไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี ดังนั้นสิ่งที่ป้าทำได้ดีที่สุดในการหาโรงแรม คือศึกษาและท่องจำเส้นทางต่าง ๆให้ได้มากที่สุด อย่าเช่นเราควรจะเดินทางไปตรงไหน ออกประตูที่เท่าไร จนเมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่พอจะถามข้อมูลได้ก็ให้เขาช่วยแนะนำ สรุปว่าวันนั้นป้าเดินทางถึงโรงแรม "Hotel Marsala" ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Rome Termini เพียง 200 เมตร ได้โดยสวัสดิภาพ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ป้าไม่คิดจะย้ายที่พักบ่อย ๆ จึงตัดสินใจจองห้องพักกับโรงแรมแห่งนี้เป็นระยะเวลา 7 คืนรวด โดยสนนราค่าใช้จ่ายต่อคืนเพียง 550 บาทเท่านั้นเอง ลักษณะห้องพักแห่งนี้อาจไม่กว้างขวางแต่ก็อยู่ได้สบายๆ มีสองเตียงนอน พร้อมกับพื้นที่ใช้สอยส่วนตัวอีกนิดหน่อย ในส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำนั้นก็สะอาด สะดวก สบาย ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ร่วมกันหลายห้องก็ตาม สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องตระหนักเป็นลำดับแรกก่อนมาเที่ยวอิตาลี ก็คือภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาหลักของคนที่นี่ ถึงแม้พนักงานในโรงแรมจะสามารถสื่อสารได้ดี แต่เมื่อออกไปผจญภัยในเมืองแห่งนี้ ก็เปรียบเสมือนกับการโยนเหรียญดี ๆ นี่เอง โดยเฉพาะคนในวัย Gen-X อย่างป้า ภาษามือจึงถือเป็นเครื่องหมายการค้าสำคัญ ครั้นจะหวังพึ่งแอปพลิเคชัน เราก็ใช้ไม่เป็นเสียด้วย ดังนั้นเมื่อเราก้าวเท้าออกจากตัวโรงแรมความบันเทิงก็สามารถเกิดขึ้นทุกวันนั่นเอง จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ภารกิจแรกในกรุงโรมระยะทางจาก Rome Termini จนถึง จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เป็นระยะทาง 4.4 กิโลเมตร ในขณะที่อุปกรณ์นำทางที่ดีที่สุดของป้า ณ ขณะนั้น มีเพียงแผนที่จากประชาสัมพันธ์ในสถานีรถไฟเพียงแผ่นเดียว ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาในการสื่อสารและความวุ่นวายในระหว่างการเดินทาง ป้าตัดสินใจซื้อบัตรโดยสารแบบเหมาจ่าย(Roma Pass) ซึ่งมีอายุการใช้งาน 3 วัน ในราคา 36 ยูโร ซึ่งแพ็คเกจนี้ก็ดีเพราะเราสามารถเดินทางเข้าชมสถานที่สำคัญบางแห่งโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนั่นเอง และ ด้วยความที่ป้าไม่มีความรู้ในเรื่องเหล่านี้ ป้าก็อาศัยจดจำชื่อป้ายจากแผนที่ และคำแนะนำที่ประชาสัมพันธ์ที่แจ้งไว้ เมื่อเห็นรถบัสสาย 64 มุ่งหน้าไป Cavalleggeri/S. Pietro ป้าจึงไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางทันที พอถึงที่หมายความวุ่นวายก็บังเกิด เพราะมองไปไกลๆก็เห็นคนต่อแถวยาวเป็นหางว่าวล้นออกมาจนถึงลานว่างหน้าจัตุรัส ป้าคิดในใจว่าค่อยกลับมาใหม่ดีไหม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมรับชะตากรรมเดินไปต่อแถวยืนรอเป็นเวลาเกือบ 40 นาทีก่อนจะได้เข้าชมความสวยงามของมหาวิหารแห่งนี้ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของมหานครวาติกันอันรุ่งโรจน์ ภายในบริเวณนี้จะมีสถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนสซองซ์ที่งดงามอยู่หลายแห่ง อาทิ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ โบสถ์คริสต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รูปปั้นปิเอตา ผลงานชิ้นเอกของมหากวีอย่าง ไมเคิล แองเจลโล และ ลานกว้างใจกลางจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ที่ใคร ๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปกลับไปอวดเพื่อน ๆ ว่าครั้งหนึ่งฉันได้มาที่นี่แล้วนะ ซึ่งมีหรือที่ป้าจะยอมตกเทรนด์ แต่ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิคหลายประการ แทนที่จะได้ภาพเป็นฉากหลังของมหาวิหารอันสวยงามกลับได้ฉากกั้นในระหว่างก่อสร้างเป็นของกำนัลเสียอย่างนั้น แต่ถ้าคิดในแง่ดีอย่างน้อยเราก็มีรูปถ่ายกับสถานที่ซึ่งไม่เหมือนใคร เป็นการปลอบใจตัวเองแบบเบา ๆ หลังจากซึมซับกับบรรยากาศต่าง ๆ จนได้ที่แล้ว สถานีต่อไปก็คือน้ำพุเทรวี แลนด์มาร์คชั้นดีของกรุงโรม ซึ่งการเดินทางของป้าจะโหด มันส์ ฮา แค่ไหนอย่าลืมติดตามอ่านกันได้ในตอนต่อไปนะจ๊ะ เครดิตเรื่องและภาพโดยผู้เขียน