เส้นทางท่องเที่ยวสายบุญ ครั้งนี้เอาใจคนชื่นชอบสถาปัตยกรรมเก่าแก่ โบราณสถานอิฐแดง และรักในการทำบุญ ไหว้พระ บทความนี้จะนำทุกท่านไปสัมผัสกลิ่นอายอดีตพระอารามหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดธรรมิกราช ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่ติดกับพระราชวังและวัดพระศรีสรรเพชญ์ และยังเป็นวัดที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ วัดธรรมมิกราชสร้างโดยพระเจ้าธรรมิกราช พระโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง จุดเด่นของวัด คือเป็นวัดที่มีการพบเศียรพระธรรมิกราช เศียรพระพุทธรูปสำริด ศิลปะอู่ทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย แต่ปัจจุบันพระเศียรถูกย้ายไปเก็บยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และจุดเด่นอีกจุดคือ เจดีย์ทรงกลมแบบองค์ระฆังคว่ำที่มีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมรอบทั้งหมด 52 ตัว ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้วัดแห่งนี้แตกต่างจากวัดทั่ว ๆ ไปส่วนใหญ่ที่จะมีรูปช้างปูนปั้นล้อมรอบ นอกจากจุดที่กล่าวไปแล้ว ยังมีวิหารพระพุทธไสยาสน์หรือวิหารพระนอน นักท่องเที่ยวสามารถแวะเวียนเข้ามาสักการะบูชาได้ ถัดจากวิหารนี้จะเป็นซุ้มทางเดินเข้าไปยังเจดีย์และพระวิหารหลวง ซึ่งตลอดทางเดินของวัดจะมีซุ้มดอกไม้เป็นระยะ ๆ จุดแรกที่เดินผ่านเข้าไปเป็นลานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีทั้งบทสวดและลานวางสิ่งของเพื่อสักการะบูชา ซึ่งจะพบเห็นรูปปั้นไก่ชนเป็นจำนวนมาก เดินถัดมาอีกหน่อยด้านซ้ายเป็นเจดีย์สิงห์ล้อมดังที่กล่าวไปแล้ว และด้านขวาเป็นพระวิหารหลวงขนาดใหญ่ เป็นโบราณสถานที่ก่อด้วยอิฐสีแดง ที่ผุพังไปตามกาลเวลา ซึ่งเหลือเพียงซากวิหารที่ไม่มีหลังคา และมีผนังล้อมรอบที่ไม่สมบูรณ์เท่าใดนัก ผนังด้านข้างสองด้านมีการเจาะเป็นช่องตลอดแนว และบริเวณวิหารทั้งด้านใน และด้านนอกมีเสาอิฐแดงทรงกลมขนาดสูงใหญ่ด้วยกันหลายเสา ซึ่งในอดีตเสาเหล่านี้เคยรองรับน้ำหนักหลังคาพระวิหาร นอกจากนี้ในวิหารยังมีพระประธานประดิษฐานอยู่ และนักท่องเที่ยวสามารถร่วมสักการะบูชาได้ ปัจจุบันวัดแห่งนี้ก็ยังเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาและปฏิบัติธรรมอยู่ และสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ทั้งรถสาธารณะและรถส่วนบุคคล ซึ่งจะมีลานจอดรถไว้บริการทางด้านหน้าของวัด นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสักการะบูชาและชื่นชมความงดงามได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 -16.30 โดยไม่มีค่าเข้าชม เครดิตภาพประกอบโดยผู้เขียน